ยก 2 new normal จะไปทางไหนดี ?
ประเทศไทย อยู่ในระดับแชมป์โลกนะครับ กับการ”เอาอยู่” ต้านการระบาดของไวรัสโควิด-19
ทั้งนี้มาจากนโยบายรัฐบาลนาวาเหล็กลุงตู่ ที่ตัดสินใจใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ดำเนินการ shut down ประเทศ ตามนโยบาย สาธารณสุขมาก่อนเศรษฐกิจ เอาชีวิตประชากรไว้ก่อน เรื่องทำมาหากิน ค่อยว่ากันทีหลัง
บุคลากรสาธารณสุขเป็นพระเอก เป็นนักรบแนวหน้าสู้โควิด เป็นฉนวนกั้น เอาประชากรไว้ข้างหลัง ด้วยพาหะของไวรัสนั้น ทั้งร้อยเปอร์เซ็นต์ import เข้ามาจากนอกประเทศ จากมนุษย์สถานภาพต่างๆ ที่เข้ามาในราชอาณาจักรไทย
สกัดการ”นำเข้า” กับ ตามเก็บกักตัว กลุ่มสุ่มเสี่ยงพาหะของไวรัสในประเทศ ไม่ให้แพร่กระจายเชื้อ
และนโยบาย ให้ประชาชนเก็บตัวอยู่กับบ้าน คือการช่วยชาติ stay at home ด้วยการ “ตัด” ปัจจัยในการเชื่อมสังคม ให้คนมาตัวมาเบียดเสียดติดกันต่างๆ ออกไป
รัฐบาลลุงตู่ทำได้ดี มีประสิทธิภาพ จนนานาประเทศสากลชมเปาะว่า รัฐบาลมีนโยนบายเข้มแข็งชัดเจน และประชาชนส่วนใหญ่ก็ให้ความร่วมมือดี
ที่สำคัญคือ การปฏิบัติเป็นรูปธรรมของรัฐบาลไทย ที่เน้นการ ”ช่วยเหลือ” ประชากรทุกรูปแบบ โอบอุ้ม ตรวจรักษาโควิด-19 ฟรี มีที่ไหนในโลก ประเทศนายทุนอุตสาหกรรมแท้ๆ ปล่อยให้ประชากรตายเป็นเบือ
ประชาชนเดือดร้อน รัฐบาลก็ยัง กู้เงินเปิดคลัง จ่ายเงินเดือนสวัสดิการ คนละ 5000 บาท 3 เดือน รัฐวิสาหกิจสาธารณูปโภคต่างๆ ขาน นโยบาย ช่วยเหลือประชาชน ลดสะบั้นหั่นแหลก แจกแถมกันอย่างไม่เคยมีมาก่อน
ยังไม่นับการช่วยเหลือสงเคราะห์ ของทุกองค์กรรัฐ องค์กรเอกชน บุคคลที่อยู่ในฐานะที่ดีกว่า ที่ช่วยกันแบบ “คนละไม้คนละมือ” ในทุกรูปแบบ ให้ฟันฝ่าวิกฤติโควิด-19 ไปด้วยกัน
หาก “ตีค่า” เป็นรายรับ คนไทยน่าจะเป็น ประชากรที่ “ได้รับ”ค่าเผชิญหน้าวิกฤติไวรัสโควิด-19 มากที่สุดในโลก
อย่างไรก็ตาม ทำได้ดีแค่ไหนในสายตาโลก แต่ภายในประเทศ ลุงตู่และรัฐบาลนาวาเหล็กก็ยังมี ก้อนหินขว้างใส่อยู่ดี ทุกวี่วัน
มันเป็นเรื่องปรกติธรรมดาของสังคมการเล่นการเมืองของมนุษย์นะครับ
ถ้าอยู่คนละฟากอุดมการณ์ คนละพวกพรรคการเมือง ต่อให้ทำดีเลิศวิเศษศรีอย่างไร..มึงก็ผิด
เมื่อเช้า มึงขี้ก่อนเยี่ยว หรือ ก้าวเท้าขวาก่อนเท้าซ้ายตอนลงจากเตียง ( ก็ทหารสวนสนาม ซ้าย..ขวา..ซ้าย ไง ไม่มีหรอก ขาว..ซ้าย..ขวา ) ยังไงมึงก็ผิด กูซิถูก
ประมาณอย่างเบา ก็พวกเอาสีไปพ่นละเลงกำแพง กูพ่อมึง มึงลูกใคร กร่างแสดงตัวตนสถาบันลมๆ แล้งๆ อย่างแรงหน่อย ก็พวกกักขฬะเอาอิฐขว้างใส่กระจกรถตามทรงหลวง เอาถุงน้ำขว้างใส่รถไฟ นั่นแหละ
สมมุติเป็นสังคมเมืองหมา ก็ย่อมมีสารพัดหมา มีทั้ง หมาเห่าใบตองแห้ง หมาบ้าน้ำลายฟูมปาก ในวันอากาศร้อนบีบคั้นสถานภาพ ทำให้กลายเป็น หมาหัวเน่า เพราะฝูงไม่เอา
ประชากรคนไทย ได้รับการ “เอาอกเอาใจ”มหาศาลจริงๆ นะครับ
วิถีคนไทย บางที คนไทยเองก็สะอึก
ด้วยไม่น้อยเลย ที่แสดงอาการ มักง่าย ไปสู่การ มักมาก เห็นแก่ได้
ต่างอ้างความทุกข์ยาก ความยากจนข้นแค้น เรียกร้องสิทธิมากมายเอากับรัฐบาล ที่ ”เปิดช่อง” ให้ขอ จนกลายเป็นวัฒนธรรมประจำสามัญสำนึก “ยิ่งช่วยยิ่งขอ”
ออกอาการ คุกคามยังกับ เป็นบุญเป็นคุณเหลือเกินต่อรัฐบาลและแผ่นดิน ที่เกิดมาเป็นคนไทย ยามได้ ตาลุกจะเอาเงิน.มึงต้องจ่ายมา ยังกับเป็นเจ้าหนี้มาสามชาติ
ลุงตู่และรัฐบาล ก็ก้มหน้าก้มตาทำงานไปเถอะครับ ..ใครเป็นรัฐบาลก็โดนทั้งนั้นแหละ
เหนื่อยใจ ก็ร้องเพลงของ ศรัญญา ส่งเสริมสวัสดิ ระหว่างทำงานไปด้วย ก็ได้ครับ
บอก บอกกันสักคำ อยากให้ทำเท่าไร ถ้าหากมันยังน้อยเกินไป เท่าไหร่ถึงจะพอ..ให้เธอ
ฉันมีแค่นี้ ที่ให้ ฉันมีเพียงใจจริงจัง ให้เธอหมดแล้วทุกอย่าง ยังไม่พอ..
ตราบใดที่ ยังมีให้ ก็ไม่มีวันพอหรอกครับ
มนุษย์ “ผู้แบมือรับจนเคยชิน” จะเป็นเช่นนั้นแล มานับแต่บรรพกาล
ผมเชื่อว่า รัฐบาลลุงตู่ ชนะยกแรก พิชิตไวรัสโควิด-19 สำเร็จ ในเวลาเบื้องหน้านี้
แล้วต้องขึ้นชกยก2 ต่อเลย คือ ปัญหาปากท้องของประชากร ในภาวะวิกฤติเศรษฐกิจ ที่เป็น “คลื่นยักษ์” ตั้งท่าถาโถมเข้ามาถล่มระรอกสอง สาม สี่ ห้า แน่นอน
เศรษฐกิจห่อหดตัว ธุรกิจโรงงานทุกระดับเลิก มีผู้ตกงานทุกระดับอาชีพเป็นสิบล้านคน โดยเฉพาะกรรมาชน คนรากหญ้า ประชากรส่วนใหญ่ของสังคม
จะได้รับการ “จัดสรร”ใหม่อย่างไร จากการบริหารภาครัฐ จะ”กรุงทาง ทำทาง” ให้ ประชากร ก้าวเดินก้าวใหม่ ในยุค new normal แบบไหน อย่างไร เพื่อให้มีกินมีใช้
ถึงยามนี้ ใกล้หมดยก1 รัฐบาลลุงตู่ ก็มีเตรียมตัวแล้วละ ในการขึ้นยก2
ต่อสู้กับวิกฤติเศรษฐกิจ ทีนี้ทีมงานเศรษฐกิจ ก็จะก้าวขึ้นมาเป็นพระเอก
ภาครัฐทำกันเองลำพัง ก็คงพังแหงๆ จึงต้องการแนวร่วม ประสานสิบทิศ กับการ brainstorm ปัญหาปากท้อง เศรษฐกิจ เช่นการ จัดตั้ง team Thailand เชิญเอกชนผู้ครองคลุมเศรษฐกิจประเทศทุกแขนง มาเป็น supervisors
วิกฤติศัตรูตัวใหม่ บทแรก ควรให้ความกระจ่างอย่างจริงใจ เมื่อหมดเวลาโปร(เพราะ)โควิด-19
รัฐบาลต้องบอกต่อประชาชนอย่างชัดเจนว่า new normal คืออะไร?
จะสามารถดำรงตนให้ไปกับวิถีนั้นอย่างไร ในแต่ละดับสังคมประชากร
ต้องบอกให้ชัดว่า ทัศนคติโลกเก่า ที่เคยชินมาตลอด นับแต่ยุคบรรพบุรุษ ได้หมดยุคไปแล้ว
new normal ความคิดเก่าๆ ทัศนคติ งานคือเงิน เงินคืองาน บันดาลสุข สร้างงาน สร้างprofit สร้างกำไร มีเม็ดเงินไหลอู้ฟู่ หมุนเฟืองเศรษฐกิจ ชีวิต happyๆ มันไม่ใช่อีกต่อไปแล้ว
โลกอุตสาหกรรมก็จะไม่ใช่อย่างเดิม ทุกอย่างหดตัวลง กลับไปตั้งหลัก ด้วยวิธีการคิดใหม่หมดทั้งสิ้น
วิถีการดำรงชีวิตในสังคมของมนุษย์ก็เช่นกัน
เราจะอยู่ได้ในวิถี new normal ของโลกใหม่ได้ดี ก็คือ ต้องห่อตัวเล็กตามไปด้วย
ประมาณตนในความพอเพียง มีทัศนคติมองโลกใหม่ว่า..ประชาชนสามัญยังอยู่ได้ พอมีวงจรสร้างงานสร้างรายได้ที่เพียงพอ ความสุขหาได้ในความพอเพียง
นั่นแหละคือ keywords ที่จะต้องช่วยกันออกแรงขับเคลื่อน..ไปด้วยกัน โดยไม่ทิ้งใครไว้
การเปลี่ยนแปลง สู่ new normal จึงมีอีกมากมายหลายหลากที่ ถูกจัดระเบียบสังคม ระเบียบชีวิต ให้เป็นที่เหมาะสม เช่น การเลือกทางทำมาหากิน
กรรมาชน คนงานในเมือง เลือกที่จะกลับคืนสู่พื้นเพบ้านเกิด ส่วนกลางส่งต่อ อำนาจบริหาร งบประมาณไม่ถูกปลิงดูดกลางทาง ถึงชาวบ้าน ผู้ว่าราชการจังหวัด ทำงานแข่งกัน จังหวัดต่างๆ ก็ต้องสร้างโมเดล ให้เกิดความเข้มแข็งในชุมชน ลงไปสู่รากหญ้าตำบลให้ได้
ทหาร กองทัพก็ช่วย จังหวัดมณฑลทหารบก จังหวัดที่มีค่ายพลกองพัน ส่งกำลังทหารที่กินเงินหลวง ช่วยประชาชนทำมาหากิน
ยุคใหม่นี้ ยุทธโธปกรณ์ของทหารไม่ใช่อาวุธสู้รบกับคน แต่เป็นเครื่องจักรรบกับความยากจนของประชาชน รัฐมนตรีกลาโหม แม่ทัพภาค ยันลงไปถึง ผบ.กองร้อย กำลังพล ลงไปช่วยคนท้องถิ่นพื้นที่ ให้ทำมาหากินได้ อยู่ได้ มีกินมีใช้ มีแลกเปลี่ยน มีความสุขพอเพียง
ทำให้เต็มที่ สักสองอายุการทำงานรัฐบาลลุงตู่ ไม่เกินสิบปี น่าจะแก้ปัญหาประชากรยากจนครึ่งค่อนประเทศ ไปในทางที่ดีได้
ส่วนประชากรมนุษย์กินเงินเดือนมาก่อน งานหดตัว ไม่มีงานทำ ก็ต้องปรับตัว ปรับทัศนคติ
อย่างไรเมืองไทยก็ไม่มีวันอดตาย ยกเว้น ทัศนคติ “เกิดมาพ่ายแพ้” เป็นคนสมองทึบ ง่อยเปลี้ยเสียขา อยากตายเสียเอง
หางานทำ..ง่ายๆ เลย กระทรวงกลาโหม เลิกเกณฑ์ทหารได้เลยปีหน้า
วุฒิแค่ประถมปลายให้สมัครเข้ามา มีเบี้ยเลี้ยง เงินเดือน พักฟรี อยู่ฟรี มีสวัสดิการ ส่งเสริมการเรียนหาความรู้ทุกรูปแบบ ที่เป็นเป้าหมายอนาคต เช่น เป็น หมอดิน หมอน้ำ ผู้เชี่ยวชาญเกษตรกสิกรรม กลับไปทะนุบำรุงท้องถิ่นตัวเอง คนที่โดดเด่น เป็นหัวหน้าตอน สามารถเรียนวิถีความเป็นผู้นำชุมชนคนรุ่นใหม่ก็ยังได้
ทหารเกณฑ์ รักอาชีพทหาร ก็สมัครต่อเป็นทหารอาชีพ เรียนต่อนายสิบ กระทั่งเรียนระดับปริญญาตรีเพื่อเทียบยศทหารชั้นสัญญาบัตรในอนาคตก็มิใช่วิสัยที่จะเป็นไปไม่ได้
เปิดรับสมัครทหารเกณฑ์ทั่วประเทศ เลี้ยงดูอย่างดี 2 ปี ก็สามารถช่วยคนหนุ่มได้ปีละเป็นแสนคน มีงานมีเงินและมีการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดี เพื่อกลับไปเป็นพลเมืองดีของชาติ..ที่ทหารสร้าง
อย่างนี้ ชาวบ้านจะไม่รักทหารได้อย่างไร ในเมื่อ เอาลูกหลานเขาไปเลี้ยง เข้ากรมกอง ในวัยที่กำลังห้าว คบเพื่อนเลวก็เสพยาบ้าเลย
อย่างนี้ควรเป็น งานของกระทรวงกลาโหม นำเสนอ รัฐบาลว่า กองทัพจะช่วยสังคมและประชากร ในยุค new normal อย่างไร
นี่ผมแค่ยกตัวอย่าง การปรับทัศนคติโครงสร้าง เพื่อ สร้างกองทัพคนรุ่นใหม่จากทหารเกณฑ์..ที่ทำได้เลยเป็นต้น
ยังมีอีกบานตะกั๊ก ที่ทำได้ ขอให้ “ทำจริง” เข้มแข็งเฉียบขาด เหมือนแนวทางที่ บุคลากรสาธารณสุข สร้างคุณูปการต่อประชากรและประเทศ พิชิตโควิด-19
ใครมันจะขว้างก้อนอิฐ..ก็ช่างแม่มเถอะ
ยกเว้นอย่างเดียว..อย่าทำอีกเลยคือ ..คิดไม่ออกก็ แจกเงิน
การเมืองไทยเรา ห้ามนักการเมือง แจกเงินซื้อเสียงชาวบ้าน แต่รัฐบาลทุกรัฐบาล นับแต่ครึ่งศตวรรษก่อน ก็ใช้วิธี..แจกเงิน..โปรยทาน มาตลอด
จำ”เงินผัน” สมัย ม.ร.ว. คิกฤทธิ์ ปราโมชฯ ได้ไหมครับ..นั่นก็แจกเงิน
แจกซะจน .. คนไทยไม่น้อยในระดับรากหญ้า อ้างสิทธิความเป็นคนยากจน รัฐบาลต้องช่วย ไม่ช่วยจะตายให้ดู มาตลอด
แบมือขอ แล้วได้ในรูปแบบต่างๆ จนกลายเป็นสามัญสำนึก..ความจน คืออาวุธต่อรอง ใครก็ตามที่ขึ้นมาเป็นรัฐบาล
วิกฤติโควิด-19 ครั้งนี้ เป็นรายการที่รัฐบาลไทย แจกจ่ายให้”ของฟรี” มากที่สุดในประวัติศาสตร์แล้ว
หมดจาก เงินเดือนประชากรไทย 3 เดือน ก็ต้องหยุดนโยบายนี้โดยสิ้นเชิงได้แล้วนะครับ
ไม่เช่นนั้น ประเทศไทย จะมีแต่พลเมืองที่ง่อยเปลี้ยเสียขา แบมือเป็นอย่างเดียว …เป็นโลง
อันต้องมีรัฐบาล ที่ square head หัวเหลี่ยม คิดอะไรไม่ออก ทำงานเป็นแค่ ฝรั่งโปรโมทกระดาษชำระ… เป็นฝา
เศรษฐีเดลซี่ไงครับ..จำได้ไหม
สปอตโฆษณาโด่งดังเมื่อกว่าสี่สิบปีก่อน เศรษฐีเดลซี่ เยี่ยมถึงบ้าน คุณจะได้สร้อยทองคำ
การตลาดสินค้าฝรั่ง ที่ยุหัดให้คนไทยสิ้นเปลืองด้วยใช้กระดาษชำระเช็ดก้นไง
ยอดทอง
