เราต้องใช้เวลาให้เป็นประโยชน์มากที่สุด – ธมนันท์ พุ่มกัน
ธมนันท์ พุ่มกัน
หจก. โอเค พลัส กรุ๊ป
เก๋เก๋
จากสาวน้อยวัยใสที่เริ่มการทำงานในวงการสื่อฯ, เอเจนซี่ พร้อมๆ กับการเรียนควบคู่ไปด้วย คุณ “เก๋เก๋” ได้เริ่มพลิกผันตัวเองครั้งแรก เมื่อมีโอกาสได้พบกับ มร.ปีเตอร์ วิลเด้นท์ เจ้าของธุรกิจ แล้วความท้าทายชิ้นแรกในชีวิตก็เริ่มต้นขึ้น เมื่อ มร.ปีเตอร์ มอบหมายให้ผลิตสื่อสิ่งพิมพ์พร้อมกับประสัมพันธ์เพื่อทำการเปิดตัวสินค้าใหม่ ประเภทเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ซึ่งเธอก็ตัดสินใจรับงานทันทีทั้งๆ ที่ยังไม่เคยมีประสบการณ์ทางด้านนี้มากก่อน อาศัยที่ชอบและรู้สึกสนุกกับงานแปลกๆ ใหม่ๆ จึงเรียนรู้งานได้อย่างรวดเร็ว
พอร่วมงานกันไปอีกระยะ วันหนึ่ง มร.ปีเตอร์ ก็ได้ชี้ไปที่ชุดโซฟาในออฟฟิศ แล้วเอ่ยปากถามว่า “อยากจะซ่อมโซฟาตัวนี้ ช่วยหาคนทำให้หน่อยสิ่” โจทย์ก็คือ อยากทำโซฟาเดิมที่เก่าหมดสภาพ โมดิฟายให้กลับมาดูใหม่เอี่ยม หุ้มด้วยหนังแท้… ชีวิตของ คุณเก๋ ก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง…
นั่นคือจุดเริ่มต้นของการเข้าสู่ธุรกิจการรับซ่อม ดูแล ปรับปรุง เฟอร์นิเจอร์ที่ใช้งานแล้ว จนเติบโตมาเป็นแถวหน้าของวงการ มีงานใหญ่ๆ ให้ได้แสดงฝีมือ ได้รับความไว้วางใจจากเครือธุรกิจน้อยใหญ่ อย่างที่เห็นในปัจจุบัน แล้วทุกคนมักจะถามว่า ทำธุรกิจเฟอร์นิเจอร์จนประสบความสำเร็จได้เพราะมีพื้นฐานใกล้ชิด หรือครอบครัวทำงานด้านนี้มารึเปล่า… ซึ่งเธอก็จะตอบแบบเต็มปากเต็มคำว่า “ไม่มีเลยค่ะ” งานนี้อาศัย “ใจ” ล้วนๆ…
“เก๋ เห็นโอกาสค่ะ ถือว่าใครให้งานมาก็รับไว้ ทุกคนเป็นผู้มีพระคุณกับเรา” คุณเก๋เก๋ เล่าย้อนถึงจุดเริ่มว่าไม่ได้เกิดจากความชำนาญหรือพื้นฐานดั้งเดิมแต่อย่างใด คิดแค่เพียงว่า เมื่อโอกาสมาก็ต้องคว้าไว้ เป็นการท้าทายความสามารถตัวเอง ถ้าอยากเอาชนะก็ต้องศึกษาให้รู้จริง รู้ลึก แล้วก็ต้องรู้ให้เร็วที่สุดอีกด้วย
เวลาทำงาน คุณเก๋เก๋ มีบุคลิคที่ “ขัด” กับลักษณะงานลุยๆ ชนิดที่เดากันไม่ออก เพราะ “เก๋เก๋” เธอ “เก๋” สมชื่อ เรื่องการแต่งกายต้อง “จัดเต็ม” ตลอด มีแอบเซ็กซี่บ้างตามสไตล์ที่ตัวเองชอบ ใครๆ เห็นไม่คาดคิดว่า นี่แหล่ะ “ขาลุย” ตัวจริง เพราะเมื่อถึงหน้างานเมื่อไหร่ เธอก็จะลงไปสำรวจตรวจตรา ลงไปลุยงาน จนลืมไปว่าตัวเองอยู่ในชุดสวยที่เหมาะกับการเดินชิลๆ ทำตัวหรูๆ อยู่ในห้างเย็นๆ มากกว่ามาบู๊ในไซด์งานร้อนๆ …
แต่กว่าจะประสบความสำเร็จได้ ชีวิตของผู้หญิงตัวเล็กก็ต้องล้มลุกคลุกคลานมาหลายครั้งหลายหนจากความใส่ซื่อ อ่อนหัดในโลกธุรกิจ ที่เมื่อเริ่มต้นมองโลกแต่ในมุมสวย จนกระทั่งได้เจอกับชีวิตจริงที่ไม่เหมือนในฝัน
“โดนหนักมากเลยค่ะ ตอนนั้นกำลังขยายธุรกิจ เพราะเห็นว่าธุรกิจเราไปได้ดี เพิ่งได้เงินโอดีออกมา เพิ่งซื้อตึกใหม่ เริ่มมีพนักงานประจำเยอะขึ้น แต่กลับมาเจอมรสุมรุมเข้ามาพร้อมๆ กัน ทุกด้าน เก็บเงินลูกค้ารายใหญ่ไม่ได้สักราย เราต้องกู้เพื่อใช้หนี้ อะไรขายได้ก็ต้องขาย ถึงขนาดต้องหนีไปใช้ชีวิตให้สงบจิตสงบใจที่หัวหิน เพราะรับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น”
“นั่นคืออุทาหรณ์เตือนใจให้กับตัวเอง ที่อยากจะบอกกับทุกคนด้วยว่า เวลาที่ก้าวเข้าไปในสิ่งที่แปลกใหม่สำหรับเรา ต้องมีความระมัดระวังมากเป็นพิเศษ อะไรที่ได้มาง่ายๆ ก็จะหมดไปง่ายๆ เช่นกัน”…
โชคชะตาก็เล่นตลกอีกครั้ง ไม่ยอมให้เธอต้องตัดขาดจากงานที่สร้างเธอขึ้นมา ขณะที่อยู่หัวหิน ก็มีโอกาสได้ดูแลบริหารโฮสเทลอีกครั้ง ผ่านไป 2 ปี ทุกอย่างก็เริ่มดีขึ้นตามลำดับ เพื่อนฝูงที่รู้จักว่าเธอเคยอยู่ในวงการเฟอร์นิเจอร์ก็เรียกตัวตามให้มาทำงานอีก หลังจากที่เคยได้รับความไว้วางใจให้ดูแลโครงการใหญ่ๆ ห้างสรรพสินค้า โรงแรมหรู ฯลฯ มาเยอะแยะมากมาย แต่กลับมาสะดุดเพราะปัญหาที่คนอื่นก่อให้…
“ตอนนั้นยังเด็กมาก พอเกิดปัญหาก็ไม่นิ่ง พาลูกน้องไปลุย ไปทวง จะไปยึดของกลับ จนเกิดคดีฟ้องร้อง มีทั้งชนะทั้งแพ้ ตอนนั้นยังอ่อนมาก ไม่รู้ข้อกฎหมาย แม้กระทั่งคดีเช็ค ซึ่งมีอายุความแค่ปีเดียว พอครบอายุก็กลายเป็นแค่เศษกระดาษ ทำอะไรไม่ได้อีก”
สิ่งเดียวที่เธอทำได้ก็คือ “นอนร้องไห้” คนเดียว เห็นห้าวๆ ลุยๆ แบบนี้ จริงๆ แล้วเปราะบางมาก ตุ๊กตาหมาในห้องนอน กับ รถปิ๊คอัพคู่บุญ จึงเป็นที่ระบายความในใจที่อัดอั้นอึดอัดสารพัด ทั้งพูดคุย ทั้งร้องไห้ ซึ่งไม่เคยให้ใครได้เห็นมุมที่อ่อนแอนี้เลย ทันทีที่ก้าวออกสู่โลกภายนอก เธอก็ปาดน้ำตา พร้อมจะลุย ด้วยบุคลิกที่มาดมั่น สนุกสนาน เฮฮา ไม่เคยทำให้คนรอบข้างต้องเป็นกังวลหรือทุกข์ใจไปด้วย…
“คุณแม่ คือกำลังสำคัญที่สุดของชีวิต แม่จะคอยบอกอยู่เสมอว่า ช่างมัน เวลาที่จะมีอะไรร้ายๆ เข้ามากล้ำกราย แม่จะกางปีกคอยปกป้องเสมอ ออกนำหน้าคอยกันให้ลูกอยู่ข้างหลัง แม่เป็นคุมคนอยู่ ขณะที่ตัวเองมักจะใจอ่อน ถึงแม้จะปากร้าย แต่ใจดี จบแล้วจบเลย แต่ถือซะว่าเราได้ช่วยเขา เราถึงไม่มีวันหมด ล้มยังไงก็ยังกลับมาพลิกฟื้นได้ เหมือนแมว 9 ชีวิต”
“อยากจะบอกให้ทุกคนได้ทราบว่า บางครั้งเมื่อแก้ปัญหาชีวิตยังไม่ได้ ก็อย่าไปเสียเวลาแก้ ลองหันเหตัวเองไปทางอื่นบ้าง ออกไปพบกับสังคมภายนอก ออกไปพูดคุยในเรื่องที่ไกลตัว เรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรา หรือรับฟังคนอื่นๆ แล้วสมองของเราก็จะโล่ง มีประสิทธิภาพขึ้น เมื่อกลับมาแก้ปัญหาตัวเองอีกครั้งเรื่องใหญ่ๆ เรื่องยากๆ ก็อาจจะกลายเป็นเรื่องง่ายๆ ไปเลยก็มี”
และจากบุคลิกอันโดดเด่นของคุณเก๋ ทำให้มีเพื่อนชักชวนให้เข้าสู่วงการประกันฯ ซึ่งเธอก็ปฏิเสธมาหลายครั้งหลายหน เพราะคิดว่าไม่เหมาะกับงานนี้ จนกระทั่งมาเรียนรู้ว่า ประกันภัย ไม่ได้มีแค่เรื่องเดียว ยังมีส่วนของการออม การวางแผนทางการเงิน ที่ได้รับผลประโยชน์มากเกินกว่าที่คาดคิด และเมื่อมีความเข้าใจถ่องแท้ตัวเองได้รับสิทธิประโยชน์เองแล้ว จึงได้ส่งต่อความเข้าใจนี้ให้กับผู้ที่อยู่รอบข้าง จนเธอได้รับรางวัลทำยอดขายสูงสุดระดับประเทศมาแล้ว ซึ่งเป็นงานที่สามารถทำควบคู่กับธุรกิจหลักได้อย่างลงตัว…
“คนเรามีเวลา 24 ชั่วโมง เท่ากัน ขึ้นอยู่กับว่า คุณจะจัดสรรเวลาอย่างไรให้ลงตัว เราต้องใช้เวลาให้เป็นประโยชน์มากที่สุด อะไรที่เสียไปก็อาจจะแก้ไขซ่อมแซมให้กลับคืนมาได้ แต่กับเวลา ถ้าสูญเสียไปแล้ว เราไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขได้อีก ดังนั้น ใช้ทุกนาทีให้มีค่ากับชีวิตค่ะ”…!