อมยิ้มริมกรีน

ความโลภต่างหากที่ทำให้”นาย”เลว

จ่าเหี้ยม 30 สิบศพโคราช บ้าคลั่ง เพราะธุรกิจ “นอกระบบ” แสวงหาผลประโยชน์ร่วมกัน แล้วโกงกัน นำไปสู่ความตายของผู้บริสุทธิ์  กลายเป็นโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่  ทำให้เกิดกระแสในสังคม วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมากมาย

พวกที่เกลียดทหาร  ก็ได้โอกาส.. “กระทืบคนล้ม” ตั้งแต่นักการเมืองฝ่ายค้าน ยันพวกแอคติวิสต์  กระหน่ำทุกสื่อ พล.อ.อภิรัช คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ต้องลาออก ในฐานะผู้บังคับบัญชาสูงสุด ต้องรับผิดชอบ

ด่าสาดเสียเทเสีย  ว่าไปยิ่งโวยวายคำพูดก็ยิ่งไม่มีราคา เหมือนบ้าน้ำลาย ฟ่อดเลอะเทอะเกินไป ด้วยเยอะไป ตัวเองก็ยังเป็นวัวสันหลังหวะ

ในโลกแห่งความเป็นจริง ของ ทุกวงการราชการประเทศไทย ก็มี ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่(ถ้าเป็นกองทัพก็ยศผู้พัน,ผู้การขึ้นไป) ทำมาหากินไซด์ไลน์ อยู่ในวงจรอาชีพไม่น้อย

ขนาดอดีตผบ.ตร. แท้ๆ ท่านยังเคยออกสื่อ เป็นข้าราชการแค่ไซด์ไลน์ แล้วจะสำมะหาอะไรกับ ข้าราชการอื่นๆ

ยิ่งกระทรวงใหญ่ๆ ที่มีเงินกองทุนสวัสดิการงบประมาณสูง ระบบสหกรณ์ ระบบการกู้ยืมเงินของข้าราชการ  ก็มักจะมีวงจร “การทำมาหากิน” ในช่องทางอื่น จาก “เงินกู้” สวัสดิการ

หากทำด้วย สัมมาอาชีพ  ภายใต้กรอบกติกา มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดอะไร

มีข้าราชการ “นายคน”  เยอะแยะไป ทหารก็มี ตำรวจก็มี ข้าราชการครู ที่ช่วยเหลือ ลูกน้อง ให้รู้จักทำธุรกิจทำมาหากิน มีรายได้นอกเหนือไปจากเงินเดือนข้าราชการ ไม่ว่าการทำกสิกรรม เกษตรกรรม เศรษฐกิจพอเพียง ในวิถีสหกรณ์ พึ่งพาช่วยเหลือกัน มีเงินไหลเวียน แคชโฟลว์ ต่างวิน-วิน มีรายได้ มีผลประโยชน์ที่ดีด้วยกัน

นายพัน นายพล เยอะไป ที่ตั้งบริษัท รปภ. รักษาความปลอดภัย ด้วยมี “กำลังพล” ไอ้เณรปลดประจำการ นายสิบที่เป็นลูกน้องใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ นับถือความเป็นนาย ง่ายต่อการรับผิดชอบในงาน ช่วยสร้างอาชีพ สร้างรายได้ซี่งกันและกัน..ก็ถือว่าเป็น สัมมาอาชีวะที่ดี

แต่มนุษย์น่ะครับ มีบาปคือความโลภ อยู่ทุกวงการ ทุกสถาบันแห่งหน ดั่งวลีแห่งกิเลส               

คนจนอยากรวย คนรวยอยากเป็นเศรษฐี เศรษฐีอยากเป็นมหาเศรษฐี มหาเศรษฐีอยากมีอำนาจล้นฟ้า เป็นเจ้าของอาณาจักร เหนือคนดั่งกษัตริย์

โลกมนุษย์ก็เป็นดังนี้แล

ที่ไหนมีเงินกองทุน  เงินงบประมาณ เงินสวัสดิการ ก็จะมี “คนโลภ”ในวงการนั้น สรรหามีวิธีการ กลยุทธทำมาหาแดก  ดูดเงินจากเงินสวัสดิการกู้ยืมข้าราชการ  ใส่กระเป๋าตัวเองเป็นกำไร มากมายสารพัดวิธี มีกันคลั่กอยู่ในทุกวงการแหละ

ข่าวก็ฟ้องอยุ่ทุกยุค โดยเฉพาะกระทรวงใหญ่ๆ  ที่มีเงินกองทุนโน่นนี่นั่น  ข้าราชการชั่ว รวมหัวกันอมเงิน โกงเงินรัฐ แบบกดตรงไหน ก็พุตรงนั้น                 

กระทรวงศึกษาธิการ ปกครองข้าราชการ บุคลากรครูเป็นล้านคน ทุกวันนี้ครูเป็นหนี้หัวโต เพราะกู้เงิน งบสวัสดิการครู กู้เงินซื้อบ้าน ซื้อรถยนต์ ฯลฯ มากมายสารพัดแค่ไหน

ก็ย่อมมีการ ช่องทางของ “คนโลภ” ดูดเงิน ทำมาหากิน เอาเงินเข้าประเป๋าตัวเองไม่รู้เท่าไหร่..

บุคลากรระดับผอ.โรงเรียน ออกมาปล้นทอง ยิงคนยิงเด็กไม่กระพริบตา ก็เพราะหน้ามืดในหนี้สวัสดิการ นี่แหละ

ฉันใดก็ฉันนั้น

กองทัพทุกเหล่า  มีงบสวัสดิการ ให้ทหารชั้นผู้น้อย ขั้นประทวนหรือสัญญาบัตร ที่รับราชการมากว่าสิบปี สามารถกู้เงิน เพื่อซื้อสร้างบ้านได้

ด้วยเพราะทุกระบบองค์กรใหญ่ๆ มักมี”ช่องโหว่” ทหารชั้นผู้น้อย นายสิบ นายร้อยที่มาจากชั้นประทวน ส่วนใหญ่จะไม่มีความรู้ ในการดำเนินการทางเอกสาร ยื่นกู้ สำคัญก็คือ เงินเดือนน้อย มีวงขีดจำกัดในยอดเงินกู้

การ “รับบริการครบวงจร” ในการกู้เงินเพื่อการซื้อบ้าน จากงบสวัสดิการ จึงกลายเป็น การทำมาหากินในกองทัพ (แบบเดียวกับ แม่ยายพันเอกที่โดนจ่าคลั่งยิงสยองนั้น )  มีเยอะแยะมากมายหลายสายหลายหน่วยงาน ทัพเรือ ทัพอากาศก็มี..

กระบวนการนี้ จะมี “คุณนาย”(ในเคสโคราช คือ ตัวแม่ยาย)  รับดำเนินการให้แบบ “ครบวงจร” ตั้งแต่ผู้หาบ้านให้ สร้างหรือรีนูเวทให้ จัดเอกสารกู้ให้แบบเต็มแม็กสุดๆไปเลย เช่น บ้านราคา1ล้านบาท ก็ทำกู้ 1.5ล้านบาท โดยส่วนเกิน5แสนนั้น จะมาแบ่งกันกับผู้กู้ คิดเป็นค่าดำเนินการ ค่าวิ่งเต้น ค่า”เส้น” อะไรก็ตาม แบ่งเท่าไหร่ก็ตกลงกัน ส่วนใหญ่จะครึ่งหนึ่ง

อาชีพของคุณนาย ก็ย่อมต้องมี “เส้น”อยู่ในสายงาน  ครบวงจร ต้องมีนายทหารระดับสูงเป็น”แบ็ค” มียศ ตำแหน่ง มีอำนาจ เซนต์ค้ำประกันเงินกู้ของทหารชั้นผู้น้อย ยาวไปถึงการเดินทางของเอกสาร ที่ไปสู่ สำนักสวัสดิการทหารบก ที่จะแทงเรื่อง อนุมัติ

เงินก้อนจึงไหลรื่นจาก กองทุนกู้ยืมสวัสดิการทหาร

ทหารผู้นั้นก็ได้บ้าน ได้เงินทอนด้วย ย่อมสมใจ..ก็okแล้ว โดยไม่ได้คำนึงถึงว่า ตัวเองจะต้องผ่อนทั้งต้นทั้งดอกเป็นเงินมากมายแค่ไหน.

สรรเสริญบุญคุณคุณนายด้วยซ้ำว่า..ทำให้ตนมีบ้าน

ถามว่า การทำมาหากินในกองทัพ ดูดเงินสวัสดิการทหารเช่นนี้ สามารถทำได้ไหม?

ถ้า ทุกอย่างอยู่ในธรรมภิบาล สัมมาอาชีพ ไม่เอารัดเอาเปรียบกันเกินไป  มันก็เหมือนงานบริการทั่วไป  เงินกู้ถูกต้อง  ได้รับการพิจารณาผ่าน ด้วยทุกอย่างตามเกณฑ์

ผู้ดำเนินการก็ย่อมได้เงินตอบแทนจากการนี้อย่างเหมาะสม วิน-วินด้วยกันทุกฝ่าย

แต่ที่มันเป็น “ความเน่าใน” ก็เพราะ ความโลภ ไงครับ

อย่างกรณี จ่าคลั่ง มีการเจาะข่าวพบว่า เป็นลักษณะ “นาย” เอารัดเอาเปรียบชั้นผู้น้อยมันทุกอย่าง  สร้างบ้านถูกๆ ลงทุนไม่กี่แสน แต่เรียกเงินเป็นล้าน เงินกู้ที่เกินมา เป็นเงินทอน ก็ไม่แบ่งคืนให้  หาลูกค้า(ทหารอยากมีบ้าน) มาให้ ก็เบี้ยวค่านายหน้า 3%..คือเห็นทหารชั้นผู้น้อย เป็นเหยื่อไงครับ

โง่กว่า ต่ำกว่า..กูจะทำอะไรมึงก็ได้ อย่าหือ กูเจ้านายมึงนะเว้ย..

ตัวอย่างนี้ คือขบวนการโลภเน่าใน ที่ทำมาหากินในกองทัพ ดูดเงินงบสวัสดิการทหาร จาก “เหยื่อ” ที่หลงมาติดกับ

ผมเชื่อในน้ำตาของ ท่านผบ.ทบ.นะครับ

ท่านเสียใจจริง  โปรดอย่าด่าทหาร สถาบันไม่เกี่ยว โศกนาฏกรรมโคราช เกิดจาก นายทหารคนบางกลุ่ม ใช้ยศของตัวเอง เพื่อช่องทางทำมาหากิน ที่โลภโมโทสัน แล้วมีคราวเคราะห์ร่วม ไปเจอคนบ้า พาตายกันเป็นเบือ

ผบ.ทบ. ท่านประกาศ จะ “ริด” ธุรกิจสีเทา ออกไปจากองทัพให้ได้ จะได้เห็นนายพัน นายพล ร่วงกันเป็นแถว นับแต่นี้        

ได้โปรด “ริด” ธุรกิจสีเทาความโลภเน่าใน ให้สิ้นเถอะครับ

เพื่อรักษาเกียรติยศของทหารอาชีพส่วนใหญ่ทั้งมวลให้ทระนงคงอยู่

ผมเองก็มีประสบการณ์ อยู่ในวงจร ธุรกิจแฝงในกองทัพเหมือนกันนะครับ

เมื่อนานมาแล้ว สี่สิบปีก่อน ผมสมัครเป็นทหารเกณฑ์ หน่วยเสนารักษ์ กองร้อยพยาบาล รพ.อานันทมหิดล,มณฑลทหารบกลพบุรี

แม้จะมี “เส้น” บ้าง และปลดประจำการเพียง 6 เดือน เพราะ เรียนรด.2 ปี แต่ผมก็ยินดีฝึกช่วงเป็นทหารใหม่ 2 เดือนแรก ด้วยอยากหาประสบการณ์ในวลีที่ว่า ลูกผู้ชายต้อง ผ่านการเป็นทหารเกณฑ์

ทุกครั้งที่เงินเดือนออก พลทหารฯ จะเข้าแถวรับเงินที่กองร้อย (สมัยนั้นยังไม่มีบัตรATM) ก็จะมี “จ่ากองร้อย” คนหนึ่ง นำเสนอธุรกิจของแก คือ ชักชวนให้ ซื้อคูปอง ร้านอาหารของเมียจ่า ที่อยู่ในเขตุรพ. โปรโมชั่น เงินสด 500 บาท แลก คูปองมูลค่า 600 บาท  กินข้าว แถมน้ำเย็นน้ำแข็งฟรีทุกมื้อ

มันก็ ธุรกิจ ขาย member special privilege ดีๆ นี่เอง

ไอ้เณรเยอะเลย ที่เอาเงินสดไปแลกคูปองจ่า..เพื่อเอาใจจ่า รู้สึกดี อย่างน้อย จ่าผู้มีอำนาจเหนือกว่า ในวิถีทหารเกณฑ์คุ้มหัว 

หากในอีกมุม ก็คือ เอ็งได้ ผูกตัวเองเป็นลูกค้าจ่าไปตลอด ทั้งกินข้าวซื้อของ

จ่าเงินรับสดเลยในวันนั้น ไอ้เณรก็กลายเป็น เมมเบอร์ ร้านเมียแกไป

ผมก็เป็น เมมเบอร์ ร้านเมียจ่านะ..เพื่อที่จะได้นั่งร้านจ่าทุกค่ำ ..จีบลูกสาวจ่า เรียน วค.ลพบุรี สวยเข้มคม และ บิ้กมิลค์เตะตา

ผ่านการเกณฝึกทหารใหม่2 เดือน อันเป็น “กฎเหล็ก” ของระบบทหารเกณฑ์ พอขึ้นกองร้อย ทุกอย่างก็ผ่อนคลาย ผมเข้ากรุงเทพฯ โดยมีเอกสาร ยืมตัว ทำงานในรพ.พระมงกุฎ

ผมได้ทำเอกสาร ขอมอบเงินเดือน 4 เดือน เข้ากองทุนสวัสดิการกองร้อยพยาบาล รพ.อานันทฯ..โดยเอกสารผ่านจ่ากองร้อยผู้นั้น (จ่าจะได้ ได้หน้า) รู้สึกว่า ปีนั้น จ่าจะได้เลื่อนยศติดดาวนะ

หลังจากผมปลดประจำการ ผมขับรถไปลพบุรีบ้างบางวีคเอนด์..ไปเยี่ยมหาลูกสาวจ่า ให้พาเที่ยวลพบุรี โดยย้ำว่า เมื่อไหร่เธอมากรุงเทพฯ ไกลตาพ่อหน่อย ผมขออนุญาตดูแล

น้องบิกมิลค์ลูกสาวจ่า ก็มานะ หลายครั้งอยู่ ..ผมจึงเป็นลูกเขยจ่า อยู่ช่วงหนึ่ง ตามวิถีประสบการณ์ชีวิตวัยหนุ่ม

ผมว่า ธุรกิจของจ่า ขายคูปอง เมมเบอร์ ร้านเมีย ถือเป็นสิทธิ์และเป็นการทำมาหากินอย่างสัมมาอาชีวะ ในค่ายทหาร

ผม ไม่เคยคิดว่า ตัวเองเป็น ทหารเกณฑ์ ไอ้เณรชั้นผู้น้อย เป็น “เหยื่อ” การทำมาหากินในค่ายทหารของจ่ากองร้อยเลยนะครับ

เป็นเมมเบอร์อยู่ 2 เดือน ได้เป็นสิทธิพิเศษระยะยาว ตั้งเยอะแน่ะ

ยอดทอง