Interview

กิตตน์สมบัติ เอื้อมมงคล

กิตตน์สมบัติ เอื้อมมงคล
Asian Tennis Federation

แร็คเก็ตของพ่อ : ชีวิตผมเริ่มเล่นกีฬาตั้งแต่เด็ก สมัยเรียนหนังสือที่ปราจีนบุรี เริ่มเล่นบาสฯ ก่อน พอเล่นไปได้สักปี เห็นไม้เทนนิสของคุณพ่อ ตอนนั้นอายุราว 13 ปี ก็หยิบไม้ของคุณพ่อไปน็อคบอร์ดเล่นแล้วรู้สึกชอบ เล่นเองแบบยังไม่มีใครสอน ยิ่งตียิ่งสนุก เพราะไม่มีเด็กคนอื่นมาเล่นเลย ที่จังหวัดปราจีนฯ มีสโมสรข้าราชการ เป็นผู้ใหญ่ทั้งนั้น เพื่อน ๆ ก็มาเกาะรั้ว เรียกให้ไปเล่นบาสฯ

เทนนิสเท่านั้น : เล่นไปได้ 2-3 เดือน พอดีปิดเทอม อ.เดชศักดิ์ จันทรสวัสดิ์ ท่านสอนอยู่ที่กรมพละ กลับไปปราจีนฯ แล้วเห็นผมเล่นเทนนิส ก็เลยสอนวิธีเล่นให้ ท่านพาน้อง ๆ จากกรุงเทพฯ มาเล่น มาแข่งขัน ผมก็เข้ามาร่วมด้วย และเริ่มเล่นเทนนิสจริงจังมาตั้งแต่ตอนนั้น กีฬาอื่น ๆ ก็เลิกเล่นไปเลย ผมเลิกเรียนบ่ายสาม บ่ายสี่ต้องถึงสนาม วันไหนฝนตก ต้องรอจนฝนแห้ง ถ้าฝนไม่หยุด เล่นไม่ได้ ผมนั่งร้องไห้คนเดียว ด้วยความเสียดายที่ไม่ได้เล่น

ทุ่มเท : ผมต้องเดินทางเข้ากรุงเทพฯ นั่งรถไฟทุกวันศุกร์ เพื่อมาซ้อม เสาร์ อาทิตย์ ที่กรมพละ มานอนบ้านอาจารย์ เช้ามืดจันทร์นั่งรถไฟกลับไปถึงก็เข้าเรียนเลย บอกอาจารย์ไว้แล้วว่าเราต้องแข่งต้องซ้อม ในใจ ในหัวสมอง มีแต่เทนนิส ไม่ได้คิดเรื่องอื่น สมัยก่อน อ.สมภาร จำปีศรี เป็นแชมป์ เป็นไอดอล เพราะเล่นมือซ้ายเหมือนกัน ส่วนนักเทนนิสต่างประเทศยังไม่รู้จักเลย ผมไม่ค่อยยอมแพ้ใครง่าย ๆ พอโตขึ้น ช่วงใกล้แข่ง วันไหน ฝนตกหนัก ก็ถอดเสื้อตีเลย จนไม้โดนน้ำพัง เอ็นขาด ชวนเพื่อนร่วมทีมลุยตากฝนด้วยกัน ถ้าอยู่คนเดียวก็ซ้อม ทั้งเสิร์ฟ น็อคบอร์ด

ฝึกออสเตรเลีย : ตอนที่ผมยังเล่นอยู่ ทุกปี จะได้ไปครั้งละสามเดือน รุ่นเดียวกับ แพต แคช  ยอดนักเทนนิสชาวออสเตรเลีย ทำให้เรามีการพัฒนา มีประสบการณ์จากโค้ชต่างชาติ ได้เทคนิคสำคัญ วิธีการตี มีความมุ่งมั่น มีเป้าหมาย โค้ชสอนเสมอว่า คุณจะไปทำอะไรก็ได้ แต่เมื่ออยู่ในสนาม ต้องเต็มร้อย ไม่ว่าจะเหนื่อยหรือไม่ ก็ต้องฝึกตามกำหนดให้ได้ มีความรับผิดชอบ กลางคืนจะไปเที่ยวไหนก็ได้ ตามใจคุณ แต่เมื่ออยู่ในสนาม คุณต้องมีสมาธิ ความมุ่งมั่น อยู่ในคอร์ตให้ได้ นั่นคือหลักการ ที่ผมได้ใช้มาตลอด ไม่ใช่เรื่องใหม่

ผลงาน : มีเยอะพอสมควร ที่สำคัญ ๆ เช่น เอเชี่ยนเกมส์ ที่เกาหลีใต้ ผมเข้าไปถึงรอบรองชนะเลิศ ประเภทชายเดี่ยว, จับคู่กับพนมกร พลัดเชื้อนิล เล่นเดวิส คัพ ได้เล่นกับทีมญี่ปุ่น ในรอบชิงฯ เอเชีย เพื่อเข้าเวิลด์ กรุ๊ป เราไปแพ้ที่โตเกียว เป็นคนแรกของนักกีฬาอาชีพไทย ที่ได้อยู่ใน 500 อันดับแรกของโลก สมัยนั้นยังไม่มีทัวร์นาเม้นต์มากนัก ช่วงพีคสุด คิดว่าเป็นตอนแข่งไทยแลนด์โอเพ่น ด้วยความบ้าเทนนิส ในรอบรองชนะเลิศ เอาชนะมือ 76 ของโลก และมาแพ้ เมน่อน ในรอบชิง ในรายการไทยแลนด์โอเพ่น อาทิตย์ต่อมา ก็เล่น บางกอก คลาสสิค แข่งที่อินดอร์สเตเดี้ยม หัวหมาก อีวาน เลนเดิ้ล มาคว้าแชมป์ รวมถึง เดวิส คัพ ที่ผมเล่นหลายสมัย

เลิกเล่น ต้องเรียน : ตอน มศ.4 เข้ามาเรียนที่ รร.สามเสน แต่ต้องย้ายไปเรียนต่อ มศ.5 ที่ตะกั่วป่า เพราะต้องไปเก็บตัวที่นั่น แล้วก็ฝืนเรียนจนจบให้ได้ พอเลิกเล่น ตั้งใจจะไปเรียนเมืองนอก ก่อนหน้านี้เรียนจบแค่ ม.ปลาย แล้วเว้นเรื่องเรียนไปพักใหญ่ เพื่อเล่นเทนนิส พอเลิกเทนนิสก็อยากเรียนหนังสือ เพื่อมีความรู้ติดตัวบ้าง คุณสันติ แนะนำให้ผมไปเรียนเรื่อง Sport Management ที่อเมริกา เนื่องจากท่านกำลังก่อสร้างสนามกอล์ฟ และจะมีสปอร์ตคอมเพล็กซ์ จะได้กลับมาช่วยงาน แต่ผมไม่ได้เรียนมานาน ต้องเรียนกับรุ่นน้อง แล้วเป็นภาษาอังกฤษด้วย คนไทยไม่ค่อยมี ยังดีที่ได้เล่นเทนนิสบ้าง เขาก็ไม่รู้ว่าเราเคยเล่นทีมชาติ แต่พอไปเล่นเห็นแค่ลูกเสิร์ฟเขาก็สงสัยแล้วว่าผมไม่ใช่แค่นักเทนนิสทั่วไป ก็สนุกดี ได้เพื่อนเยอะ เรียนจบก็กลับมาทำงานดูแลทีมงาน สันติบุรี ที่สมุย สร้างโรงแรม ตอนนั้นสนามกอล์ฟยังไม่มี

TATP : หน้าที่หลักสำคัญของผม คือการดูแลกีฬาเทนนิสร่วมกับผู้ทรงคุณวุฒิอีกหลายท่าน ผมเป็นคนคิดเริ่มว่า เราน่าจะมีทัวร์นาเม้นต์ ให้นักเทนนิสไทย มีการแข่งขัน และฝึกซ้อม ส่งแข่งขันต่างประเทศ จึงตั้ง TATP Tour ขึ้นมา ผมมองว่าในเอเชีย มีชาติที่เก่งคือ อินเดีย เกาหลี ญี่ปุ่น แล้วก็ไทยเรา ซึ่งสู้เขาได้สบายมาก แต่ปัญหาใหญ่ สมัยก่อนคือ ไม่มีทัวร์นาเม้นต์ ส่วนการฝึกซ้อมไม่มีปัญหา ทุกอย่างมีพร้อม

ทำให้เทนนิสไทยกลับมาประสบความสำเร็จ : ผมคิดว่าไม่ยาก หลักการคือ ต้องมีทุน เพราะ การเดินทาง อุปกรณ์ สถานที่ เทรนเนอร์ นักกายภาพ โค้ช ฯลฯ ต้องมีองค์ประกอบครบ ซึ่งต้องใช้ทุน ไม่มีใครทำให้ฟรีแน่นอน มันแพง แต่ทำแล้วมันได้ ชนะทีก็คุ้ม เงินรางวัลสูงมาก ถ้านักกีฬาไทย มีทุกอย่างพร้อม มีโค้ชดี มีเทรนเนอร์ ตั้งใจซ้อม มีครบแบบนี้ ผมเชื่อว่า ภายใน 5-10 ปี เด็กเราได้อยู่ในอันดับท้อป 100 หลายคนแน่นอน

แผนในใจ : สี่ปีที่อยู่ในสมาคมฯ ผมสร้างอคาเดมี่ เด็กกำลังเกิด แต่ช่วงสี่ปี ณ เวลานี้ ไม่เหมือนสมัยก่อน เพราะคู่แข่งเยอะมาก ต้องยอมรับว่า กีฬาเทนนิส เล่นกันเกือบทั่วโลก แค่แต่ละประเทศ มีนักกีฬาเก่ง ๆ แค่คนเดียว คู่แข่งเราก็ร่วมสองร้อยคนแล้ว ในยุโรป มีนักกีฬาท้อป 100 เยอะมาก มาจากเคลย์คอร์ต (คอร์ตดิน) เขาเก่งเพราะมีความอึด เวลาตีใช้แรงเยอะกว่า ตีแต่ลูกใช้เวลานานกว่าฮาร์ทคอร์ต ซึ่งลูกกระดอนเร็วกว่า ทำให้ร่างกายมีความแข็งแรงอยู่ตลอดเวลา เราจึงต้องมีคอร์ตดินเพื่อฝึกซ้อม

นายกฯ เทนนิส : ไม่ได้คิดว่าจะได้มาเป็นเลย แต่เผอิญว่า ก่อนหน้านี้ ได้เป็นที่ปรึกษา ผู้ว่า กกท. สมัยคุณกนกพันธุ์ จุลเกษม มาเกือบแปดปี ทำให้ได้เห็นองค์กรกีฬาหลักของประเทศไทย มีโครงสร้าง กระบวนการ วิธีการ ได้รู้จักตั้งแต่พนักงานรักษาความปลอดภัย จนถึงระดับสูงสุด ผมเป็นคนติดดิน อยู่ที่ไหนก็ได้ ได้คุยกับคนรอบข้างของท่านมาโดยตลอด ผู้ว่าฯ เองก็พยายามจะเข้ากับพนักงานให้ได้มากที่สุด ทุกวันจะนัดฝ่ายต่าง ๆ มาทานข้าวเย็นกัน นั่งคุยกัน ผมก็นั่งฟังในฐานะที่ปรึกษา ถ้าไม่ถามก็ไม่ตอบ ไม่มีการรับเงินเดือน วันแรกก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง จนเวลาผ่านไป ก็เข้าใจมากขึ้น ๆ จนท่านผู้ว่าฯ หมดวาระไป และยังเคยทำงานร่วมกับ คุณสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ตั้งแต่สร้างสนามเทนนิสที่เมืองทอง พอดีคุณสุวัจน์ ก็หมดวาระ นายกฯ เทนนิส พอดี จึงมีการพูดคุยกัน จนได้รับการสนับสนุนให้เข้ามารับตำแหน่ง ด้วยนิสัยนักกีฬา ก็ต้องทำให้ดีที่สุด เพราะเทนนิสเป็นสายเลือดผม และต่อมาพอดีบอร์ด กกท. ท่านหนึ่งหมดวาระ ก็คิดว่า ถ้าเราได้เป็นบอร์ด ก็จะมีประโยชน์ในการช่วยเหลือสมาคมฯ ของเรา และสมาคมอื่น ๆ ได้ จึงไปสมัคร และได้รับเลือก ทำให้ได้สัมผัสกระบวนการประชุม ทำให้เริ่มมีกำลังบ้าง มีปาก มีเสียง คุยกับฝ่ายต่าง ๆ ได้

ประธานเทนนิสเอเชีย : ประธานคนก่อนเป็นชาวอินเดียหมดวาระ เขาจะหาคนแทน เลยทาบทามมา แต่ผมไม่อยากเป็น เพราะงานเยอะอยู่แล้ว เขาก็บินมาหาผมแต่เช้า คุยส่วนตัวกันทั้งวันจนเย็นก่อนจะบินกลับ ผมก็ไม่ได้ให้คำตอบทันที ขอรอปรึกษาผู้ใหญ่ที่นับถือก่อน ซึ่งท่านก็ให้กำลังใจ จนผมคิดว่าทำได้ ก็ไปเลือกตั้งที่อินเดีย ประชุมใหญ่ทั้งหมด 42 ประเทศ คู่แข่งคือประธานโอลิมปิก ศรีลังกา เป็นเพื่อนที่เล่น เดวิส คัพ มาด้วยกัน พอลงคะแนนเสียง ผมชนะมา 2 เสียง ทำให้ได้รับตำแหน่ง สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่อินเดีย ส่วนผมมีเลขาฯ อยู่ที่นี่ก็พอแล้ว อาศัยโซเชี่ยลในการติดต่อพูดคุยกันทุกวัน โดย ATF ดูแลเอเชีย บริหารงานภายใต้ ITF โดยแต่ละพื้นที่ก็แบ่งกันออกไปทำงานตามภูมิภาค

ศูนย์ฝึกเทนนิสนานาชาติ : แผนที่วางไว้คือ สร้างศูนย์กลางการฝึกซ้อมของเอเชียที่ประเทศไทยให้ได้ ถ้านักกีฬาอยากมาซ้อมคอร์ตดินก็มาที่นี่ จะสร้างที่ มวกเหล็ก สระบุรี จะเริ่มลงมือก่อสร้างในเร็ว ๆ นี้ นักกีฬาของเราจะได้ซ้อมกันในแบบใกล้เคียงมาตรฐานโลก และอากาศ โอโซน บรรยากาศ ยังมีความเหมาะสม สามารถใช้ทางด่วน จากสนามบินสุวรรณภูมิ เดินทางได้สะดวก หลักของผมต้องมีโค้ชต่างชาติมาสอน ต้องยอมจ่าย แล้วมีผู้ช่วยโค้ชคนไทยล้อมรอบ เพื่อเรียนรู้ ตักตวงประสบการณ์จากเขา และการกีฬาฯ เอง ก็มีอุปกรณ์วิทยาศาสตร์การกีฬา ที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก นักเทนนิสเยาวชน เรามีเก่ง ๆ อยู่หลายคน รอเวลาให้เขาได้แสดงศักยภาพออกมาเท่านั้น ผมก็หวังว่า นักกีฬาเอเชีย จะได้มาฝึกซ้อมคอร์ตดินที่นี่ แล้วจะเอารายการ โรลังด์ การ์รอส หรือ เฟรสซ์โอเพ่น จูเนียร์ มาจัดรอบคัดเลือกที่บ้านเรา เพราะเงื่อนไขที่จะจัดรายการนี้ได้คือ ต้องมี คอร์ตดิน ซึ่งเราก็จัดเตรียมทำไว้เรียบร้อยแล้ว และยังได้คุยกับประธานฯ มาแล้ว ถือว่า เราได้ดำเนินการเข้าตามแผนที่วางไว้

กอล์ฟ : เริ่มต้นจากช่วงที่ สุพจน์ มีสวัสดิ์ ใกล้จะเลิกเล่นเทนนิส แล้วเริ่มไปซ้อมกอล์ฟ เล่นอยู่เป็นปี มีวันหนึ่งก็ชวนผมไปสนามไดร์ฟ ผมก็คิดว่าคงไม่สนุก แล้วผมตีเทนนิสซ้าย ต้องหาไม้ซ้ายมาหัด ก็พากันไปซื้อเหล็ก 5 มาลอง ปรากฎว่า ตีไม่เป็นเลย แต่พอลองเอาเหล็กมือขวามาตี กลับง่ายกว่า เลยเริ่มเล่นด้วยไม้มือขวา ช่วงนั้นผู้ใหญ่ชวนไปสนามกอล์ฟก็ไป ยังตีไม่เป็น ท่านก็ให้ลองตีบ้าง แล้วก็ค่อย ๆ หัด เล่นมาเรื่อย ๆ แบบไม่มีครู

วิธีตีฟรี : ด้วยความบ้ากอล์ฟ ตอนนั้นชอบไทเกอร์ วูดส์ ผมเรียนที่อเมริกาพอดี ก็ไปซ้อม ไปหาโปร ค่าสอนแพงมาก เรียนไม่กี่ครั้งสู้ราคาไม่ไหว พอเริ่มเล่นได้ ก็มาซ้อมเอง แต่ค่าลูกก็ยังแพงอยู่ดี เลยคิดว่าทำยังไงถึงจะได้ตีฟรี ซ้อมฟรี ก็ไปขอสนามทำงาน ขับรถเก็บลูกกอล์ฟ ก็สนุกดี ได้เล่นฟรี ได้เงินด้วย ทำให้เริ่มเล่นพอได้ ออกรอบบ้างกับเพื่อนนักเรียน แต่ทุกอย่างต้องทำเองหมด ลำบากพอสมควร กลับมาก็เล่นจนเป็น แข่งบ้าง เคยได้แข่งชิงแชมป์ประเทศไทย ก็เล่นมาเรื่อย ๆ

เล่นเพื่อสนุก : กอล์ฟ ไม่ใช่กีฬาของผมเหมือนเทนนิส ทำให้ไม่ได้จริงจังมาก บางทีโปรสอนก็จำบ้างไม่จำบ้าง แต่ถ้าหลุดทีก็จะไปถาม ไปแก้วงบ้าง เล่น ๆ หยุด ๆ แต่ก็มีบ้างเหมือนกันที่ทำสกอร์ได้อันเดอร์สนาม เคยจะสอบโปรเหมือนกัน แต่คิดแล้วเหนื่อย ขอแค่ให้มีแต้มต่อต่ำ ๆ พอเล่นสนุกกับเพื่อนดีกว่า ช่วงกักตัว ก็ซ้อมกอล์ฟอยู่กับบ้าน ไดร์ฟ พัตต์ เช้าวิ่ง เย็นเดิน ได้เล่นเวท ปั่นจักรยาน ร่างกายก็กลับมาฟิตใหม่ พอปลดล็อค ได้ออกรอบ เวลาทุกอย่างมันลงล็อค ก็ไม่น่าเชื่อเหมือนกัน ผมทำ 7 เบอร์ดี้ โดยมี 5 เบอร์ดี้ติดกันรวด

เล่นกีฬาต้องบ้า : นักกีฬา ถ้ามีความบ้าอย่างผม ไม่ว่าจะประเภทไหนก็ตาม เขาจะไปได้สุดแน่นอน นอกจากเทนนิส กอล์ฟ กีฬาที่ผมเล่นเป็นอันดับสาม นั่นคือ ทุกประเภท กีฬาทุกชนิดผมรู้หมด แต่บางประเภทก็ขอเล่นแค่พอรู้ ไม่ถึงกับต้องไปเล่นให้เป็นเรื่องเป็นราว ผมชอบ อเมริกันฟุตบอล บาสเกตบอล ตามดู ตามศึกษา ผมตื่นเร็ว ตีสี่ก็ตื่นแล้ว เปิดทีวีช่องกีฬา พร้อม ๆ กับดูแท็ปเล็ต ดูกีฬาพร้อมกันทีเดียว 3 ช่อง อ่านเมล์ โทรคุยกับเมืองนอกไปด้วย ต้องทันยุคทันสมัย

อยากรู้ต้องกล้าถาม : จากไม่รู้เรื่องไอที ก็ต้องหัดให้เป็นเอง ทำให้เราทันโลก ทันเกมส์ ไม่เก่งก็ต้องถาม อย่าไปกลัว ถ้าคุณไม่พูดเลย อาจจะเสียหายในส่วนที่ไม่ควร นักกีฬาของเราเหมือนกัน ต้องกล้าถาม กล้าพูด พร้อมหรือไม่พร้อม ต้องรีบบอก มันจะได้ดีขึ้น เก่งขึ้น

ครอบครัว : คือสิ่งสำคัญที่สุด ผมโชคดี ได้รู้จักกับภรรยามาตั้งแต่อายุ 18 ผมอายุ 21 ช่วงเล่นเทนนิส มีดื้อมีซนบ้าง จนเพื่อน ๆ ไม่เคยเชื่อว่า คู่เราจะไปรอด แต่ด้วยความอดทน จากวันนั้นถึงวันนี้ เราอยู่ด้วยกันมาตลอด ใหม่ ๆ ไม่รู้หรอกว่า สามี ภรรรยา คืออะไร ทุกคนเอาแต่ใจ ที่เลิก ๆ กันก็เพราะ ต่างคน ต่างไม่ฟังกัน แค่เถียงกัน ก็จบแล้ว เรื่องทะเลาะกันเป็นเรื่องปกติ แต่ต้องอดทน ผู้ชายยังไงก็ต้องยอมผู้หญิง

กตัญญู : นักกีฬาทั่วโลก เมื่อประสบความสำเร็จ สิ่งแรกที่ทำก็คือ ขอบคุณครอบครัว ขอบคุณพ่อแม่ นี่คือหลักเลย ห้ามลืมเด็ดขาด ส่วนเรื่องกีฬาเดี๋ยวตามมาเอง ผมห่วงเด็ก ๆ บางคนวันนี้ ลืมพ่อแม่ ลืมคนมีพระคุณ เราต้องเชื่อสิ่งที่เรานับถือ ทำไม่ดี คิดไม่ดี ไม่นานก็เข้าตัว ใครลืมผู้มีพระคุณ เป็นไปทุกคน เรานับถือศาสนาพุทธ เชื่อเรื่องกรรมเวร คนโกง ย่อมได้รับกรรม ถ้าเราทำดีหรือไม่ดี ก็ย่อมได้รับผลกรรม ในใจยึดมั่นเสมอว่า บุญคุณต้องทดแทน อย่าลืมบุญคุณคน ใครทำให้พ่อแม่น้ำตาตก บาปที่สุด ทุกเช้าผมต้องโทรหาแม่ พูดคุยเพื่อให้ท่านได้เสียงหัวเราะ ไม่ได้ไปหา ก็ทำให้ได้ยินเสียงเรา นี่คือหัวใจหลัก

ยึดมั่นธรรมะ : คนไม่ค่อยเชื่อว่าผมมีธรรมะในใจตลอดเวลา (หัวเราะ) หลายคนที่มาบ้านผม แปลกใจว่าผมมีห้องพระ เพราะผมขอภรรยาว่า ถ้าสร้างบ้าน ขอมีห้องพระ ชอบสะสมพระบูชา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ คนเห็นสไตล์ผมแล้วไม่เชื่อว่าทุกวันพระผมขึ้นไหว้พระ ถึงบางครั้งการแสดงออกอาจจะดูโผงผางไปบ้าง ปากอาจจะแรง พูดตรงเกินไป บางคนอาจจะไม่ชอบ ซึ่งผมเข้าใจ แต่ถ้าคุณได้เข้ามาสัมผัส คุณจะรู้ว่า ผมไม่มีอะไร นิสัยคนมันไม่เหมือนกัน ผมสวดมนต์ไหว้พระก่อนนอน นึกถึงผู้มีพระคุณตั้งแต่เริ่มเล่นเทนนิสมา ก่อนออกจากบ้านก็กราบไหว้ ขอบคุณผู้มีพระคุณกับผมทุกครั้ง ไม่ว่าผมจะทำดีหรือไม่ดีกับเขา ขออโหสิกรรมทุกครั้ง

โควิด 19 : ทำให้คนในโลกได้เปลี่ยนแปลงชีวิต อย่างน้อยต้องมีสักอย่าง อย่างผม ไม่เคยกลับบ้านทุกวัน ก็ได้อยู่บ้านเป็นเดือน ได้อยู่กับครอบครัว ได้ออกกำลังกาย และยังได้มีโอกาสได้พูดคุยกับผู้หลักผู้ใหญ่ ทั้ง ๆ ที่ตามปกติแทบจะได้เจอกัน แต่พอมีวิกฤติโควิด กลับได้พบกันแทบทุกวัน

อย่าคิดว่าตัวเองเก่ง : โค้ชเคยสอนผมว่า ใครที่คิดว่าตัวเองเก่ง เป็น GOD เป็นพระเจ้าเมื่อไหร่ ก็จะเสื่อมถอย ตกลงทันที คนที่ไม่มองคนข้างล่าง นั่นแหล่ะคือคนที่จะร่วงลงมาเร็วที่สุด เราเคยสูง เราเคยสุด ผมไม่ต้องการอีกแล้ว ผมต้องการเส้นขนาน เมื่อวัยรุ่น ไม่มีใครห้ามได้ แต่วันนี้เรามีครอบครัว มีลูก มีหลาน ใช้ชีวิตให้พอประมาณ ไม่ขึ้น ไม่ตก จนเกินไป และก่อนออกจากบ้าน ผมจะยึดถือเคล็ดว่า ให้เข็มนาฬิกาชี้ฟ้าไว้ก่อน ช่วง 9 โมง ถึง บ่าย 3 ชีวิตผมผ่านมาเยอะแล้ว ในที่สุดแล้ว ก็ต้องเชื่อตัวเองครับ.