ลั่นทม (1)
หลังจากยายหลานกลับออกจากป่า ก็ตั้งหน้าตั้งตาสวดมนต์แผ่เมตตากันทุกค่ำคืน
“วดีลูกพรุ่งนี้วันพระ พระคุณเจ้าจะออกจากป่ามารับบิณฑบาตที่หมู่บ้านเรา เราจะให้หลวงพ่อไปรับบิณฑบาตหลายๆบ้านแล้วกลับมาฉันเช้าและนิมนต์ฉันเพลที่บ้านเราดีไหมวดี?”
“ดีจ๊ะยาย” ตอบแบบไม่ต้องคิดเลย อาการดีใจออกนอกหน้า
ยายเอมอดหัวเราะไม่ได้ “งั้นเย็นนี้เตรียมเก็บมะลิมากรองมาลัยถวายพระ และพระคุณเจ้า หรือหนูอยากจะทำอะไรถวายก็ทำนะลูก”
“จ๊ะยาย ยายจะทำอาหารอะไรใส่บาตรเช้า และฉันเพลหล่ะยาย?”
“เช้าใส่บาตรข้าวหอมมะลิกับปลาช่อนที่ยายตากไว้ก็คงพอ เพราะวันพระพรุ่งนี้คงมีคนใส่บาตรเยอะขึ้น พระคุณเจ้าพอทราบการเดินรับบิณฑบาตแล้ว ส่วนอาหารเพลวดีช่วยยายคิดหน่อยซิลูก”
“ยายจ๋า น้ำพริกปลาทู วดีตำเอง เก็บผักริมรั้วหลายอย่างมาลวก ทำแกงจืดตำลึง แล้วก็ไข่ต้ม วดีแสดงฝีมือเองจ๊ะยาย”
“เอ้างั้นรึ? ทำเองคนเดียวแน่ใจเหรอวดี?”
“แน่ใจซิยาย วดีทำเอง ยายนั่งเฉยๆเลย วดีตั้งใจไว้แล้ว อยากทำอาหารถวายหลวงตา ส่วนอาหารหวานวดีว่าทำ หยกมณี ดีไหมจ๊ะยาย?”
ยายเอมพนักหน้าแทนการตอบรับ
ก่อนพระอาทิตย์จะลับขอบฟ้า ราชาวดีเดินไปเก็บดอกมะลิริมรั้วจนเกือบเต็มตะกร้า ลมพัดแรงจนกลิ่นดอกลั่นทมที่หอมเย็นโชยมาทำให้ราชาวดีแว๊บเห็นอ่างแก้วที่มีลั่นทมลอยไหวไปมา มีเสียงกระซิบผ่านสายลมแผ่ว ลั่นทม คือ ศีล ราชาวดีม้วนตัวกลับไปริมรั้วอีกครั้งทันที โน้มกิ่งลั่นทม และค่อยๆเก็บเฉพาะดอกที่ใจของราชาวดีอยากนำถวายพระในค่ำคืนนี้ ตอนเที่ยงคืนพระจันทร์ก็จะเต็มดวงเพราะตรงกับวันพระขึ้น 15 ค่ำ
“วดี..วดี” ยายเอมตะโกนเรียกหลานเพราะใกล้ค่ำแล้ว
“จ๊ะยาย วดีเก็บดอกไม้เสร็จแล้วกำลังจะเดินกลับ ยายไม่ต้องห่วง จ้า….”
ยายเอมมองเห็นดอกลั่นทม บนดอกมะลิในตะกร้า จึงเอ่ยถามขึ้น “เอ้า…วันนี้ทำไมเก็บดอกลั่นทมมาด้วยล่ะลูก”
“คืนนี้วดีจะเอาลั่นทมลอยอ่างแก้ว ถวายพระจ๊ะยาย คืนนี้พระจันทร์เต็มดวงด้วย”
ยายเอมยิ้มให้กับหลานด้วยความอิ่มเอมใจ
“ ยายจ๋า วดีเคยเห็นอ่างแก้วของยาย ยายเก็บไว้ที่ไหนจ๊ะ? วดีจะเอามาใส่น้ำเพื่อลอยดอกลั่นทมขึ้นถวายพระคืนนี้ พอลอยถวายวันพระเสร็จ วดีจะเอาน้ำมาอาบเป็นเหมือนน้ำมนต์ วดีจะได้สวยเหมือนแม่พิมพ์จันทร์ของวดี ยายเคยบอกวดีไม่ใช่หรือว่า แม่พิมพ์ชอบเอาดอกจำปาลาวลอยน้ำถวายพระ และนำเอาน้ำมาอาบ โดยเฉพาะวันขึ้น 15 ค่ำ ตอนพระจันทร์เต็มดวง”
ยายเอมตอบหลานแบบปนหัวเราะ… “ใช่ๆยังจำได้ด้วยรึวดี ยายเล่าไปตั้งนานแล้วจนยายลืมแล้วนี่ แม่พิมพ์จันทร์ของหนูเขาไปได้ยินมาจากไหนไม่รู้ เขาบอกกับยายอย่างนั้น” ยายเอมนั่งคิดถึงลูกสาวของตัวเองที่มาจากไปตั้งแต่คลอดราชาวดี ส่วนชัชพ่อของหนู ก็ตรอมใจตายตามไปด้วย หนำซ้ำ ตาแม้นก็มาตายตามกันไปอีก อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
“ยาย ยายจ๋า ยายคิดอะไรอยู่นิ่งเงียบไปตั้งนานแล้ว”
“เฮ้อ! ยายก็คิดไปเรื่อยเปื่อยตามประสาคนแก่” เอามือลูบหัวหลานสาวด้วยความเอ็นดู นี่ถ้ายายไม่มีหนู ยายก็คงตายตามตาแม้นไปแล้ว ตู้โน้นข้างเสายายเก็บอ่างแก้วไว้ที่นั่นล่ะลูก”
“จ๊ะยาย เดี๋ยววดีจะรีบทำและจะเตรียมเด็ดตำลึงเอาไว้ก่อน พรุ่งนี้จะได้ไม่ต้องรีบร้อนนะยาย”
“เออ..ดีๆลูกรีบๆทำซะ ยายจะไปเตรียมของใส่บาตรเช้าเหมือนกัน”
ราชาวดีหยิบอ่างแก้วออกจากตู้เหมือนคุ้นเคย ตักน้ำและนำดอกลั่นทมลอยบนอ่างแก้ว 9 ดอก ตั้งไว้ชานบ้าน ราชาวดี รีบอาบน้ำอาบท่าแต่วัน ด้วยความชุ่มชื่นหัวใจ วันพรุ่งนี้จะได้ทำอาหารด้วยฝีมือตัวเองถวายหลวงตา ยายคงชวนเราสวดมนต์ข้ามคืนเป็นแน่แท้เพราะพรุ่งนี้เป็นวันพระ
ยายเอมซึ่งง่วนเตรียมของอยู่ในครัว ก็สังเกตดูอากัปกริยาของหลานก็พลอยเป็นสุขไปด้วย
“ยายจ๋าวดี ถวายดอกลั่นทมที่หิ้งพระเลยนะจ๊ะยาย วดีอาบน้ำใส่ชุดขาวเรียบร้อยแล้ว หรือจะให้วดีรอยายจ๊ะ”
ยายเอมซึ่งตระเตรียมของอยู่ในครัวเสร็จพอดี หันมาพูดกับหลานรักว่า “วดีถวายก่อนได้เลย ขอยายไปอาบน้ำอาบท่าเดี๋ยวทานข้าวกัน วันนี้ยายจะพาสวดมนต์ข้ามคืนกัน”
“จ๊ะยาย วดีคิดเหมือนยายเลย พรุ่งวันพระขึ้น 15 ค่ำ พอดี”
หลังจากยายเอมอาบน้ำอาบท่าเสร็จแล้ว สองยายหลานก็เข้ามานั่งทานข้าวที่ชานบ้านด้วยความสุขใจ ขณะทั้งสองยายหลานรับประทานอาหารต่างคนต่างมิได้พูดจากัน เหมือนต่างคนต่างคิดเรื่องของความสุขสงบที่กำลังเกิดขึ้นในครอบครัว ยายหลาน..ขอบคุณพระคุณเจ้า…ขอบคุณหลวงตา…ที่มาโปรดพวกเรา
…เดี๋ยวล้างจานชามเสร็จ ยายจะพาเดินไปเอาเทียนขี้ผึ้งที่บ้านยายแช่ม แกทำเทียนเอาไว้ขาย เราไปช่วยอุดหนุนแก แกจะได้เก็บไว้ซื้อข้าวปลาอาหาร แกอยู่คนเดียว แกมาจากฝั่งกระโน้นเหมือนกับเรา
“ได้จ้ะยาย”
สองยายหลานพากันเดินไปที่บ้านยายแช่มที่ทำเทียนขี้ผึ้งขาย ซึ่งไม่ห่างจากบ้านของยายเอมสักเท่าไหร่
“ยายแช่มๆอยู่รึเปล่า? ฉันเองเอมจ้ะ”
“อยู่ในสวนครับ” เสียงตอบจากเด็กหนุ่มหน้าตาคม นรินทร์
“สวัสดีครับ ยาย ป้าแช่มอยู่สวนหลังบ้าน ไปเก็บผักจะมาทำกับข้าวใส่บาตรพรุ่งนี้ครับ”
“ดีเลยพ่อหนุ่ม ยายจะมาบอกด้วยว่าพรุ่งนี้จะมีพระมาเพิ่มอีก 1 รูป แล้วยายอยากได้เทียนขี้ผึ้งที่ป้าแช่มทำอยู่ ยังพอมีให้ยายไหมล่ะ?พ่อหนุ่ม”
เสียงเท้าก้าวเดินเข้าบ้านของป้าแช่มดังขึ้นพอดี เด็กหนุ่มนรินทร์หันมาบอกยายเอม “ป้าแช่มมาแล้วครับ”
“เดี๋ยวผมไปเรียกให้ครับ” ขณะที่ปากพูด นรินทร์อดเหลียวมองราชาวดีที่ยืนอยู่ข้างๆยายเอมไม่ได้ ทำให้ราชาวดีต้องก้มหน้าลงต่ำ
“เอ้า..ยายเอม ลมอะไรพัดมายามค่ำๆเช่นนี้ นั่งก่อนๆ อีหนูนั่นวดีใช่ไหม?”
“ราชาวดี ฉันเรียกสั้นๆว่าวดี” นรินทร์ยังไม่ละสายตาจากราชาวดี ทำให้ราชาวดีไม่กล้าเงยหน้าขึ้น “เอ้า..วดี นี่ป้าแช่มที่ทำเทียนขี้ผึ้งที่ยายเล่าให้ฟัง มาจากฝั่งกระโน้นเหมือนเรา เป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่กับยาย เออ…แล้วพ่อหนุ่มรูปงามนั่นล่ะใคร?แต่ก่อนฉันไม่เคยเห็น”
“อ๋อ…หลานฉันเอง พึ่งไปรับมาอยู่เป็นเพื่อน พ่อ-แม่ เขายังอยู่ฝั่งกระโน้น ไปๆมาๆแหล่ะ เขาเป็นห่วงฉันเลยมาอยู่เป็นเพื่อน”
ราชาวดียกมือขึ้นไหว้ป้าแช่ม และนรินทร์ ด้วยคิดว่ายังไงก็คงเป็นพี่ ป้าแช่มและนรินทร์รับไหว้ตอบ สายตานรินทร์จับจ้องมองจนราชาวดีไม่กล้าเอ่ยปากพูดสิ่งใด นอกจากยิ้ม ยิ้มนี่แหละทำให้นรินทร์ประทับใจในรอยยิ้มที่เห็นฟันขาวๆเรียงเป็นระเบียบของสาวน้อยราชาวดียิ่งนัก
“เทียนขึ้ผึ้ง ฉันปั้นไว้ยังพอมีอยู่ จะเอาสักเท่าใดล่ะ ยายเอม?”
“เอาสักสองสามกำได้ ฉันกับหลานจุดไหว้พระทุกเช้า-ค่ำ เลยใช้มากหน่อยช่วงนี้ วดีเขาชอบสวดมนต์” นรินทร์นั่งฟังอยู่รู้สึกทึ่ง เด็กอายุแค่นี้สวดมนต์เป็นด้วยหรือ ไม่น่าเชื่อ ยายเอมก็พูดต่อ.. “พรุ่งนี้เป็นวันพระจะมีพระคุณเจ้ารูปหนึ่งที่มาปักกลดธุดงค์อยู่ในป่า ออกมาบิณฑบาตนะ แช่ม ใส่บาตรด้วยกันตอนเช้า ท่านพึ่งเคยมาหมู่บ้านเราครั้งนี้จะเป็นแค่ครั้งที่ 2 ไว้ว่างๆ คุยกันต่อ นี่ก็ค่ำมากแล้ว ฉันกับหลานจะขอลากลับก่อนล่ะ”
“จ้ะ อนุโมทนาบุญด้วยนะยายเอมกับหลานสาวใจบุญจริงๆ” นรินทร์มองสองยายหลานเดินจากไปจนลับสายตา “ เอ้าเป็นอะไรเจ้ารินทร์ ชอบหลานสาวยายเอมเขารึถึงมองไม่ล่ะสายตาเช่นนี้”
“โธ่ ป้าแช่มก็ ผมดูว่าน้องเขาเรียบร้อยดี”
ป้าแช่มหัวเราะเสียงดังจนเห็นฟันดำเพราะเคี้ยวหมาก… “ข้ารู้น่ะเจ้ารินทร์เอ๋ย
มณีจันทร์ฉาย