สุนทร สุรีย์เหลืองขจร
สุนทร สุรีย์เหลืองขจร
ผู้จัดการทั่วไปบริหารสินค้า สปอร์ตมอลล์
บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด
“ซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมา ทั้งกับตัวเอง และคนรอบข้าง”
อยู่วงการกีฬาตั้งแต่เริ่มงานแรก : พอจบการตลาดจาก ม.รามคำแหง ผมก็ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดรองเท้าแพน ทำได้ประมาณหกเดือน ผลิตภัณฑ์ไนกี้ เริ่มเข้ามาผลิตในบ้านเรา ในเครือสหพัฒน์ ซึ่งมีโรงงานผลิตรองเท้าส่งออก ผู้บริหารเล็งเห็นว่า ธุรกิจกีฬาวิ่งของไนกี้ มีศักยภาพในการสร้างตลาดในประเทศไทย ผมก็ย้ายมาทำงานด้วย ตั้งแต่เมื่อปี 2527 เป็นการก่อตั้ง บริษัทสปอร์ตเอส ถือลิขสิทธิ์ของประเทศไทย เป็นโอกาสที่ได้ทำงานกับแบรนด์สินค้ากีฬาระดับโลก โดยผมอยู่ในฝ่ายขาย
ทำงานกับแบรนด์ใหญ่ : สิ่งที่ได้จากศักยภาพของแบรนด์ระดับโลก ก็คือ ได้แนวความคิด หลักคิดในการทำตลาดของเขาว่าทำอย่างไร สมัยก่อนกีฬายังไม่บูมในบ้านเรา แต่ ไนกี้ มีชื่อเสียงอยู่แล้วในต่างประเทศ ก็นำนโยบายมาให้สานต่อ จะทำอย่างไรให้กีฬาวิ่งได้เกิดเป็นเทรนด์ในประเทศไทย จังหวะพอดีว่า ผมได้อยู่ในหมู่คณะของท่านพลเอกพิจิตร กุลละวณิชย์ ซึ่งตอนนั้นเป็นนายกสมาคมนักวิ่งเพื่อสุขภาพแห่งประเทศไทย ท่านสนับสนุนเรื่องวิ่งให้คนไทยได้ออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ
อยู่กับกีฬาวิ่ง : เป็นกีฬาที่ไม่ใช้เงินเยอะ มีรองเท้า มีเสื้อผ้า ก็ออกไปวิ่งได้ ผมมีส่วนเข้าไปเป็นคณะกรรมการจัดการแข่งขันร่วมกับท่าน และยังเคยร่วมกับคุณหมออุดมศิลป์ ศรีแสงนาม รณรงค์เผยแผ่ว่า วิ่งอย่างไรให้รวย รวยเพื่อน รวยสุขภาพ เราได้ไปบรรยายให้กับองค์กรต่างๆ ตามสถาบัน ให้คนได้มาสนใจในเรื่องนี้ และยังได้จัดทำหนังสือ วิ่งสู่วิถีชีวิตใหม่ ซึ่งน่าจะเป็นเล่มแรกๆ ที่ทำเกี่ยวกับวิ่ง มีคำแนะนำต่างๆ เช่น วิ่งอย่างไรให้ถูกต้อง ถูกสุขลักษณะ เพราะเกิดมาทุกคนวิ่งได้ แต่จะวิ่งอย่างไรให้ปลอดภัย ไม่ให้เจ็บป่วย มีนำแนะนำเกี่ยวกับการแต่งกายให้เหมาะสมกับการวิ่ง และสิ่งที่เกิดเป็นกระแสแรงมากก็คือ เมื่อปี พ.ศ.2530 มีวิ่งมาราธอนครั้งแรกบนสะพานพระราม 9 มีคนเข้าร่วมเป็นหลักแสน ซึ่งถือเป็นจุดกำเนิดของกรุงเทพฯ มาราธอน ในปีถัดมา และได้จัดต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ทำให้กระแสวิ่งค่อนข้างประสบความสำเร็จในบ้านเรา
ทำงานกีฬา ต้องเล่นกีฬา : บริษัทส่งเสริมให้ทุกคนออกกำลังกาย เป็นนโยบาย ส่วนหนึ่งคือการทำงาน อีกส่วนคือต้องออกกำลังกาย ถ้าคุณขายรองเท้าวิ่ง คุณก็ต้องมีความรู้เรื่องวิ่ง ต้องออกไปสัมผัสกับสินค้าจริงๆ ช่วงที่นำรองเท้ากอล์ฟเข้ามา ผมก็ต้องไปเล่นกอล์ฟ เพื่อให้เข้าใจว่ารองเท้าแต่ละแบบ เหมาะสมอย่างไร ก่อนหน้านั้น บริษัทก็มองว่า กีฬาที่น่าจะบูมในบ้านเราก็คือ จักรยานเสือภูเขา จึงไปเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าจากอเมริกายี่ห้อดังๆ ผมก็ต้องไปเล่นกีฬาขี่จักรยานเสือภูเขา ซึ่งเป็นกีฬาที่โหดพอสมควร ถลอกปอกเปิกมาหมดแล้ว แต่มันท้าทาย สนุก ได้รู้สึกอินไปด้วย
กอล์ฟ : พออายุพอสมควรก็ได้เล่นกอล์ฟ แล้วก็ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
ครั้งแรกบริษัทส่งให้ไปซ้อมกอล์ฟ เพื่อเตรียมตัวขายรองเท้า ตอนนั้นยังเล่นไม่เป็นเลย เห็นคนอื่นตีกันง่ายๆ แต่ทำไมเราตีไม่ได้ ตีไม่โดน ทั้งๆ ที่ดูแล้วไม่น่ายาก พอเล่นได้ก็สนุก เมื่อเล่นปีแรกๆ คะแนนเริ่มดีขึ้น แต่พอปีหลังๆ เล่นน้อยลง คะแนนก็เพิ่ม แต่ก็ไม่ซีเรียส ไม่ได้มุ่งหวังเป็นอาชีพ ให้เป็นแค่กีฬา เล่นเพื่อพักผ่อน เล่นสนุกกับเพื่อนฝูงมิตรสหายมากกว่า กอล์ฟยังเหมาะสมกับการทำงานด้วย วันธรรมดาเราทำงานตามปกติไป พอวันหยุดได้เล่นกอล์ฟ ได้พักผ่อน ได้สมาธิ ได้ออกกำลังไปในตัว เป็นการออกกำลังกายที่ยังต้องทำอยู่ แต่จะให้เล่นคะแนนดีๆ เราคงไปไม่ถึงจุดนั้น ไม่ค่อยมีเวลาในการฝึกซ้อม แค่ได้ปลดปล่อยกับธรรมชาติ ได้เห็นสีเขียว ได้เห็นโลกใบนี้ที่มองแล้วกว้างขวาง เพราะที่ทำงาน ได้แต่อยู่ในห้อง อยู่ในกรอบ อยู่ในตึก ทำให้ชีวิต เหมือนได้น้ำมาชโลมให้มีความสดชื่นมากขึ้น แค่นี้ก็คุ้มแล้ว
สุขภาพดีเพราะวิ่ง : ตั้งแต่เด็กอยากเล่นกีฬา เวลาไปเรียนก็เล่นไปด้วยทุกอย่าง ฟุตบอล วอลเลย์บอล ตะกร้อ บาสเกตบอล ฯลฯ โตขึ้นมาก็เป็นนักวิ่ง ได้เหรียญเต็มบ้าน อาทิตย์นึงต้องไปซ้อมสวนลุม 3 ครั้ง วันอาทิตย์ ก็ไปแข่งตามรายการต่างๆ ปัจจุบันยังวิ่งระยะราว 10 กิโลเมตรอยู่ เนื่องจากเรามีพันธมิตรทางธุรกิจ เวลาจัดการแข่งขัน ก็ไปร่วมกิจกรรม ช่วงหลังไม่ได้ซ้อมเลย แต่พื้นฐานที่เคยวิ่งมาในอดีต ก็พอไหวอยู่ สมัยก่อนเคยร่วมในรายการที่ท้าทายของสหประชาชาติ UN Day ซึ่งต้องวิ่งผ่าน สะพานซังฮี้ และสะพานพระปิ่นเกล้า สมัยนั้นยังอายุไม่มาก 10 กิโลเมตร ทำสถิติได้ 55 นาที ถือว่าเร็วมาก ปัจจุบันก็ต้องชั่วโมงเศษๆ แล้ว แต่ยังวิ่งได้อยู่ เคยคิดที่จะวิ่ง 21 กิโลฯ แต่รู้สึกว่ามันโหดไปสำหรับร่างกาย เนื่องจากเราไม่ได้ฝึกซ้อม เดี๋ยวร่างกายจะเหนื่อยเกินไป สิ่งที่เราได้เรียนรู้มาก็คือ ถ้าเราฝืนอะไรจนมากเกินไป จะทำให้เกิดการบาดเจ็บต่างๆ สำหรับร่างกาย ต้องรู้ตัวเองว่า เมื่อถึงจุดนี้ เพียงพอแล้ว เราพอดีๆ กับระยะขนาดนี้
ชีวิตมีสองด้าน : ตอนอยู่ฝั่งซัพพลายเออร์ ก็ได้รู้จักกับห้างทุกที่ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด พอมาอยู่ฝั่งห้างสรรพสินค้า ก็ได้รู้จักกับทุกแบรนด์ สลับบทบาทกัน สิ่งที่ได้มาเป็นความรู้ติดตัว คือความโชคดีที่ได้เรียนรู้ สิ่งที่เรียกว่า Core Business หรือ แก่นของธุรกิจ โดยทั่วๆ ไปแล้วมีโอกาสน้อยมากที่จะได้รู้ของแต่ละราย การทำห้างสรรพสินค้า ได้คุยกับแบรนด์ต่างๆ ทำให้ได้รู้ว่า เขามีหลักคิดอย่างไร ซึ่งไม่เหมือนกันเลย เราสามารถเอาแต่ละแบรนด์ ที่มีหลักคิดทั้ง Global และ Local มาต่อยอดในธุรกิจที่ทำได้ ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่โชคดีมาก อยากจะถ่ายทอดด้วยซ้ำว่า หลักคิดของแต่ละรายเป็นอย่างไร เพราะในตำราไม่มีว่าไว้ ต่างคนก็ไม่มีใครเปิดเผย เพราะเป็นหัวใจสำคัญของการทำธุรกิจ
ตลาดกีฬา : สมัยก่อนเมื่อราวยี่สิบปีก่อน ไม่ได้แยกประเภทชัดเจน ทุกคนอยากจะเล่นกีฬาอะไร สวมใส่รองเท้าคู่เดียวก็เล่นได้หมด ต่อมามีเรื่องวิทยาศาสตร์การกีฬาเข้ามาเกี่ยวข้อง เรื่องของเทคโนโลยีในการพัฒนากีฬา แต่ละประเภทมีการแข่งขันกันมากขึ้น ต่างก็พัฒนาอุปกรณ์กีฬาที่สวมใส่เฉพาะประเภทมากขึ้น จะเห็นว่าปัจจุบันกีฬาจะแยกประเภทชัดเจน อุปกรณ์ต่างๆ เช่นรองเท้าก็แยก เพราะการใช้งานไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับการเล่นแต่ละชนิด รายละเอียดก็ลงลึกมากขึ้น เปิดโอกาสให้ธุรกิจกีฬาบูมมากขึ้น พอแยกประเภทชัดเจนมากขึ้น ก็นำไปสู่ความเป็นไลฟ์สไตล์มากขึ้น สวมใส่ได้ทุกที่ทุกทางมากขึ้น กีฬาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันมากขึ้น
หลักการบริหารงาน : เราต้องเอาคู่ค้าเป็นตัวตั้ง เราโชคดีที่ได้พูดคุยว่าธุรกิจของแต่ละแบรนด์มีหลักคิดอย่างไร และนำมาประยุกต์ใช้ในการทำงาน เราไม่สามารถเอาหลักคิดหรือภาพรวมของเราแล้วเอาทุกรายมาเข้ากับเราได้หมด เราจะต้องประยุกต์แต่ละแบรนด์เข้าหาร่วมกัน แล้วทำให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน จะเห็นว่าสิ่งที่เราพยายามสร้างให้แต่ละแบรนด์ มี Core Business ไม่เหมือนกัน เราเอาจุดเด่นมาเป็นไฮไลต์ มาสร้างความแตกต่างหลากหลาย แต่มาอยู่รวมกันได้ เช่นเดียวกับกอล์ฟ ในวงการกีฬามีจุดแข็งไม่เหมือนกัน สินค้ากีฬาแต่ละแบรนด์ก็จะถนัดในกีฬาแต่ละชนิดแตกต่างกันไป เวลาทำตลาดก็ต้องเอาจุดแข็งมานำเสนอ
โลกเปลี่ยนเร็ว : ใครจะเป็นเจ้าใหญ่ในตลาด ไม่มีอะไรแน่นอน อย่างกีฬากอล์ฟ ไม่ว่าจะเป็น ไดร์ฟเวอร์ ชุดเหล็ก เวดจ์ พัตเตอร์ ลูกกอล์ฟ ฯลฯ ขึ้นอยู่กับว่าเขาว่าจะโฟกัสอะไร ไม่มีใครสามารถจะทำให้ครอบคลุมได้ทั้งหมด ต้องมีจุดแข็งของแต่ละแบรนด์ เพื่อจะได้กินส่วนแบ่ง หน้าที่เราคือการจัดสรรให้เหมาะสม ซึ่งจะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เพราะแบรนด์ใหญ่ๆ ต่างก็มีฝ่าย R&D วิจัยและพัฒนา ผลิตภัณฑ์อยู่ตลอดเวลา ทิศทางของเทคโนโลยี เป็นอย่างไร แต่ละรุ่นที่ออกมาต่างก็มีจุดเด่น คุณภาพดีขึ้นเรื่อยๆ การพัฒนาที่ไม่หยุดยั้ง เราก็ไม่สามารถหยุดนิ่งได้ การเรียนรู้ การรับรู้ สิ่งใหม่ๆ จะเป็นประโยชน์ในการทำธุรกิจในบ้านเรา เมื่อก่อน สินค้ารุ่นใหม่ พอเปิดตัวที่อเมริกา กว่าจะมาถึงบ้านเรา อย่างน้อย 3 เดือน แต่ปัจจุบันมันเร็วมาก เพราะโลกเปลี่ยนไปแล้ว เทคโนโลยี วิวัฒนาการ เปลี่ยนไปหมด ความเร็วคือสิ่งสำคัญในการทำธุรกิจ การตลาดจึงต้องเร็ว สมัยก่อนคิดเรื่องหนึ่ง อาจจะใช้เวลาล่วงหน้าราวสองเดือน แต่เดี๋ยวนี้ ต้องคิดวันนี้ พรุ่งนี้ทำ หรือทำทันทีเลย ไม่งั้นไม่ทัน เพราะโลกเปลี่ยนแปลงเร็วมาก ข้อมูลเปิดกว้าง แล้วใครๆ ก็เข้าถึงได้ง่าย
สมดุลชีวิต : วันทำงานผมทำเต็มที่ ส่วนวันหยุดผมจะใช้ชีวิตส่วนตัวอยู่กับครอบครัว ไปทานอาหาร ช้อปปิ้ง และยังชอบปลูกต้นไม้ อยากอยู่กับธรรมชาติ อะไรที่เป็นสีเขียว ดูแล้วสดชื่น กระชุ่มกระชวย เหมือนเติมน้ำใส่ปุ๋ยให้กับชีวิต แล้วถ้ามีเวลาก็เล่นกอล์ฟบ้าง
รักษาสุขภาพไม่ยาก : เมื่อกินได้แล้ว ต้องนอนหลับด้วย ถ้ากินไม่ได้นี่เรื่องใหญ่ แล้วถ้านอนไม่หลับก็พักผ่อนไม่เพียงพอ และต้องไม่เครียดด้วย หมั่นปล่อยวางบางเรื่องบางอย่าง ถือว่าสำคัญ เพราะการทำงานของทุกคนมีเรื่องกดดันอยู่แล้ว
ทำให้สนุก : ผมทำงานมานานสามสิบกว่าปี จุดที่พยายามทำให้ชีวิตมีความสุขที่สุด คือทำงานให้สนุก ปัญหาทุกอย่างมีไว้แก้ไข แก้ไขได้ เพียงแต่ต้องใช้เวลา แต่ถ้าไปหมกมุ่นมากเกิน จนหาทางออกไม่เจอ บางครั้ง ถ้าถอยออกมาสักก้าว ให้เวลาสักนิด เป็นการซื้อเวลา ก่อนจะตัดสินใจ ก็อาจจะสามารถแก้ปัญหานั้นได้ ปัญหาคือสิ่งที่จะต้องแก้ ไม่ใช่สิ่งที่เราจะเอามาเป็นทุกข์
กีฬาช่วยได้ : ทุกคนมีปัญหา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน ครอบครัว ส่วนตัว ฯลฯ แต่การแก้ปัญหา ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน สำคัญที่สุดคือการออกกำลังกาย การเล่นกีฬา ช่วยทำให้สุขภาพแข็งแรง มีสุขภาพจิตดี อารมณ์ไม่เครียด ซึ่งเป็นวิธีที่ดีที่สุด พร้อมจะใช้รับมือกับปัญหาต่างๆ
สร้างสังคมด้วยกีฬา : ผมอยู่กับเดอะมอลล์มานาน อยากจะพัฒนาวงการกีฬาบ้านเราให้ไปได้ไกลที่สุด การสร้างสังคมที่ดีเป็นสิ่งสำคัญ อย่างเช่นเรามีลูกค้าที่เป็นสมาชิกอยู่เยอะมาก ถ้าเราค้าขายอย่างเดียว โดยที่ไม่ได้มีโอกาสให้ลูกค้ามาพบปะเลย ก็ไม่มีประโยชน์อะไร สินค้าอาจจะซื้อที่ไหนก็ได้ เราจึงคิดจัดการแข่งกอล์ฟ เป็นส่วนหนึ่งเพื่อให้ผู้คนได้มารวมกลุ่ม ได้รู้จักกัน เริ่มจากปีแรกที่นำเอา กฎ กติกา เข้มงวด จนโดนบ่นบ้าง แต่หลังจากนั้นทุกคนก็เข้าใจว่าเราทำแบบนี้เพื่อให้ได้กันอย่างมาตรฐานและแฟร์เพลย์ จนได้จัดต่อเนื่องมาถึงปีที่ 13 แล้ว และยังอยากเห็นเยาวชน พัฒนาในเรื่องกีฬาทุกประเภท ไม่ว่าเราจะทำเอง หรือใครทำก็ดีทั้งนั้น เป็นการสร้างโอกาสให้คนมีส่วนร่วมในการเล่นกีฬามากขึ้น
อุดมการณ์และหลักคิด : ต้องหาสินค้าที่ดี มีคุณภาพ เหมาะกับการเล่นกีฬาทุกประเภท ที่มาตรฐานให้กับลูกค้า ตรงกับความต้องการที่จะไปใช้ประโยชน์กับประเภทกีฬาที่เล่นอยู่ สร้างบริการที่ดี คืนกำไรให้ลูกค้า ซึ่งมีหลากหลายกิจกรรมที่เราทำ อย่างเช่น กอล์ฟ วิ่ง
คติชีวิต : ความซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมา ทั้งกับตัวเอง และคนรอบข้าง ทั้งเรื่องการทำงาน และชีวิตส่วนตัว สามารถสร้างมิตรภาพ เราจะมีเพื่อนฝูงมาก เมื่อทุกคนเป็นมิตร เมื่อเราไม่มีพิษมีภัยกับใคร ทำให้ผมเดินไปไหนก็ได้ ยืนอยู่ในสังคมด้วยความสง่างามครับ