อมยิ้มริมกรีน

ตู้แบ่งปันสุข มาสะบั้น พรหมวิหาร เอาข้อ 4

ในภาวะวิกฤติไวรัสโควิด-19 โจมตีสังคมคมความเป็นอยู่ของมนุษย์  ความเดือดร้อน ความทุกข์ยาก ได้สร้างความบีบคั้นทางจิตใจ ให้มนุษย์ได้แสดงถึง ความเป็นคนในตัวตน ของตัวเองออกมาในหลายรูปแบบ

เมื่อเกิดความเดือดร้อน จึงเกิดความแบ่งปัน  ได้สร้างปรากฏการณ์ของเจตนา  ทั้งในแง่ดี น่าสรรเสริญ และในแง่ลบ น่าสมเพช

ต้นแบบิที่เห็นง่ายๆ simple ที่สุดคือ การแบ่งปันอาหาร แจกอาหาร  คนเราขอเพียงมีกิน ไม่อดหิวโหย ก็ยังมีแสงสว่างรำไรของวันพรุ่งนี้

ในโลกตะวันตก ชาวคาธอลิก มีองค์กร สงเคราะห์อาหารให้กับคนยากจนไร้บ้านมานานแล้ว ครั้งไวรัสโควิด-19 มาสะบั้นสังคม มีคนไม่มีอาหารกินเพราะวงจรสังคมขาดสะบั้น หาซื้อไม่ได้ ก็มีหลายองค์กรแจกแบ่งปันอาหาร เรียกว่า charity panties

ใครใคร่บริจาค บริจาคใส่ไว้ในตู้กับข้าวกลาง ใครใคร่ต้องการด้วยขาด ก็มาหยิบเอา แต่พออิ่มพองาม ขอให้มีสามัญสำนึกในความหมายของคำว่า..แบ่งปัน

ในบ้านเรา คนไทยเรามีน้ำใจต่อในสายเลือด ยากดีมีจนอย่างไร ก็ ร่วมด้วยช่วยกัน ยามประสบความทุกข์เข็ญ อาจเพราะพัทธศาสนาหล่อหลอมให้ ใจบุญสุนทาน  ว่ากันว่า “ตู้แบ่งปันสุข”  charity panties  แบบไทยๆนั่น เริ่มมาจาก พระวัดหนึ่งในอิสาน ท่านรับบิณฑบาตร รวมทั้งของถวายพระทำบุญจากชาวบ้านมานานและรับมามากเกินพอ เมื่อถึงคราวชาวบ้านเดือดร้อน ตกงาน ไม่มีมีเงิน วัดก็ต้องช่วยเหลือคน ส่งบุญส่งทานกลับคืน

ท่านก็นำตู้ วางใส่เครื่องอุปโภคบริโภคต่างๆ ให้ชาวบ้านที่ยากไร้ ที่ขาด มาหยิบเอาไปประทังชีวิต ใครอยากทำบุญ ไม่ต้องทำกับพระ ทำทาน ก็เอาของมาเติมให้คนยากยามนี้ดีกว่า ยามนี้สร้างทานบารมีดีกว่าทำบุญ

ก็บังเกิดการแผ่กระจายของ ตู้แบ่งปันสุขิ charity panties   ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด ทั่วทุกภาค ทั่วทุกจังหวัด ไปถึงอำเภอ ตำบล ทั้งจากกองทัพ จากหน่วยงานราชการ ที่มีงบบริจาคสาธารณะ วัดต่างๆ ที่เป็นที่พึ่งของชาวบ้าน

ไปจนถึงหน้าบ้าน หน้าร้านรวงของ ชาวบ้าน คนธรรมดาเราท่าน ที่มีน้ำใจ ตั้งิตู้แบ่งปันสุขิ เพื่อมอบให้กับ ผู้ที่ด้อยกว่าในสังคม คนยากจน ขาดรายได้ ได้มีกินทุกวัน

ใส่ของไว้ แล้วก็แอบดูตรงหน้าต่าง หรือจอกล้องวงจรปิด..มีคนยากไร้ คนจน เข้ามาหยิบอย่างสำรวม บางคนสำนึกในบุญคุณ กระทั่งก้มกราบหน้าตู้..ก็มีความสุขแล้ว ชีวิตมีค่าขึ้นเยอะ

ไม่มีวันเบื่อ ที่จะเอาของใส่ตู้ไปทุกๆ วัน ด้วยแบ่งปันเช่นนี้ มีความหมาย เป็นความดีงามของสังคม

แต่โลกมนุษย์เรานั้น มีคนหลายจำพวก หลายหลาก อันมีสันดานละโมบ  อยู่ในกำพืด

เป็นพันปีก่อน ประชากรมนุษย์ไม่ได้มีมาก  ไม่ต้องแย่งกันกินแย่งกันใช้ ก็ยังมีมนุษย์สันดานละโมภ เบียดเบียนผู้อื่น ด้วย “ความอยาก” เอาเปรียบของตัวเอง

จำนิทานชาดก ..ชูชก..ได้ไหมครับ ตะกรามกินจนท้องแตกตาย หรือ ในพระคริสต์ บัญญัติบาปทั้ง 7 ของมนุษย์ ที่ทำลายโลกถึงวัน Armageddon หนึ่งในบาปนั้นคือ greedy ความละโมบ  ก็สั่งสอนกันมาทุกศาสนา มาเป็นร้อยๆ พันๆ ปี  ถึงวันนี้ ก็ยังมีมนุษย์สปีชี่นี้ จมคลั่กอยู่ในสังคมมากมาย

พระพุทธเจ้าทรงแบ่งเกรดประเภท ให้พวกกิเลศหนา มีความละโมบ จัดอยู่ในพวก “บัวใต้น้ำ”

จะด้วยอวิชา ความไม่รู้ ไม่มีความรู้ การขาดการอบรมสั่งสอน สันดานกำพืดที่ก่อเกิดในเนื้อ อย่างไรก็แล้วแต่ แต่มันเป็นสันดานที่ก่อเกิดด้วยการขาดสามัญสำนึก

ไม่รู้คุณค่าของการมี “ผู้ให้” การแบ่งปัน ถึง “ผู้รับ” แต่จะเอาเปรียบมันทั้งสองฝั่ง

ในวิกฤติโควิด-19 ได้ “ส่องกระจก” ให้ได้เห็นกันกะจะๆ กับคนสปีชี่นี้ ในต่างกรรมต่างวาระ ต่างสถานะทางสังคม

“ตู้แบ่งปันสุข”  charity panties  ที่เป็นดรามาติกอยู่ในขณะนี้ นี่แหละ มีประสิทธิภาพยิ่งกว่า ตู้วิทยาศาสตร์วิจัยมนุษย์ใดๆ   นอกจากใส่เครื่องอุปโภคบริโภค เพื่อการแบ่งปันแล้ว ยังอัดแน่นด้วยปรัชญาแห่งการสอนของพระพุทธเจ้า ให้ได้สำเหนียก สำนึก

พรหมวิหาร4  ไงครับ ..ใครที่เป็นเจ้าของ “ตู้แบ่งปันสุข” charity panties ไม่ว่าที่ใด หน้าบ้านใคร จะต้องก่อเกิดจากการมี พรหมวิหาร 4 ในใจก่อน

เมตตา ปรารถนาดี อยากให้ผู้อื่นมาความสุข เผื่อแผ่ คิดทำประโยชน์ต่อมนุษย์สัตว์ทั่วหน้า

พอเมตตา เป็นจิต ก็เกิด  กรุณา สงสาร ช่วยให้ผู้อื่นพ้นทุกข์ ใส่ใจที่จะปลดเปลื้อง บำบัดความทุกข์ยากเดือดร้อนของปวงสัตว์ นำไปสู่การกระทำ คือ ตั้งตู้แบ่งปันสุข นั่นเอง

มุทิตา คือ ความยินดี ได้เห็นผู้ทุกข์ยาก หยิบของบริจาคในตู้ของตน ไปบำบัดความทุกข์ยาก สมดังเจตนาประสงค์ “ผู้รับ” ก็ย่อมยินดี  “ผู้ให้” ก็ยินดี ในการทำกรรมดี มีจิตผ่องใส

แต่…อ้าว เฮ้ย ! ในโลกนี้ ยังมี คนสปีชี่ “บัวใต้น้ำ” ผู้จมกิเลสโลภะ ในบาป greedy  อุปมาคือผีเปรต หยิบแย่งส่วนบุญ ที่เจ้าของมิได้เต็มใจให้ ด้วยตะกรามละโมภ ยกโขยง มาเข้ามาโกย กวาดของกินของใช้ในตู้เรียบ ..มีทั้งอีขับรถเก๋ง ขี่รถมอเตอร์ไซค์ ใส่ถุงยกเข่ง

มีทั้ง ยกครอบครัวซาเล้ง มาขนของ ของบ้าน ยกตู้เข้าบ้าน (เพราะฝนตก) ถึงกับกดกริ่ง ทวงถาม ด่าหยาบคาย ทำไมไม่รีบเอาของมาแจก อ้างสิทธิ บ้านกูจน คนพิการด้วย ทำบุญอย่าสะดีดสะดิ้ง

คน “ทำดี” ย่อม  ผิดหวัง โกรธ โมโห บั่นทอน เสียกำลังใจ

กิเลศโทสะบังเกิด ดรามาติกในโลกโซเชียลประโคมกัน ด่ายำมากมายมหาศาล กับพวกผีเปรตแย่งส่วนบุญ ซึ่งหน้าคาตู้แบ่งปันเหล่านี้ ศาลเตี้ยประชาชน พิพากษาเสร็จสรรพ ต้องดักจับตัวมาลงโทษ ต้องกระทืบให้หนำใจ ต้องหาตำรวจไปเฝ้าจับตัว มันพวกบ่อนทำลายสังคมอันดีงาม บานหนักเข้าไปอีก

ในโลกนี้ มี มนุษย์สปีชี่ผู้ จมกิเลสโลภะ ในบาป greedy  จมคลั่กในสังคมมนุษย์มาเป็นพันๆ ปีแล้ว ไม่ใช่เพิ่งจะมีวันสองวันนี้ และสันดานนี้ ไม่ได้เกี่ยวกับความยากจน เป็นคนต่ำต้อย ด้อยโอกาสในสังคมเลยสักนิด

มันจะไม่ผุดขึ้นมา ถ้าไม่มีใคร ไปตั้งตู้ แบ่งปันสุข แง้มโอกาสให้มัน เข้ามาทำลาย บั่นทอนศรัทพาแห่งการทำความดีต่อเพื่อนมนุษย์

เช่นเดียวกับ จะไม่มี คนบางกลุ่มบางจำพวก ใช้ “ความยากจนของตนเป็นเครื่องแบบ” ขู่กรรโชกทรัพย์หยาบๆ คายๆ เอากับรัฐบาลที่ “เปิดช่อง” จ่ายเงินเดือนประชากรไทย 5,000 บาท 3 เดือน ฉันใดก็ฉันนั้น

ด้วยเพราะ ทุกอย่าง ย่อมเริ่มมาจาก “เหตุ” ผลกรรมทั้งดีทั้งชั่ว ก็จะตามมาโดยพลัน

ถึงตอนนี้ อุเบกขา พรหมวิหารข้อที่4 ก็ควรมาถึง ตามสเต็ปที่ พระพุทธเจ้า ทรง “อ่านขาด”

ความวางใจเป็นกลาง ไม่ยินดียินร้าย พิจารณาด้วยธรรมปัญญา เข้าใจลึกไปถึงกรรมที่สัตว์ทั้งหลายกระทำแล้ว อันควรได้รับผลดีหรือชั่ว สมควรที่ตนจะรู้จักสงบใจ วางเฉย มองดู ในเมื่อไม่มีกิจที่จะทำ

เขาสรรพสัตว์ย่อมสมควรรับผิดชอบกรรมกระทำของตัวเอง

อุเบกขา คือ..ยกตู้แบ่งปันสุข..กลับเข้าบ้าน เลิก  เพื่อ “ปลง” ไม่โกรธ ไม่เกลียด ใจนิ่งวางเฉย ไงครับ

ยอดทอง