Interview

ธนบัติ อึ้งสุวรรณพานิช

ธนบัติ อึ้งสุวรรณพานิช
บริษัท สหสินทรัพย์ค้าวัสดุก่อสร้าง จำกัด
“ถ้ามีความรู้แล้วขี้เกียจ คุณก็จะไม่มีเงิน”

ทำงานตลอด : ที่บ้านค้าขายพวกอะไหล่รถยนต์ รถสิบล้อ ที่ อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี ทั้งปีมีวันหยุดแค่วันเดียว คือวันตรุษจีน ทำงานกัน 364 วัน เรามีพี่น้องกัน 6 คน ผมเป็นคนเล็ก แต่ไม่ถูกตามใจ แล้วที่บ้านคุณพ่อดุ เข้มงวดเรื่องการเรียน ทำให้ผลการเรียนค่อนข้างดี อยู่ในอันดับต้น ๆ กลับจากโรงเรียน ทำการบ้านเสร็จต้องรีบมาช่วยงานเต็มที่ แบกน้ำมันเครื่อง ยกถังลม ขันน็อต สั่งของ เช็คของ ทำให้ผมมีพื้นฐานค้าขาย แต่ยุคนั้นทำกันแบบบ้าน ๆ ยังไม่เหมือนสมัยใหม่ ส่วนกีฬาเล่นตามประสา ได้เป็นนักฟุตบอลโรงเรียน จนเรียนจบ ม.ศ.3 จาก อ.โคกสำโรง

เรียนโยธินฯ : เราคิดว่าเราเก่ง เจ๋งจากต่างจังหวัด มุ่งมั่นจะสอบเข้าโรงเรียนอันดับหนึ่งของประเทศ แต่พอไม่ได้ รู้สึกเสียใจ และเสียหน้าถ้าจะกลับไปบ้าน จึงเข้าเรียนที่ โยธินบูรณะ แล้วมุ่งแต่เรียนอย่างเดียว แต่ผลโดยรวมก็ออกมากลาง ๆ เพราะเน้นแค่ 5 วิชาหลัก ๆ ที่จะใช้สอบ ไปกวดวิชาเพิ่มด้วย เพื่อเตรียมเอ็นทรานซ์

พ่ออยากให้เป็นหมอ : แล้ววิชาที่ถนัดที่สุดคือ ชีววิทยา อีกด้วย อ่านประมาณ 7 รอบก่อนเอ็นทรานซ์ ตอนสอบเสร็จคิดว่าน่าจะสอบติด แต่บังเอิญว่า สมัยนั้นใช้ระบบแรเงาคำตอบ ตอนทำวิชาชีวะมีข้อที่ไม่แน่ใจ ก็เว้นไปก่อน แต่เมื่อทำข้อถัดไป เผลอไปกาในข้อที่เว้น แล้วทำเรียงข้อไปเรื่อยๆ ทำให้คำตอบรวนไปหมด พอรู้ตัว เวลาที่เหลือก็แก้ไม่ทัน คะแนนในวิชาชีวะ น่าจะน้อยมาก

เด็กบางมด : ผลสอบออกมา ผมติดวิศวะ บางมด (มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี) อาจารย์สัมภาษณ์แล้วให้เลือกสาขาเลย ตั้งแต่ปีหนึ่ง คุณพ่อช่วยตัดสินใจให้ อยากให้เรียนก่อสร้าง รับเหมา เลยเลือกเรียนโยธา จบออกมาไปทำงานเป็นผู้รับเหมาก็ได้ ไปอยู่ในบริษัทใหญ่ ๆ ก็ได้

เข้ากับคนง่าย : ผมมีเพื่อนเยอะ ทำกิจกรรมเยอะ บ้านอยู่ลาดพร้าว 62 แต่ไปเรียนบางมด เทอมแรก นั่งรถขาไปสองชั่วโมง กลับอีกสองชั่วโมง เดินทางใช้เวลานานจนไม่ไหว เลยขอที่บ้านไปอยู่หอหน้าสถาบัน ปีแรก เกาะกลุ่มเพื่อน ทำกิจกรรมสหกรณ์ เป็นร้านค้ากลางในโรงอาหาร ช่วงพักเที่ยงมาขายของ เครื่องใช้ เครื่องเขียน แล้วทำสต๊อกกัน สมัยก่อน บางมดยังค่อนข้างไกล เรียนเสร็จก็ไม่มีอะไร บางวันก็เล่นสนุ้กเกอร์ หรือเล่นไพ่สลาฟ จับหมู ฝึกสมอง ฝึกระบบความจำ กีฬาก็เล่นทุกอย่างที่มี เทนนิส ฟุตบอล บาสฯ และทุก ๆ 4 ปี ที่บางมดจะมีนิทรรศการเทคโนโลยี ผมเข้าไปปีหนึ่ง ก็จัดพอดี ทุกรุ่น ทุกภาควิชา จะมีผลงานมาจัดแสดงกัน คนที่มาดูก็มีทั้ง นักเรียนนักศึกษา คนภายนอก ผมก็ได้รู้จักกับรุ่นพี่ ๆ ตอนนั้นเขาทำโครงการขยายสนามบินดอนเมือง ก็เข้าไปช่วยเขาทำงานตามความสามารถของเรา ทำให้มีความผูกพันระหว่างรุ่นพี่รุ่นน้อง

จบแล้วได้งานเลย : ก่อนจะจบ เมื่อ พ.ศ. 2529 เริ่มออกหางาน ปีนั้นเศรษฐกิจยังไม่ค่อยดีนัก งานหายากมาก ไปสมัครพร้อมกันสามที่ ทั้งธนาคาร ทั้งหน่วยงานที่ต้องการวิศวกร โชคดีได้งานเร็ว พอดีมีบริษัทของญาติรุ่นพี่ ต้องการพนักงานตำแหน่งวิศวกรแบบเร่งด่วน ไปสมัครแล้วให้ผมทำทันที แต่ตอนนั้นยังสอบไม่เสร็จ ก็ขอเวลาเตรียมตัวจัดการเรื่องเรียนให้เรียบร้อย พอสอบเสร็จสักอาทิตย์ก็ทำงานเลย ทำหน้าที่เป็นวิศวกรประจำแพล้นท์คอนกรีต เพื่อผลิตใส่รถโม่ขาย มีหน้าที่ออกคำสั่ง คุมลูกน้อง ทำผลเทสต์ ทดสอบค่ายุบตัว (Slump Test) ซึ่งเคยศึกษาบางส่วนมาแล้วตอนเรียน ทำงานอยู่ทั้งหมด 2 ปี 7 เดือน ลาออก 3 ครั้ง

เริ่มต้นทำธุรกิจเอง : พนักงานขายที่ทำงานด้วยกัน เห็นว่าเรารู้จักรุ่นพี่เยอะ ชวนทำธุรกิจ ขายคอนกรีตผสมเสร็จ ผมเองก็ยังรู้สึกว่ายังไม่ค่อยชำนาญ แต่ก็อยากลองสักตั้ง ลงทุนไปกับเขา โชคดีจังหวะปี 2533 เศรษฐกิจกำลังบูม พอดีรุ่นพี่ที่เคยทำงานด้วยกันมาก่อน ย้ายไปอยู่บริษัทคอนกรีต เขาเชื่อใจ ให้เอาของมาขาย กำไรก็ดี พยายามเก็บเงิน สะสมทุน แล้วคู่ค้าส่วนใหญ่จะดีกับเราด้วย ไม่งั้นคงไม่รอด

ได้ดีเพราะคำแม่ : คุณแม่เคยสอนว่า ถ้าหาเงินมาได้ 100 ใช้ไป 50 อีก 30 เก็บเพื่อลงทุน อีก 20 เป็นเงินออม ตอนทำงานใหม่ ๆ ผมโชคดี พอทำงานมาได้ 100 ผมใช้แค่ 3 – 5 % เท่านั้น ที่เหลือเอาไปลงทุน ยิ่งเมื่อธุรกิจไปได้ดี ยิ่งทำให้มียอดสะสมโตขึ้นเร็วมาก

ชะตาชีวิตเปลี่ยน : จากเดิมที่คิดว่าจะเป็นวิศวกร ทำงานรับเหมาก่อสร้าง หรือบริษัทใหญ่ ๆ ก็กลายมาเป็นธุรกิจของเราเอง ขายวัสดุก่อสร้าง ปูน คอนกรีตผสมเสร็จ และเจอหุ้นส่วนเรื่อย ๆ ก็ทำเพิ่มอีกหลายอย่าง เช่น ฝักบัว สายชำระ ทำรับเหมา ผมมีหุ้นส่วนทั้งหมด 15 ที่ อยู่ในวงการก่อสร้างทั้งหมด ผมเป็นกรรมการทุกบริษัท แต่ดูแลใกล้ชิดจริง ๆ 4-5 แห่ง มีนอกวงการออกไปคือ คาราโอเกะ

เปิดร้านดูแลลูกค้า : พอดีเพื่อนชวน แล้วแทนที่เราจะพาลูกค้าไปพักผ่อนที่อื่น ก็มาร้านเราเอง กระเป๋าซ้ายเข้ากระเป๋าขวา ตอนนั้นทำค่อนข้างดีเลย สมัยก่อนเป็นร้านแรกในซอยมหาดไทยที่มีจอโปรเจ็คเตอร์ 200 นิ้ว เดือนแรกทำยอดขายเป็นล้าน อยู่ได้ดีพักใหญ่ตามสภาวะตลาด เศรษฐกิจ คนเที่ยวเยอะ แล้วเราทำธุรกิจแบบถูกต้องตามกฎหมาย วันพระ วันพ่อ วันแม่ เราปิดร้าน เหนื่อยมาก เพราะกลางวันทำงานบริษัท กลางคืนต้องไปคุมจนร้านปิด พอระยะหลังธุรกิจเริ่มตันก็หยุดไป

ทำเพื่อทุกคน : ผมตั้งกติกากับตัวเองว่า เมื่อมีกำไร จะแบ่งปันให้ลูกน้อง ทำให้เรามีโบนัส ตั้งแต่เปิดบริษัทมาโดยตลอด แม้กระทั่งช่วงเกิดวิกฤติเศรษฐกิจยังไงก็ต้องให้ ไม่มากก็น้อย พนักงานจึงอยู่กับเรายาว ๆ เป็นสิบปี มีอะไรก็ช่วยกัน แล้วผมก็ทำได้ทุกตำแหน่ง พนักงานไม่ว่าง คนขาด ก็ทำแทนได้หมด ขนของ วางบิล เก็บเงิน ผมทำมาหมดแล้ว

กอล์ฟ : ผมเริ่มเล่นตั้งแต่อายุสามสิบกว่า ๆ คนที่ชวนคือพี่ชาย ตอนนั้นเป็นอัยการ เขาไปซ้อม ผมก็ไปฝึกด้วย ครั้งแรก ๆ ก็เบื่อ ไม่ชอบ แต่พี่ก็พูดอยู่ประโยคหนึ่งว่า กอล์ฟ เล่นได้ทั้งแชีวิต เป็นกีฬาไม่หักโหม ได้เดินไกล ๆ ถ้าคุณทำธุรกิจ เป็นวิธีเดียวที่คุณจะเจอลูกค้าได้นานที่สุด ถ้านัดเจอกันที่บริษัท กว่าจะเจอลูกค้า กว่าจะนัดกันได้ คุยกันไม่เท่าไหร่ก็ต้องกลับ แต่ถ้าลูกค้าเล่นกอล์ฟ เมื่อเราชวนเขาเล่น ทำให้ได้มีโอกาสอยู่ด้วยกันหลายชั่วโมง สามารถสร้างความสัมพันธ์ ให้มีความสนิทสนมกันมากขึ้น เรื่องยาก ๆ ก็อาจจะกลายเป็นเรื่องง่าย ๆ ก็เป็นได้ ชอบกอล์ฟมาก แต่ไม่ถึงกับติด ถ้าใครชวนก็ไป ก่อนนี้เล่นบ่อย เพราะเราทำงานบริหาร สั่งงานทางโทรศัพท์ได้ ตอนนี้พยายามลดลงบ้าง ให้เหลือสัปดาห์ละครั้งสองครั้ง

ทำงานเพื่อสังคม : ผมเริ่มเข้าไปช่วยงานด้านสังคม เมื่อรุ่นพี่ที่บางมด (มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี) ลงสมัครนายกสมาคมศิษย์เก่าฯ ผมก็ไปช่วยงานมาสามสมัย มีนัดแต่ละครั้งก็ขับรถจากบ้านข้ามฝากไปประชุม เป็นการระดมความคิด แล้วรับมอบหมายหน้าที่มา ถือว่าเป็นการทำงานตอบแทนมหาวิทยาลัยที่เราเรียนกันมา

นายกฯ โยธินบูรณะ : ก่อนหน้านี้ รุ่นพี่ที่โยธินฯ ซึ่งเป็นลูกค้าของผม เขาเป็นกรรมการฯ ชักชวนให้เข้าไปทำงานด้วย อันไหนช่วยได้ ผมก็ช่วย จนเมื่อปี 2552 เพื่อน ๆ ที่จบโยธินฯ มาด้วยกัน จัดเลี้ยงเป็นกลุ่ม ๆ โดยไม่มีรุ่น ทำให้ได้เจอกลุ่มที่เล่นกอล์ฟด้วยกัน เกิดความคิดว่า ทำไมเราไม่รวมรุ่นกัน แล้วก็เสนอให้ผมเป็นประธาน ผมก็บอกว่า ไม่ค่อยรู้จักใคร แต่เรามาช่วยกันระดมทุน กระจายข่าว อาศัยปากต่อปาก จนรวมตัวมากัน 51 คน เพื่อน ๆ ก็โวตให้ผมเป็นประธาน เมื่อเพื่อนให้เป็นก็เป็น

กิจกรรมศิษย์เก่า : ในหนึ่งปีมีจัดงานเลี้ยงกันที พอเริ่มเลี้ยงรุ่น ก็ได้รู้จักกับเพื่อนอีกหลาย ๆ ห้อง คนไหนที่พอให้ความช่วยเหลือกันได้ ก็ช่วยกัน อย่างเพื่อนคนหนึ่งที่เป็นตำรวจ ก็ไปรวบรวมรายชื่อเพื่อน ๆ มาได้สี่ร้อยกว่าคน แล้วก็ให้เลขารุ่นติดต่อส่งจดหมาย บางคนได้รับช้า งานผ่านไปแล้ว ก็แปลกใจว่าโยธินฯ มีเลี้ยงรุ่นแล้ว ดีใจอยากจะมาเจอกันในงานครั้งหน้า ทำให้ค่อย ๆ เพิ่มจำนวนเพื่อนในรุ่น ให้เข้ามาร่วมงานกันมากขึ้น

รวมตัวช่วยโรงเรียน : หลังจากรวมรุ่นกันได้ เรามีความคิดเห็นกันว่า กิจกรรมของโรงเรียน ที่จัดโดยโรงเรียนและสมาคมศิษย์เก่า มีงานมุทิตาจิตครู ช่วงเดือนมกราคมของทุกปี ทางรุ่นเรา ก็จะนำอาหารไปออกซุ้ม ให้นักเรียน อาจารย์ เจ้าหน้าที่ และทุกคนได้รับประทานกัน ทำมาตลอดเป็นสิบปีแล้ว เราพยายามช่วยเหลือเพื่อน ๆ ในรุ่นด้วย อย่างเมื่อเจอเพื่อนทำอาหารขาย ก็ติดต่อเข้ามาเพื่ออุดหนุนกัน ขณะเดียวกันเพื่อนก็มีน้ำใจ อยากจะช่วยเหลือด้วยความเต็มใจด้วย แต่เมื่อเรามีงบ ก็สนับสนุนกัน ไม่ให้เขาขาดทุน เพื่อปีต่อ ๆ ไปจะได้มากันได้อีก ทั้งอิ่มอร่อย ทั้งได้บุญ และเรายังจัดกอล์ฟเพื่อระดมทุน แบ่งส่วนหนึ่งให้ครูอาวุโส มอบทุนให้นักเรียน ที่เหลือก็ไว้ช่วยเหลือเพื่อน ๆ ในรุ่น

คำสอนพ่อแม่ : ท่านสั่งสอนเสมอว่า ถ้ามีความรู้แล้วขี้เกียจ คุณก็จะไม่มีเงิน แต่ถ้ามีความรู้ ใช้ความรู้ที่หามา หรือใช้ชีวิตที่ซื่อสัตย์ เพื่อสร้างเครดิต คุณก็จะอยู่ได้ แต่คุณต้องขยันด้วย เพราะตอนเริ่มทำธุรกิจใหม่ ๆ พ่อจะเน้นย้ำว่า อย่าให้เสียเครดิต นั่นหมายถึง การดูแลเรื่องการเงินให้ไม่มีปัญหา ส่วนคุณแม่ยังสอนอีกว่า อย่าใช้ชีวิตให้เหลวแหลก ส่วนการใช้เงิน เป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งในการดำรงชีวิต คุณต้องวางแผนว่าจะใช้อย่างไร ให้ไม่ลำบากลูกหลาน ถ้าโชคดีเขากลับมาเลี้ยงก็ดีไป แต่ถ้าไม่มาล่ะ เงินเราหมดก่อนจะทำยังไง ต้องคิดให้รอบคอบ

สัจธรรม : สมัยหนุ่ม ๆ นอนวันละแค่ไม่กี่ชั่วโมง ก็เพียงพอแล้ว ตอนนั้นเรายังมีกำลัง ทำอะไรก็ทำได้เต็มที่ แต่เมื่ออายุมากขึ้น ทุกอย่างมันไม่เหมือนเดิมแล้ว ทำอะไรก็ต้องคิดหน้าคิดหลัง เงินทอง เวลาตาย เอาไปไม่ได้ มันอาจมีเวลาเกษียณ ถึงเวลาจำเป็นก็ต้องหยุด เราต้องประคองตัวในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ไปให้ได้ก่อน ส่วนโอกาสข้างหน้า ยังต้องขึ้นอยู่กับทายาทที่จะรับช่วงต่อ ผมมีลูกสาว 3 คน ก็แล้วแต่ลูก ๆ ว่าจะเลือกใช้ชีวิตกันแบบไหน

ดูแลชีวิต : ต้องใช้ชีวิตอย่าประมาท สุขภาพกาย ควรจะเผื่อให้กับสุขภาพไว้ด้วย เมื่อเริ่มมีอาการอะไรบ้าง ต้องดูแลตัวเองเป็น อาหารต้องควบคุม สุขภาพต้องตรวจสม่ำเสมอ ต้องรู้จักปล่อยวางให้เป็น พักผ่อนให้เพียงพอ หลับให้ลึก หมั่นออกกำลังกาย ผมใช้วิธีเดินด้วย วิ่งด้วย แต่ละวันตั้งใจออกกำลังกายอย่างน้อย 30 – 45 นาที สุขภาพโดยรวมก็ไม่มีปัญหาอะไร ยังเล่นกอล์ฟ ออกรอบได้อยู่เรื่อย ๆ ครับ