Interview

กุลวัต กาญจนศักดิ์ชัย

กุลวัต กาญจนศักดิ์ชัย
สนามกอล์ฟเมืองเอก
“ครอบครัวที่เป็นเลิศ คือการประสบความสำเร็จที่สุดของชีวิต”

ลูกคนเล็ก : ผมเกิดมาในครอบครัวใหญ่ เป็นลูกคนสุดท้อง คุณพ่อทำธุรกิจเกี่ยวกับส่งอาหารสด ให้กับเรือนจำทั่วประเทศ ไม่ได้ร่ำรวยมาก แต่ก็ไม่ลำบาก ถูกเลี้ยงดูมาค่อนข้างตามใจ เป็นลูกคนเล็กด้วย ช่วงวัยรุ่นก็มีรถขับ ทุกอย่างดูแล้วสุขสบาย จนมาถึงจุดค้นหาความจริงของตัวเองที่ว่า ชีวิตเราบันเทิงมาพอแล้ว แต่ถ้าเรามีครอบครัว มีลูก จะดูแลได้อย่างไร มันเป็นช่วงตกต่ำของชีวิต ที่คิดว่าจะต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว

เล่นกอล์ฟหนักมาก : ผมเริ่มเล่นกอล์ฟเมื่ออายุราว 22 ตอนนั้นเรียนปี 4 ตีครั้งแรกก็ที่สนามเมืองเอกนี่แหล่ะ ซ้อมอยู่ที่นี่ทุกวัน เล่นจริงจัง จนได้ซิงเกิ้ลแฮนดิแคปภายในปีแรก ไปแข่งขันตลอด ชนะได้รางวัลมาเยอะ มุ่งมั่นมาก เรียนจบก็ยังไม่ได้ทำงาน เล่นกอล์ฟหนักมาก ซ้อมเยอะ จนถึงกับไปลองเทิร์นโปรมาแล้ว แต่ก็มีคำถามในใจว่า ทำไมเราตีกอล์ฟในระดับพอใช้ได้ มีก๊วนเล่นประจำ แต่เอาเข้าจริง ๆ กลับกลายเป็นว่า เล่นกอล์ฟแบบนี้มันไม่แน่นอน มีได้ มีเสีย

ขายซีดี : เมื่ออายุราว 27 เปิดร้านขาย ซีดี เทปเพลง ที่ ฟิวเจอร์ปาร์ค รังสิต แต่ผมยังติดเล่นกอล์ฟอย่างรุนแรง เล่นมาก ๆ เลย ตอนเปิดร้าน ก็ทำแบบคนทำธุรกิจไม่เป็น ไปเล่นกอล์ฟแล้วให้ลูกน้องเป็นคนขาย ทำได้อยู่สักพักใหญ่ จนมองว่าตลาดมันไปไม่ได้แล้ว วันนึงธุรกิจก็คงต้องจบ จนอายุ 31 รู้ตัวว่าตลาดซีดี มันไม่ใช่แล้ว มันก็จบจริง ๆ ผมออกจากธุรกิจด้วยการ เลิก ขายร้านขายร้านทิ้งไป

จุดเริ่มต้นตั้งตัว : ตอนนั้น สถานการณ์บังคับ ผมเหลือเงินน้อยแล้ว นับว่าเป็นช่วงเวลาที่แย่ที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้ เพราะไม่รู้ว่าในอนาคตจะอยู่อย่างไร เมื่อรายรับมันไม่มีความแน่นอน มันไม่ใช่เลย และรู้สึกว่า ตัวเองอยากทำแล้ว และไม่มีใครสามารถมาบอกเราได้ เราต้องทำเอง ตั้งใจทำ ก่อนหน้านี้ ชีวิตมีแต่เรียนหนังสือกับเที่ยว วนเวียนกันไป มีแต่เรื่อง ไอคิว ไม่มีเรื่อง อีคิว ไม่มีความคิดในเรื่องทำงานเลย จนกระทั่งมาคิดว่า ควรจะต้องทำอะไรบ้างแล้ว ประกอบกับ มีพี่สาวทำร้านขายยา เราเองก็พอมีความรู้ทางด้านนี้ ทำให้ตัดสินใจหยุดเล่นกอล์ฟ แบบหักดิบ โยนไม้กอล์ฟทิ้ง แล้วทำงานอย่างเดียว

ธุรกิจอสังหาฯ : เราได้ไปซื้อที่ดินราว 150 ตารางวา แถว นวนคร คิดว่าจะทำอะไรดี สรุปว่าทำ อพาร์ตเม้นต์ ได้ประมาณ 60 ห้อง กะว่าจะเก็บค่ารายเดือน แต่ระหว่างก่อสร้าง มีรุ่นพี่ต้องการจะทำอพาร์ตเม้นต์เหมือนกัน แต่เขาไม่ต้องการจะก่อสร้างเอง ก็มาขอซื้อตั้งแต่เรายังสร้างไม่เสร็จ ผมมองว่า น่าเป็นโมเดลธุรกิจตัวนึงได้ เราจึงสร้างไปเรื่อย ๆ รวมเบ็ดเสร็จสร้างไปทั้งหมด 18 แห่ง ช่วงนั้นค่อนข้างสนุกกับการทำงาน

ร้านขายยา : ทำมาพร้อม ๆ กันกับอสังหาฯ ช่วงทำงาน มีความสนุกกับการขายยา เจอลูกค้า บริหารงาน จนกระทั่งถึงจุดที่มาคิดว่า ร้านขายยา มันน่าจะมีอะไรมากกว่าการซื้อขายยา หน้าร้าน หลังร้าน ยี่ปั๊ว ฯลฯ ที่เราคิดคือ จะทำอย่างไร ให้คนที่ทำร้านขายยา ประสบความสำเร็จในมุมใหม่ ๆ ของธุรกิจ

หยิบจับด้วยตัวเอง : พอถึงจุดที่ต้องทำงานจริง ๆ ด้วยตัวเอง เรากลับมีความรู้สึกจดจำทุกอย่างได้เป็นอย่างดี จำได้แม้กระทั่งว่า ขายยาแผงแรกให้กับคุณป้า พอขายเสร็จ น้ำตาไหลเลย คิดในใจว่า เราถูกเลี้ยงมาดีทุกอย่าง ต้องมาทำแบบนี้ด้วยเหรอ ขายก็กำไรแค่ไม่กี่บาท แต่ในที่สุดเราก็ทำได้ เอาชนะตัวเอง แล้วผ่านช่วงนั้นมา จนมาถึงวันนี้ ผมขายยาเองอยู่เป็นสิบปี จนมีสาขาเยอะแยะ ก็ยังชอบขายเองอยู่ จากยอดขายไม่กี่บาท จนมาถึงหลักแสนต่อวัน รู้สึกมีความสุขที่ได้ทำตรงนั้น

ธุรกิจเอื้ออาทร : ในตลาดมีอยู่มากมายที่ประสบความสำเร็จ ส่วนใหญ่ล้วนแข่งกันในเรื่องของราคา จนทำให้ตลาดมันรวน แต่ผมกลับมองว่า ผมจะขายปกติของผมไป แต่สิ่งที่ แตกต่างคือ ร้านขายยาทุกร้าน จะต้องมีเภสัชกร ทำหน้าที่ มีป้ายแขวน ผมมองเห็นโอกาสว่า น้อง ๆ เภสัชกร ที่จบออกมา ความต้องการจริง ๆ คือ เป็นเจ้าของร้าน ไม่ใช่อยู่แต่ป้าย แต่ตัวไปทำงานอื่น แต่ตัวเขาเอง ไม่มีประสบการณ์ ไม่รู้จะเริ่มจากจุดไหน เราจึงคิดโมเดลธุรกิจขึ้นมาว่า ลองคุยกันว่า มีทางจะช่วยเปิดร้านขายยาให้เขาได้หรือไม่ ให้เป็นเจ้าของเองเลย เรามีสาขาอยู่บ้าง ก็เลยขายให้น้องเภสัช กึ่งขายอสังหาและธุรกิจ ผมขายไปเยอะมาก จนจับความต้องการได้ว่า น้อง ๆ ก็อยากมีธุรกิจ ทำให้ผมค่อนข้างประสบความสำเร็จ ทำแบบนี้มานับสิบปี

ทำงานจนลืมตัวเอง : กล้าพูดได้เลยว่า 12 ปี ไม่เคยซื้อความสุขให้ตัวเอง ทำอย่างอย่างเดียว เสื้อผ้า จากที่เคยชอบแต่งตัว ก็ใส่แต่ที่แถมมา รถถึงแม้จะชอบหรู แต่ก็ใช้แค่คันเดิม มารู้ตัวอีกที จนเมื่อผ่านไป 12 ปี ถึงรู้ว่า ไม่มีโอกาสใช้เงิน ในเรื่องไร้สาระเลย มีแต่หาเงิน เก็บเงิน

คืนกำไรให้ตัวเอง : หลังจากทำงานอย่างเดียวมา 12 ปี ตอนนั้นกำลังจะแต่งงาน คิดว่าตัวเองมัวแต่ทำงาน ไม่ได้ใช้ในสิ่งที่หามา เลยคิดว่า จะซื้อความสุขให้กับตัวเองบ้าง สิ่งแรกก็คือ ซื้อรถซูเปอร์คาร์ เด็กผู้ชายทุกคนคงชอบรถกันหมด เป็นความฝัน ก็ไม่เคยคิดมาก่อนเหมือนกันว่าจะซื้อ แต่พอถึงจุดที่มีกำลังพอ ก็อยากมีไว้ที่บ้าน เอาไว้ขับ มันคืองานอดิเรกที่มีความสุข มีผลทางใจ แล้วรถพวกนี้ บางรุ่นที่เป็นลิมิเต็ด สั่งทำพิเศษ มูลค่าเวลาขายต่ออาจจะเพิ่มขึ้นด้วย ไม่เหมือนกับรถทั่ว ๆ ไป ก็ต้องรู้จักให้ลึกซึ้ง พอดีผมเคยขับ โกคาร์ท แข่งเป็นเรื่องเป็นราว มีรถ มีทีมงาน ไปแข่งทั่วประเทศ ทำให้มีทักษะทางด้านนี้มา และที่สำคัญคือ อยากใช้ชีวิตให้มีความสุข มีครอบครัว อยากกลับมาเล่นกอล์ฟ

กีฬา กับ ธุรกิจ : ผมรู้ตัวดีว่า เมื่อกลับมาเล่นกอล์ฟ จะเป็นยังไง เพราะผมเสพติดกับการซ้อม กับการเล่น ผลที่ได้คือ สุขภาพที่ดีขึ้น แต่ฝีมือก็ไม่ใช่ว่าจะกลับมาเหมือนเดิม จาก 100 อาจจะได้คืนมาแค่ 50 เท่านั้น ความมุ่งมั่น เป้าหมาย อายุ ทุกอย่างล้วนมีผลกับการเล่น เมื่อก่อนเล่นกอล์ฟแบบไม่กลัว คุณทำได้ ผมก็ทำได้ แต่วันนี้ มันเปลี่ยนไป คุณทำได้ แต่ผมจะทำยังไง มันมีรายละเอียด ทำให้ต้องคิดมากกว่าเมื่อก่อน แต่ก็มีความสุขที่ได้ตีกอล์ฟ แล้วความมุ่งมั่นในกีฬากอล์ฟ มันสวนทางกับการดำเนินธุรกิจ เพราะเมื่อทุ่มเทอย่างหนึ่งไป ก็ต้องเสียอะไรบางอย่าง พอวันนี้เราหันมาทุ่มเทให้กับธุรกิจ ก็สูญเสียฝีมือกอ​ล์ฟไปบ้าง แต่ก็พยายามตีให้มีความสุขมากกว่า

เคยเทิร์นโปร : เมื่อสมัยเล่นกอล์ฟหนัก ๆ ผมเคยเทิร์นโปรมาแล้วสองครั้ง กติกาคือ เกินได้ไม่เกิน 16 แต้ม เฉลี่ยวันละ 4 แต้ม สอบครั้งแรกสกอร์ไม่ดี ตีหลุด พอครั้งที่สองตั้งใจซุ่มซ้อม วันแรกตีอีเว่นต์ วันที่สองเกิน 1, วันที่สามเกินอีกแค่ 1 คิดว่ายังไงก็ผ่านแน่ ๆ ยิ่งตอนนั้น มีความพร้อมทุกอย่าง ก็ไปสอบวันที่สี่แบบไม่คิดกังวลอะไร แต่คนเราดวงมันจะไม่ได้ ก็มีเหตุจนได้ ผมไปถึงสนามก่อนเวลาชั่วโมงครึ่ง เข้าห้องน้ำ เพื่อเตรียมตัวซ้อม แล้วก๊อกน้ำก็หนีบมือ เนื้อหลุดออกไปเลย จนทุกวันนี้ยังมีแผลเป็นอยู่เลย จับกริ๊ปไม่ถนัด แต่ก็กัดฟัน ลงสนามไปลองตีดูก่อน รอบแรกตี 41 ก็คิดว่า รอบหลังยังไงก็ยังมีโอกาส เหลืออีกตั้งหลายแต้ม แต่รอบหลังเอาไม่อยู่จริง ๆ สนามทั้งยาว ทั้งยาก มือก็เจ็บจนทนไม่ไหว ในที่สุดผมตีหลุดตกไปแค่แต้มเดียว กลับมาจากสอบครั้งนั้นแล้วผมก็ไม่เอาอีกเลย มันเหนื่อยมาก ซ้อมวันนึง แข่งอีกสี่วัน เดินอย่างเดียว ไม่ได้พักเลย มันเหนื่อย เก็บตัวไว้เล่นกับก๊วนอย่างเดียวดีกว่า

เคล็ดลับการบริหาร : ข้อแรก ต้องมีวินัยทางการเงิน ผมเน้นมาก แต่การจะมีวินัยทางการเงินได้ ทุกคนจะต้องพอใจด้วย, สอง ความทุ่มเทให้กับองค์กร คุณต้องมี ไม่ว่าจะทำงานอะไร ต้องให้เต็มร้อย ผมมีวินัย พนักงานก็มีวินัย เราทุกคนรักองค์กร ไปรอดแน่นอน และ การให้ใจของเรากับพนักงาน และกับลูกค้า เป็นสิ่งสำคัญ ต้องมีความซื่อสัตย์กับทุกคน ตรงไปตรงมา ยิ่งกับลูกค้าแล้ว ทำดี ซื่อสัตย์กับเขา บริการให้ประทับใจ เขาก็จะกลับมาหาเราซ้ำแล้วซ้ำอีก

สนามเมืองเอก : เมื่อก่อนผมอยากเป็นเจ้าของสนามกอล์ฟมากเลย แต่หลังเป็น รู้สึกว่า ทุกอย่างที่เห็นคือภาระหน้าที่ ขยะก็ต้องเก็บ ห้องน้ำก็ต้องคอยดู กลัวลูกค้าบ่น หลาย ๆ อย่างกลับมาพลิกเป็นหน้าที่ ไม่ใช่การบริหาร แต่เป็นภาระในการดูแล ก็คิดว่าทำได้ เพราะทำแล้วรู้สึกสนุก มีความสุข ทำให้ผมมองตลาดลูกค้าไว้ว่า อยากจะทำอะไรใหม่ ๆ บ้าง สนามนี้เปิดมานานแล้ว ถือว่าเป็นอีกสนามเก่าแก่ นักกอล์ฟรุ่นใหม่ ๆ อาจจะไม่รู้จัก เราจะจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมนักกอล์ฟ ไม่มุ่งเน้นแค่นักกอล์ฟผู้ชาย เราต้อนรับ ทุกเพศ ทุกวัย เราจะจัดโซนเลดี้ โซนเยาวชน ศักยภาพและทำเลเรามีความพร้อม สถานที่มีขนาดพอเหมาะ

วิกฤติโควิด : ทำงานในช่วงนี้ ยังไงก็เครียด แต่เราก็แค่ปรับตัว ไม่ต้องไปกังวลใจมาก ลูกน้องหลายร้อยคนที่อยู่กับเรา เขาก็ต้องปรับตัว ให้อยู่กับสถานการณ์ให้ได้ ปรับตัวได้ ก็มีความสุข แต่ถ้าเครียด ปรับตัวไม่ได้ ก็ทุกข์ คำถามมันเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา จะถูกลดเงินเดือนมั้ย เรายังจะเปิดมั้ย ถ้าถูกลดเงินเดือนแล้วจะอยู่ยังไง ผมก็เรียกประชุมทุกคน แจ้งว่า ยังไงเราก็ต้องปรับตัว คนมีงานทำ ก็ไม่ควรลดเงินเดือน แต่คนไม่มีงาน ก็ต้องลด ผู้บริหารก็ต้องเป็นตัวอย่างที่ดี ไม่รับเงินเดือน ทุกอย่างต้องเป็นธรรม

ฟ้าหลังฝน : ช่วงปิดธุรกิจ ทำให้ผมได้เรียนรู้อะไรใหม่ ๆ อีกหลายอย่าง ธุรกิจที่ได้รับผลกระทบโดยตรงคือ สนามกอล์ฟ ถูกปิดไปราวเดือนครึ่ง ช่วงนั้นเราก็ดูแลสนามให้เตรียมพร้อมสำหรับกลับมาเปิดใหม่ ส่วนการจะลงทุนเพิ่มก็ต้องใช้ความระมัดระวัง โชคดีที่หลังวิกฤติก็ ธุรกิจสนามกอล์ฟ กลับมาฟื้นตัวได้ค่อนข้างเร็ว นักกอล์ฟกลับเข้ามาในปริมาณที่เรากำหนดไว้ มีการจองเต็มทุกวัน เราปฏิบัติตามกฎกติกาทุกประการ และได้รับเสียงตอบรับค่อนข้างดี ทำให้มีกำลังใจ พนักงานมีความสุข เราก็สุขไปกับเขา

สภากาแฟ : ในอนาคตอันใกล้ เราอยากทำให้สนามของเรา เป็นเหมือนสภากาแฟ เป็นศูนย์รวมคนรักกอล์ฟ ชอบเล่นกอล์ฟ ให้มาซ้อม มาเล่นที่นี่ อยากออกรอบก็ออกไปเล่น ไม่ออกรอบ ว่าง ๆ ก็มานั่งทานอาหาร ทานกาแฟ คุยกัน มีสังคมดี ๆ ที่นี่ อยากให้มีสถานที่หนึ่งของวงการกอล์ฟไทย ที่คุณเข้ามาแล้ว ไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายเยอะแยะมากมาย สบายใจ รู้สึกเหมือนบ้าน ผมจะเน้นย้ำเรื่องนี้กับพนักงานและแค้ดดี้ทุกคน พวกเรามีความเป็นห่วงเป็นใย ดูแลกันแบบครอบครัวเดียวกัน

สนับสนุนเยาวชน : การออกรอบแต่ละครั้ง มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง การที่ครอบครัวจะสนับสนุนนักกอล์ฟ ให้มีโอกาสก้าวไปไกลจนถึงระดับโลก อย่างโปรช้าง โปรอาร์ม อาจจะไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะปัจจุบันภาระค่าใช้จ่ายมันสูงขึ้น เราก็มองว่า เราอาจจะช่วยเหลือครอบครัว น้อง ๆ ในส่วนนี้ได้บ้าง หลาย ๆ สนามก็น่าจะทำอยู่บ้างแล้ว แต่ เราต้องช่วยกันทำอย่างจริงจัง และน่าจะประสบความสำเร็จได้ไม่ยาก เพราะไม่ได้มุ่งเน้นผลประโยชน์ หรือหารายได้ ที่เราได้สนับสนุนมาแล้วก็ เช่น กีฬามหาวิทยาลัย และยังจะมีโปรแกรมให้พิเศษสำหรับเยาวชน และผู้ปกครองที่พาเด็กมาเล่น เราก็มีอัตราพิเศษให้ทุกคน

ความสุขที่แท้จริง : ค้นพบกับตัวเองว่า การทำงาน การได้มีหน้ามีตาในสังคม การได้เป็นเจ้าของสถานประกอบการใหญ่ เจ้าของธุรกิจ มันก็ดี มันคือความฝันของทุกคน แต่ส่วนตัวคิดว่า ความสุขจริง ๆ มันไม่ใช่ตรงนั้น  ความสุขที่แท้จริง มันก็ไม่ใช่การทำงาน เราได้มีอิสระ ได้อยู่กับครอบครัว อยากทำอะไรก็ได้ทำ เงิน ทอง ก็สำคัญ แต่มันไม่สำคัญไปกว่าครอบครัว ความสุขของตัวเราเอง

ความสำเร็จในชีวิต : ทุกวันนี้ผมมีความสุขมากกับเรื่องครอบครัว ผมจะขับรถไปรับส่งลูกเอง ตื่นตั้งแต่เช้า ส่งลูกไปโรงเรียน เสร็จก็มาทำงาน บ่ายโมงจะหยุดตัวเองทั้งหมด ขับรถไปรับลูก เราจัดตารางชีวิตได้ ผมก็จัดให้ทำธุระให้เสร็จในช่วงเช้า เพราะช่วงบ่าย ๆ ก็ต้องกลับถึงบ้านแล้ว เราไม่ได้ให้เวลาแค่เสี้ยวหนึ่ง แต่ให้เวลาครึ่งหนึ่งกับครอบครัว ที่เหลืออีกครึ่งถึงให้กับงาน ผมไม่มองว่างานจะเลิศแค่ไหน เพราะชีวิตครอบครัวที่เป็นเลิศ คือการประสบความสำเร็จที่สุดของชีวิตแล้ว

กำลังใจสำคัญ : บางทีเราคิดเรื่องงาน ในที่ทำงาน หรือระหว่างเดินทาง นั่งรถ ก็จะคิดไปเรื่อย ๆ พอเข้าบ้าน มันหยุดคิดไม่ได้หรอก ยิ่งเป็นงานสำคัญ มันก็จะรู้สึกคิดต่อเนื่องไปแบบลอย ๆ ทุกคนคงเคยเป็น ไม่อาจจะสลัดได้ทั้งหมดในทันทีเมื่อถึงบ้าน แต่การได้เห็นครอบครัว ลูก ๆ มาเล่นด้วย ได้พบกับภรรยา มีกิจกรรมที่บ้าน วางโทรศัพท์ทิ้งไว้เลย ทำให้เราสามารถควบคุมตัวเอง ปล่อยวางจิตใจ ให้ผ่อนคลายได้ รู้สึกว่าเราจะไม่ได้มีงานตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้ชีวิตมีความสุข ผมให้เครดิตเรื่องนี้กับครอบครัวเต็มที่เลย มันเป็นความจริง ผมจะไม่เอาเวลาครอบครัวมายุ่งกับงานเลย ไม่เอาเวลางาน ไปแตะต้องครอบครัว อย่าลืมว่า ถ้าครอบครัวล้มเหลว งานก็ล้มเหลวไปด้วยแน่นอน แต่ถ้าครอบครัวดี ต่อให้งานล้มเหลว ผมก็ยังเหลือครอบครัวที่ดีอยู่กับชีวิตผมเสมอครับ