เงียบนะกับวงการเทนนิสบ้านเรา
ครูไก่เคยฝากชีวิตไว้กับโลกของ “เทนนิส”ที่เคยคิดว่าก่อนอำลาคงได้เห็นกีฬาที่เป็นอาชีพแบบเต็วตัวที่เชิดหัวแล้วไม่มีวันลง แต่คงจะคิดผิดไปเพราะสิ่งที่เป็นมันไม่ใช่สิ่งที่อยากเห็นจะด้วยเหตุผลอะไรก็ช่างเราคงยังไม่มีใครที่ไปได้ไกลกว่าที่เราเคยมี แล้วที่น่ากังวลที่สุดคือขนาดที่เราอยู่มันดูงามงดแต่ก็อดคิดไปไม่ได้ว่า “ที่นี่คนมีสตางค์เขายังไม่กล้า” แล้วชาวบ้านตาดำๆเขาจะทำกันอย่างไรโจทย์แบบนี้มันหนักอกหนักใจของสมาคมเป็นอย่างยิ่ง ก็ในเมื่อมือเก่าจากไปมือใหม่ไม่มีมาเสริมแบบนี้ก็จบหรืออาจต้องลบเอากีฬาชนิดนี้ที่มุ่งให้เป็นอาชีพเป็นเพียงกิจกรรมเพื่อการออกกำลังกายเท่านั้น วงการเทนนิสของเราดูเหมือนจะดำลึกดำนานแล้วมีทีท่าว่าจะไม่โผล่โงหัวขึ้นมาง่ายๆ…แล้วเราจะทำอย่างไรกันดีหนอ
เอาจริงๆนะครับข้อนึงที่เรามองข้ามความเป็น “อาชีพ”ไปเสียหมดนั่นคือการเป็นผู้ฝึกสอนแบบมืออาชีพนั่นเอง เรื่องของวงการสอนเทนนิสมันไปกันไม่ถึงไหนเพราะหลายคนมองการสอนเป็นเพียงงานง่ายคือ “ตีไปตีมา”พอแล้ว หรืออย่างดีก็แค่ตะโกนโหวกแหวกโวยวายในยามที่เด็กๆเล่นได้ไม่เป็นอย่างที่เขาอยากได้ หรือกระโดดโลดเต้นในยามที่พ่อแม่เขามาดูนี่มันอยู่ในวงการนี้จริงๆ ผมเองเคยเห็นครูสอนเทนนิสที่ยังคงสอนเหมือนเมื่อ 30 ปีก่อน ไม่ได้ดูเลยว่าเดี๋ยวนี้เขาไปกันถึงไหนแล้ว…แต่ที่แย่กว่าสิ่งอื่นใดคือ “การหาสนามเล่นเทนนิส” เพื่อจะได้ไปยืดเส้นยืดสาย หรือมีก็กลายเป็นเขตหวงห้ามใครจะเข้าไปสอนไปเล่นก็มักจะโดนกีดกันจากจ้าวถิ่น…มันคิดกันได้อย่างไร…หรือบางทีมครูสอนดี สอนดุ เน้นความสำเร็จของเด็กมักจะกลายเป็นเป้าขี้ปากของใครต่อใครไปเสียฉิบ
อีกเรื่องคือความ “เกรงใจ”ของคนไทยที่มีกันมากมายเกินไป ก็ขนาดเด็กที่เอามาฝากไว้กับครูแล้วดูว่าพาลูกพาหลานเข้ารกเข้าพง…งงกันไปตามๆกันคือว่าลูกเราก็ไม่ได้ขี้เหร่กว่าชาวบ้านแต่ทำไมสอนกันมายาวนานเล่นได้แค่เนี้ย…แล้วจะยกเอาภาระที่หนักอกไปให้ครูที่เขา “เก่งกล้าท้ารบ”ก็เกรงใจสุดท้ายถึงเพลเล่นเป็นสมันน้อย คอยแต่รับส่งให้มาเรียนพอแล้ว…เหล่านี้คือเรื่องจริงสมัยที่วงการเทนนิสรุ่งสุดขีด สนามเทนนิสเกิดขึ้นมากมายแล้วทุกสนามเต็มแทบจะทุกชั่วโมงถึงขนาดเกิดสนามชานเมืองที่อยู่ในร่มหลายสนาม หลายคนกล้าลงทุนลงแรงหลายสิบล้าน แต่ใครก็สอนได้ตีเป็นพูดได้ก็กลายเป็น “ครูสอน” รับเงินกันเป็นว่าเล่น นี่คือมะเร็งร้ายที่กลายเป็นทุกข์ของสมาคมฯในตอนนี้ เด็กเราเข้ามุมมืดของเทนนิสเพราะความคิดที่ว่า “ใครก็สอนได้”ทั้งนั้น ครูไก่เคยป๊ะกันกับแชมป์ในอดีตที่ยากจะหาใครทาบในยุคที่เขารุ่งเรือง สอนเหมือนเครื่องจักรยุคสงครามโลกครั้งที่ 1 ต่อที่ 2 แล้วใครก็มองว่าใช่สุดท้ายก็ฝีมือเหมือนครูเปี๊ยบคือเก่งสุดๆถ้าหลุดไปในยุคเมื่อเกือบร้อยปีก่อนนี้…คราวหน้าจะว่ากันต่อนะครับ
ครูไก่