สัพเพฯ กอล์ฟ

Hong Kong

Hong Kong

จากหมู่เกาะเล็กๆทางใต้ประเทศจีนที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นหลักทางการค้าของอังกฤษในโพ้นทะเล สัญญาการเช่า100ปีที่อังกฤษทำกับจีนในสมัยนั้นก็เพิ่งจะสิ้นสุดมาเมื่อไม่นานมานี้เอง… ความที่ชาวยุโรปนามว่า”อังกฤษ”ได้เข้าควบคุมดูแลเกาะฮ่องกง แล้วก็เปลี่ยนเกาะนี้เป็นสภาพอย่างที่เราเห็น ความเจริญงอกงามของเกาะนี้มันเจริญแบบ”ทิ้งห่าง”ทุกที่บนพื้นโลกในแถบนี้ที่มีชีวิตของมนุษย์อยู่ จากรากฐานที่ว่ามาเมื่อก่อนอะไรก็”ฮ่องกง” การศึกษา, วิชาการ, ความเจริญที่เราไม่เคยเห็น รวมถึงอาหารการกินและชีวิตผู้คนที่สวยงาม ทุกอย่างถูกควบคุมรวมอยู่ที่เกาะนี้นี่แหละครับ…

แล้วครูไก่เกิดอะไรขึ้นรึถึงได้เขียนถึง “Hong Kong” ในคราวนี้…คือว่าเมื่อไม่นานมานี่ครูไก่มีโอกาสได้เดินทางไปฮ่องกงเป็นเวลาสั้นๆ จากเวลา3วัน2คืน ที่ต้องพำนักพักพิงอยู่ที่นั่นก็สนุกดี…

การเดินทางของเราก็สิบโมงนิดๆเครื่อง”การบินไทย”ก็พาคณะเราไปสู่เกาะฮ่องกง ใช้เวลา3ชั่วโมงนิดๆก็จบลงได้แบบสวยงาม แต่การเดินทางแบบไม่มีผู้นำทางก็เริ่มขึ้น จากสนามบินเราใช้รถไฟข้ามจากฮ่องกงมาสู่ที่พักซึ่งอยู่ที่”เกาลูน”ด้วยรถไฟฟ้า “Airport Express” แต่ที่ดีมากสำหรับพวกเราคือ”คำแนะนำจากพนักงานการบินไทย” บนเครื่องเที่ยวนั้น…เขาบอกว่าอย่านั่งรถ”แท็กซี่”เพราะนอกจากจะแพงแล้วการเดินทางช่วงบ่ายๆแบบนี้มันติดขัดอยู่ไม่น้อย…

จากสนามบินสู่เกาลูนด้วย MTR เวลามันจบที่35นาทีเท่านั้นเอง แต่ถ้าเป็นแท็กซี่ก็คงมีชั่วโมงครึ่งแน่ๆ คำแนะนำของพนักงานการบินไทยคนนั้นบอกว่า “จากนั้นให้นั่งรสบัส” เข้าไปโรงแรมชนิดไม่มีค่าใช้จ่ายอีกด้วย กลุ่มเราทำตามคำแนะนำที่ว่า”รสบัส”ก็พาเรามาที่ “PARK HOTEL” แบบถึงหน้าประตูห้องกันเลยทีเดียว

ห้องพักสะอาดสะอ้านดีมากครับกลุ่มเราพากันเดินสำรวจโดยรอบบริเวณของโรงแรม แล้วก็หมายตาบรรดาร้านอาหารจีนแต้จิ๋ว กวางตุ้ง หรือแม้แต่อาหารไทยสุดท้ายก็จบลงที่อาหารจีนแบบ”กวางตุ้ง” ซึ่งกลุ่มของเรามี13ชีวิตก็พอใจกับรสชาดของการปรุงแบบดั้งเดิมของพ่อครัว…

กลับเข้าโรงแรมกันเกือบเที่ยงคืนของวันศุกร์ครับ นี่คือคืนแรกของผมและคณะที่เกาลูน แต่ที่น่าจะยินดีเป็นที่สุดของเราก็คือ เด็กฝึกงานที่ขอมาฝึกงานเป็นเวลา1ปี ที่เกาลูนด้วยทุนตัวเองเป็นเด็กไทยจาก มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งเธอศึกษาในสาขาวิชาการโรงแรมอยู่นั่นเองครับ

ย่างเข้าสู่วันที่สองของการท่องเที่ยวนั้นช่วงเช้าก็ร้าน”โจ๊ก”ฮ่องกงที่อยู่ใกล้ๆโรงแรมนั่นเอง…เนื้อโจ๊กเนียนนุ่มมากครับ ไข่เยี่ยวม้าที่ใส่มาด้วยมันได้ความรู้สึกที่เข้ากันมากทีเดียว แต่ทีเด็ดอยู่ที่ “บรรดาเครื่องในหมู” ที่ลวกมาเป็นชิ้นใหญ่”พอคำ” มันให้ความหอมของแต่ละชิ้นส่วนจริงๆ ทั้งตับ, กะเพาะแล้วก็เซี่ยงจี้ ไม่รู้เขาทำกันอย่างไรมันช่าง “อร่อยถูกปาก” เสียจริง…ส่วนปลาท่องโก๋ที่ตัวขนาดใหญ่กว่าของเราเกือบ3เท่าตัว มันก็กรอบนอกนุ่มในยิ่งนัก…

“จากคนสู่มดปลวก”

หลังจากจัดการกับอาการเช้าแบบถูกใจทุกคนแล้ว พวกเราก็ออกเดินทางไปถนน”นาธาน”โดยการเดิน, เดิน, แล้วก็เดินสู่ถนนนาธาน ต่อด้วย”จอร์แดน” ซึ่งเป็นถนนในเขตใกล้ๆกัน ซึ่งแทบจะทุกเมตรของการเดินทางมันมีแต่ร้านขายของกับห้างใหญ่โต ผู้คนเดินกันไปมาเต็มไปหมดแยกเล็กๆในเมืองมีแต่ผู้คนข้ามไปมาแบบไม่ขาดสายกันเลยทีเดียว…

จากเขตนาธานเราข้ามสู่เกาะ”ฮ่องกง”ด้วยรถไฟใต้ดิน ซึ่งถ้าไม่มีพี่ซึ่งเคยร่ำเรียนที่นี่มาก่อนเราและพวกพ้องคงมุดอยู่ในรูกันแบบไม่รู้จะไปโผล่ที่ไหนกันแน่แล้วครับ…แต่นี่เข้าตรงนี้ไปโผล่ตรงนั้นเดินกันจนเมื่อยแล้วเมื่อยอีกก็มุดลงใต้ดินไปโผล่เอาท่าเรืออีกแล้ว สุดท้ายก็ต้องมานั่งพักกันที่ท่าเรือ นั่งจิบกาแฟกันแบบสบายๆกันทั้งคณะ

“ท่าเรือ” ที่ครูไก่พูดถึงมันก็เป็นท่าเรือแบบ”เรือสำราญ”อะไรแบบนั้นแหละครับ เท่าที่ดูเรือนี้มันน่าจะออกทะเลไปได้เป็นเดือนๆเสียกระมัง จากท่าเรือนี่มันก็จะเชื่อมติดกับห้างใหญ่โตที่ถ้าจะดูกันครบจบทั้งห้างคงต้องเป็นวันๆมั้ง…ไม่ว่าจะไปไหนต่อไหนกันเราก็จะอาศัยMTRของเขานี่แหละมันเจ๋งดีแท้ๆ…

“Indian 1926”

จากห้างที่ติดกับท่าเรือที่ครูไก่ได้ไปป๊ะกับ “Indian รุ่นปี1926” ที่ยังชีวิตนับว่าเป็นบุญจริงๆ เครื่อง V Twin โช้คหน้ายังอาศัยแหนบเบาะแบบจานจักรยานชนิดสปริงคู่…ความจริง”Indian”นี่ก็เป็นคู่กัดกันมากับ”Harlay-Davidson”มาเก่าก่อน แต่ทำไม”Indian”กับตายไปก่อนเวลาอันควรก็ไม่รู้…

ฉบับหน้าจะต่อภาคสองของ “Hong Kong” กับครูไก่ อย่าลืมติดตามนะครับ…

ครูไก่ ลำพอง ดวงล้อมจันทร์