Interview

สุพรรณิการ์ อภิบาลรัตน์

สุพรรณิการ์ อภิบาลรัตน์
บริษัท อภิบาลรัตน์ จำกัด

“รู้สึกว่าหายเหนื่อยตั้งแต่น้องอาร์มเทิร์นโปรแล้วค่ะ มีความสุขที่เห็นลูกได้รับความสำเร็จ ถึงแม้จะยังไม่สุด แต่ก็ดีใจแล้ว”…

คุณตู่ (สุพรรณิการ์ อภิบาลรัตน์) ยอดคุณแม่ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จ ของโปรอาร์ม กิรเดช อภิบาลรัตน์ เริ่มตอบคำถามแรกด้วยรอยยิ้ม

จากชีวิตเด็กชายธรรมดาๆ แต่รักในกีฬากอล์ฟ เริ่มไต่เต้าจากการเป็นนักกอล์ฟเยาวชน จนได้เป็นคนไทยคนแรกที่ก้าวไปสู่ PGA ทัวร์นาเมนต์กอล์ฟที่ใหญ่ที่สุดในโลกเต็มตัว และกลายเป็นไอดอล สร้างแรงบันดาลใจให้กับนักกอล์ฟรุ่นหลังที่อยากจะเดินตามรอยเส้นทางสายนี้

แต่… เรื่องราวทั้งหมดที่ดูแล้วเหมือนจะเรียบง่าย เต็มไปด้วยความสุขสมหวังนั้น ชีวิตจริงกลับตรงข้าม เพราะกว่าจะถึงจุดนี้ ไม่มีอะไรง่ายเลย โดยเฉพาะกับคนที่เป็นพ่อเป็นแม่…

“เมื่อก่อนน้องอาร์มยังไม่มีน้อง เราตั้งใจเลี้ยงให้เขามีคุณภาพเต็มที่ จะเรียน จะเล่น จะทำอะไร สนับสนุนทุกอย่าง บังเอิญว่าเขามีพรสวรรค์ในการเล่นกีฬา ทุกอย่างเล่นได้ดี เจ็ตสกี ฟุตบอล มาเล่นกอล์ฟตามคุณพ่อทีหลัง จนน้องอาร์มเล่นเจ็ตสกี แล้วเกิดอุบัติเหตุ ตัวลอยกระเด็นขึ้นมาบนฝั่ง ถึงจุดนั้น บอกให้เลิกเล่นเด็ดขาดเลย…. เพราะเรามีลูกคนเดียว” แม่ตู่เล่าถึงความเป็นห่วงในกิจกรรมผาดโผนของน้องอาร์ม และหลังจากนั้นก็เริ่มหันหน้าเข้าหากีฬากอล์ฟอย่างจริงจังจนกระทั่งประสบความสำเร็จ

ขณะที่ลูกเป็นโปรระดับโลก แต่แม่ตู่กลับบอกว่า “ไม่เคยได้เล่นกีฬาเลย ชีวิตนี้ได้แต่ทำงาน”

เมื่อครั้งยังอยู่ในช่วงวัยรุ่น คุณตู่เรียนที่วิทยาลัยครูจันทรเกษม สาขาวารสารและประชาสัมพันธ์ พอจบก็มาทำงานบริษัท และพรหมลิขิตก็ทำให้เธอได้มาเจอลูกค้า ที่ต่อมากลายเป็นคู่ชีวิต “เจอครั้งแรกเราก็ไม่สนใจ ไม่ตรงสเป็ค” แต่โบราณก็ว่าไว้ “ยิ่งเกลียดยิ่งเจอ” จนในที่สุด เมื่อเวลาได้พิสูจน์ว่า เฮียกล้วย (ภาณุพงศ์ อภิบาลรัตน์) มีความมั่นคงไม่เปลี่ยนแปลง จึงได้ตกลงร่วมกันสร้างครอบครัวจนมีน้องอาร์ม…

“แต่งงานแล้วคิดว่าชีวิตจะสบาย เข้าไปอยู่กับครอบครัวคนจีน ตอนเข้ามาเป็นสะใภ้ครั้งแรก อยู่กับครอบครัวใหญ่ ตกใจเหมือนกัน ยังทำอะไรไม่เป็นเลย หุงข้าวยังไม่ได้ แต่ผ่านมาได้ด้วยการปรับตัว ก่อนแต่งอะไรที่ทำไม่ได้ ทำไม่เป็น พอแต่งแล้วต้องหัดให้ได้ ต้องทำให้เป็นทั้งหมด แม้กระทั่งขับรถ”

“ตีสี่ตีห้าตื่นขับรถไปส่งน้ำแข็งเองย่านอ่อนนุช ขับจนท้องน้องอาร์ม ขับจนท้องใหญ่ ติดพวงมาลัย เกือบก้าวลงจากรถไม่ได้ หลังคลอดแล้ว น้องอาร์มยังต้องนอนหนุนตัก ไปส่งน้ำแข็งด้วย อาร์มเป็นเด็กไม่งอแง กินง่ายอยู่ง่าย มีนมให้ขวดนึงเขาก็อยู่ได้ จนตอนหลังอาม่าบอกให้ไปหาคนมาช่วยเลี้ยง”

“พออาร์มอายุได้ราว 5-6 ขวบ เราก็เริ่มขยับขยายไปทำร้านอาหาร ทำบ่อตกปลา บึงใหญ่ เปิด 24 ชั่วโมง เส้นบางนา-ตราด ตามความคิดของครอบครัว แล้วพออาร์มโตก็ย้ายมาอยู่แถววงแหวน เริ่มมาทำร้านอาหารขนาดใหญ่ พออยู่ได้ แต่ก็เหนื่อยสุดขีดเหมือนกัน เพราะทำเองทั้งหมด ตั้งแต่ซื้อของ เข้าครัว ตีหนึ่งตีสองยังอยู่ตลาดไท ตลาดปากน้ำ”

“จนอาร์มเริ่มโต เริ่มเข้าทีมชาติ ก็มานั่งคุยกันว่าจะเอายังไง เพราะเวลาไปแข่งต่างประเทศ จูเนียร์เวิลด์ ออฟติมิส ต้องทิ้งร้านไปกับอาร์มเป็นเดือน ปล่อยให้คุณพ่อเขาดูแล แต่ก็ช่วยได้แค่ในเรื่องภายนอก ส่วนภายใน พอกลับมาบิลค่าใช้จ่ายต่างๆ กองเป็นภูเขา

จังหวะพอดีที่ต้องพักผ่าตัดรักษาตัว พอหายแล้วร่างกายก็ไม่แข็งแรงเหมือนเดิม เลยต้องมานั่งคุยกันถึงอนาคตว่า อาร์มจะเลือกยังไง จะเรียนหนังสือ หรือจะเป็นนักกอล์ฟอาชีพ พ่อแม่จะได้รู้ว่าจะต้องทำยังไง อาร์มก็ยืนยันชัดเจนว่า เขาจะไปเป็นนักกอล์ฟอาชีพ และขออยู่เมืองไทย ไม่ไปเรียนต่างประเทศ เพื่อจะทำหน้าที่นักกอล์ฟให้ดีที่สุด”

“ตัดสินใจเซ๊งร้านเลย ทุ่มกันหมดหน้าตัก เพราะใช้ทุนกันเยอะมาก หากอยากจะประสบความสำเร็จ ต้องกล้าจ่าย กล้าทุ่มเท ให้เวลากับเขาเต็มที่ รับจากโรงเรียน พาเข้าสนามซ้อม แล้วก็อยู่กันจนเลิก นอนหลับในรถขับกลับบ้าน ชีวิตหลักก็คือ บ้านกับสนามกอล์ฟ ไม่เคยมีช่วงที่จะไปเดินห้าง เล่นเกมส์ อาร์มเป็นเด็กติดแม่ อย่างตอนไปแข่งที่สิงคโปร์ ด้านล่างที่พักมีเกมส์ที่เด็กชอบไปเล่น แต่อาร์มก็ไม่ไป แม่อยู่ตรงไหนอาร์มอยู่ตรงนั้น”

“ช่วงอายุ 13-14 เริ่มจะเข้าทีมชาติ ต้องใช้ทุนเยอะ เพราะทุกอย่างต้องจ่ายเอง ยังไม่มีระบบสปอนเซอร์เหมือนตอนนี้ จะรับอะไรก็ไม่ได้ตามกฎของสมาคมฯ เรามีอะไรก็ขายเพื่อใช้เป็นทุน จนเมื่อเริ่มมีผู้เข้ามาดูแลก็เบาขึ้นบ้าง”

“เราช่วยกันทำหน้าที่เหมือนผู้จัดการสมัยนี้ แม่ดูเรื่องเสื้อผ้าอาหาร เรียน กลับมาทำการบ้าน ส่วนพ่อพาไปซ้อม เขาเป็นเด็กชอบซ้อม อารมณ์ดี มีวินัยเรื่องซ้อม ยืนซ้อมได้ทั้งวัน พ่อแม่ไม่พากลับก็จะซ้อมไม่เลิก ตากแดดจนผิวลอก พ่อลูกซ้อมชิพพัตต์กันไป ถ้าไม่ชอบจริงๆ ไม่มีวินัย คงยืนซ้อมทั้งวันไม่ได้แน่ ส่วนแม่ก็ปูเสื่อนั่งรอ” แต่ก็ใช่ว่า ทุกคนจะเห็นดีเห็นงามด้วยไปหมด

“พอเข้าบ้านเจออาม่าอากง ก็เจอบ่น ว่าทำไมเอาลูกไปตากแดด คิดได้ยังไงว่ากอล์ฟจะมาเลี้ยงครอบครัวได้ เป็นกีฬาที่ใช้แต่เงิน เทศกาลที่ญาติรวมตัวกันก็ไม่เคยว่าง ติดแข่งตลอด จนเราสองคนต้องหลบ มีงานทีไรหายตลอด เพราะต้องพาลูกไปซ้อม”

“ขนาดเป็นโปรแล้ว อาร์มก็ยังซ้อมจนสนามไดร์ฟปิด ยิ่งตีไม่ได้ ยิ่งซ้อม ตีจนมือแตก โค้ชต้องให้ยกถุงไปเก็บ ไม่งั้นก็ซ้อมไม่เลิก ถึงขนาดแม่บอกว่าให้เก็บแรงไว้ตีในสนามบ้าง เขามีวินัยในการซ้อมสูงมาก ขนาดไปเที่ยวกับเพื่อนกลับดึกบ้าง แต่ยังไงตอนเช้าเขาก็ตื่นไปซ้อม แล้วกลับมากินข้าวบ้าน”

สาเหตุที่ทำเช่นนี้กันก็เพราะ… “เชื่อมั่นในตัวลูกมาตลอด ตั้งแต่เล่นมาเขาก็ไม่เคยหลุดตำแหน่งต้นๆ เคยมีอยู่ครั้งที่เพื่อนร่วมก๊วนมาเล่าให้ฟังว่า อาร์มตีกอล์ฟไปร้องไห้ไปตลอดทั้ง 18 หลุม เพราะคิดว่าตัวเองทำไม่ได้ ทั้งๆ ที่ผลงานก็ดี มีเบอร์ดี้อยู่เรื่อยๆ ตัวเขาใหญ่แต่ใจนิดเดียว”

จนเมื่อมาถึงช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ได้เวลาต้องตัดสินใจ “ทั้งสามคน เราคุยกันตลอด ถามอาร์มอยู่เสมอว่าเขาจะเอายังไง เขาก็ยืนยันว่าพร้อมจะเป็นนักกอล์ฟ เราก็ลุย เราโชคดีที่ลูกเขาพร้อมที่จะเดินไปข้างหน้าก่อนอยู่แล้ว ส่วนเราค่อยหนุน อาจจะได้เปรียบกว่าคนอื่น ที่ใจพ่อแม่อาจจะไปก่อน แล้วอยากจะให้ลูกไปตาม ซึ่งทำยากกว่ามาก” แม่ตู่เสริมถึงเรื่องความพร้อมของเด็กที่ต้องมาก่อนเป็นอันดับแรก

เมื่อเลือกจะเป็นแม่โปร ก็ต้องทำหน้าที่… “ตื่นแต่เช้าก่อนคนอื่น มาเตรียมอาหาร เตรียมเสื้อผ้า ทานเสร็จก็เก็บล้าง แล้วต้องพร้อมออกเดินทางไปสนามพร้อมกับเขา แล้วก็เดินตามเชียร์ทั้งวัน ตอนเย็นก็กลับที่พักพร้อมกัน เตรียมอาหารการกินให้ลูกอีก ทุกครั้งเป็นแบบนี้ จะออกเดินทางแต่ละทีสัมภาระเยอะมาก โดยเฉพาะเรื่องอาหารการกิน ลูกหิวเมื่อไหร่ แม่มีให้กินตลอด ถึงจะเหนื่อย แต่มีความสุข”

“เมื่อก่อนยังไม่สนใจเรื่องโภชนาการ อะไรที่ทำให้ลูกกินแล้วเขามีความสุขก็ทำให้ ต้องกินให้อิ่ม นอนให้หลับ เราไปทำมาหากิน อะไรอยากกิน ต้องได้กิน อาร์มเขากินได้หมด ยื่นอะไรให้กินก็กิน ปลุกตอนไหนกินได้เลย แล้วก็กินง่ายมาก ขอให้มีข้าว กินกับอะไรก็ได้ ไม่ค่อยชอบอาหารฝรั่ง ไม่ถนัดขนมปัง ไปแข่งยังต้องพกข้าวไปหุง หรือต้องไปยุโรปก็ต้องหาที่พักที่ใกล้ร้านอาหาร จนมาช่วงหลังๆ เริ่มหันมาสนใจด้านสุขภาพมากขึ้น ก็ต้องใส่ใจประเภทของอาหารมากขึ้น รวมถึงการใช้ทีมงานเข้ามาช่วยดูแลในส่วนต่างๆ ซึ่งนักกอล์ฟระดับโลกต้องมีกันแทบทุกคน เช่นโค้ชสวิง โค้ชพัตต์ นักจิตวิทยา เทรนเนอร์ นักโภชนาการ อาร์มบอกว่า ถ้าจะขึ้นไปวัดกับเขา เราก็ต้องมีครบ”

เมื่อถามถึงเรื่องการดูแลตัวเองบ้าง… “ดูแต่ลูก ไม่เคยดูตัวเองจริงจังเลย เพิ่งจะเริ่มหันมาดูตัวเองตอนที่ลูกโตแล้ว อาจจะโชคดีที่เติมตามดูลูกแข่งมาตลอด ไม่ว่าจะฝนตก แดดออก ก็ไม่เคยหยุดเดินตาม ขนาดลูกคอยเตือนว่าวันนี้จะมีฝน อยากให้พักบ้าง เราก็บอกว่า ไม่เป็นไรลูก อาร์มเดินเล่นได้ แม่ก็เดินตามได้ เหมือนมันมีพลังบางอย่างซ่อนเร้นอยู่ พอลูกก้าวขึ้นไปทีออฟ แม่ก็มีพลังทันที เดินตามตั้งแต่วันซ้อมจนวันแข่ง ศึกษาเส้นทางตั้งแต่เริ่มๆ เพื่อจะรู้ว่าต้องเดินไปทางไหน แล้วก็อยากดูอย่างใกล้ชิด ต้องไปดูให้เห็นกับตา โดยเฉพาะบนกรีน ช่วงตามเชียร์แรกๆ ก็ลุ้นเยอะมาก แต่หลังๆ เริ่มนิ่งมากขึ้น จนเคยมีคนมาถามว่า เวลาดูกอล์ฟไม่รู้สึกว่าตื่นเต้นบ้างรึไง เราก็ตอบว่า รู้ว่าลูกเราทำได้แค่ไหน ผลงานออกมายังไงต้องให้เครดิตเค้า”

และเมื่อผ่านพ้นช่วงเหนื่อยหนักๆ มาจนถึงเวลาที่จังหวะชีวิตเริ่มลงตัวแล้ว แม่ตู่ ก็เริ่มคืนความสุขหากำไรให้กับชีวิตตัวเองบ้างด้วยการ เที่ยว ทำบุญ ช่วยการกุศล… “ถ้าเรามีโอกาสเป็นผู้ให้บ้าง ความสุขมันคนละอย่าง ระหว่างการเป็นผู้รับกับผู้ให้ เช่นการสนับสนุนเรื่องกีฬา ให้กับผู้ที่ขาดโอกาส เพื่อนๆ ที่เรียนครูรุ่นเดียวกัน เขาก็จะช่วยคัดกรอง นักเรียนที่เหมาะสม ส่งขอทุนให้กับ เราก็คอยช่วย หรือไปสมัครเป็นอาสาสมัคร สภาสังคมสงเคราะห์ เพื่อจะช่วยเหลือสังคมได้บ้างตามที่เวลาเรามี”

ส่วนสำหรับคนใกล้ชิดนั้นแม่ตู่บอกว่า… “คนไหนอยากทำอะไรที่มีความสุขก็ทำไป ชีวิตคนเราไม่รู้ว่าวันไหนนอนไปแล้วอาจจะไม่ตื่นมาอีกก็ไม่รู้ได้ ลูกสาวคนเล็กก็ทำหน้าที่เรียนไป คุณพ่ออยู่สนามไดร์ฟก็ทำงานไป อาร์มก็ทำหน้าที่ของเขา เราไม่มีอะไรต้องห่วง แต่ถ้าอาร์มอยู่กับแม่ก็จะพากันเสาะแสวงหาของอร่อยกิน นี่แหล่ะความสุขของบ้านเรา”

มีหลายคนถามถึงเคล็ดลับในการเลี้ยงลูกของบ้านอภิบาลรัตน์… “คงเป็นบุญวาสนาด้วย เพราะทุกครั้งที่ไหว้พระ กราบสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทีไรก็ขอพรให้ลูกทั้งหมด ให้เขาเป็นคนดี เชื่อฟังเรา ให้เจริญก้าวหน้า ไม่เคยขอให้ตัวเองเลย เราลำบากมาเยอะ ไม่อยากให้เขาต้องลำบากอย่างเรา”

“กีฬากอล์ฟ ต้องใช้ความอดทน ใช้เวลา บางวันตีดี บางวันไม่ดี ต้องอย่าท้อ และดูตัวนักกีฬาด้วย ว่ามีความมุ่งมั่น มีวินัยแค่ไหน เพื่อจะไปให้ถึงจุดหมายจริงๆ พรแสวงต้องหมั่นหา ต้องจับมือกันเดินไปด้วยกันทั้งครอบครัว แล้วจะไม่เหนื่อยมาก ให้ลูกเล่นอย่างมีความสุขก่อนเป็นอันดับแรก แล้วหากเขาเอาจริงเอาจัง เราก็ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่… ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกครอบครัวค่ะ”