FedEx Cup
พีจีเอทัวร์ ฤดูกาลปี 2019 ปิดฉากกันไปเรียบร้อยแล้ว กับรายการ Tour Championship ซึ่งเป็นรายการเพลย์ออฟ FedEx Cup รายการสุดท้าย ที่ East Lake Golf Course ซึ่งเป็นรายการที่มีการจ่ายเงินรางวัลสูงสุดในประวัติศาสตร์ของวงการกอล์ฟทั้งโลกเลยทีเดียว
ผู้ชนะ FedEx Cup ปีนี้ คือ Rory McIlroy รับเงินรางวัลไปถึง 15 ล้านเหรียญ คิดเป็นเงินไทยเอาตัวเลขกลม ๆ ก็ 450 ล้านบาท รายกันซะให้เข็ดไปเลย
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Rory McIlroy จากไอร์แลนด์เหนือคว้าแชมป์ FedEx Cup ก่อนหน้านี้เขาเคยได้แชมป์มาแล้วเมื่อปี 2016 การได้แชมป์ในปีนี้ ทำให้ Rory McIlroy กลายเป็นนักกอล์ฟคนที่ 2 ที่ได้แชมป์ FedEx Cup มากกว่า 1 ครั้ง ต่อจาก Tiger Woods ซึ่งได้ไปแล้ว 2 ครั้งเช่นกัน ในปี 2007 และ 2009
นับจากปี 2007 ซึ่งเป็นปีแรกที่มีการเพลย์ออฟเพื่อหาแชมป์ FedEx Cup ซึ่งเป็นการเก็บคะแนนสะสมมาตลอดทั้งปี แล้วก็มาเพลย์ออฟหาแชมป์กันในตอนท้ายปี มีแชมป์ FedEx Cup รวมแล้ว 13 คน
มีใครบ้างลองมาทบทวนความจำกันซักนิดหน่อย
2007 Tiger Woods (สหรัฐอเมริกา) เป็นคนแรกที่คว้าแชมป์ รับเงินโบนัส ซึ่งในปีนั้นมีอยู่ 10 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
2008 Vijay Singh (ฟิจิ) เป็นนักกอล์ฟที่ไม่ใช่อเมริกันคนแรกที่คว้าแชมป์
2009 Tiger Woods กลับมาคว้าแชมป์เป็นครั้งที่สอง ซึ่งหลังจากนั้น ไทเกอร์ก็ประสบมรสุมจนไม่เคยกลับมาได้แชมป์อีก และก็ไม่แน่ว่า แชมป์เมื่อปี 2009 จะเป็นการคว้าแชมป์ FedEx Cup ครั้งสุดท้ายของไทเกอร์ด้วยหรือไม่
2010 Jim Furyk (สหรัฐอเมริกา)
2011 Bill Haas (สหรัฐอเมริกา)
2012 Brandt Snedeker (สหรัฐอเมริกา)
2013 Henrik Stenson (สวีเดน) นักกอล์ฟยุโรปคนแรกที่มาได้แชมป์รายการนี้
2014 Billy Horschel (สหรัฐอเมริกา)
2015 Jordan Speith (สหรัฐอเมริกา)
2016 Rory McIlroy (ไอร์แลนด์เหนือ) คว้าแชมป์เป็นครั้งแรกใน FedEx Cup
2017 Justin Thomas (สหรัฐอมริกา) เป็นอเมริกันคนที่ 7 ที่ได้แชมป์
2018 Justin Rose (อังกฤษ) นักกอล์ฟยุโรปคนที่ 4 ที่ได้แชมป์
2019 Rory McIlroy เป็นคนที่สองที่ได้แชมป์ FedEx Cup มากกว่า 1 ครั้ง ต่อจากไทเกอร์ วูดส์?
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยจาก 2019 FedEx Cup คือปีนี้เป็นปีแรกที่รายการเพลย์ออฟมีเพียงแค่ 3 รายการเท่านั้น จากที่ก่อนหน้านั้นมีปีละ 4 รายการ โดย 3 รายการที่เหลืออยู่คือ The Northern Trust ที่ Liberty National Golf Club, New Jersey City, New Jersey
รายการที่สอง BMW Championship ที่ Medinah Country Club, Medinah, Illinois
แล้วก็มาปิดท้ายด้วย Tour Championship ที่ East Lake Golf Club, Atlanta, Georgia
โดยรายการที่เคยอยู่ในการเพลย์ออฟ แต่ปีนี้ดร็อปไปคือ Dell Technologies Championship
การเปลี่ยนแปลงสำคัญอีกอย่างคือ โบนัสพูล ปีนี้ ได้เพิ่มจาก 35 ล้านเหรียญ เป็น 60 ล้านเหรียญ โดยผู้ที่ได้แชมป์ จะได้เพิ่มจาก 10 ล้านเหรียญเป็น 15 ล้านเหรียญ ทำให้ Rory McIlroy รวยอื้อซ่าไปเลย
ที่สนุกอีกอย่างคือ ก่อนเริ่มต้นทีออฟ Tour Championship ผู้ที่มีคะแนนสะสมอันดับ 1-25 เมื่อจบจาก BMW Championship จะมีแต้มต่อตั้งแต่ยังไม่ทันเริ่มแข่ง
โดยอันดับ 1 จะเริ่มโดยการมีสกอร์ -10 ตุนไว้ในกระเป๋าแล้ว
อันดับ 2 มีสกอร์ -8
อันดับ 3 มีสกอร์ -7
อันดับ 4 มีสกอร์?-6
อันดับ 5 มีสกอร์ -5
อันดับ 6-10 มีสกอร์ -4
อันดับ 11-15 มีสกอร์ -3
อันดับ 16-20 มีสกอร์ -2
อันดับ 21-25 มีสกอร์ -1
ส่วนอันดับ 26-30 ต้องสตาร์ทจาก -0 หรือ Even Par
แต้มต่อเหล่านี้ จะนำไปบวกกับสกอร์จริงที่ทำได้ ยกตัวอย่างเช่น Rory McIlroy ซึ่งมีคะแนนสะสมอันดับ 5 ได้แต้มต่อ -5 ทำสกอร์จริงได้ -13 รวมกันแล้วเป็น -18 เป็นผู้ได้แชมป์รายการนี้ไป
Xander Schauffele สตาร์ทโดยมีแต้มต่อ -4 ทำสกอร์จริงได้ -10 สกอร์รวม -14 ได้อันดับ 2
Justin Thomas คนที่มีคะแนนสะสมอันดับ 1 มีแต้มต่อ -10 แต่ทำสกอร์จริง +1 สกอร์รวมเลยออกมา -13 ได้อันดับ 3 ร่วมกับ Brks Koepka ซึ่งมีแต้มต่อ -7 ทำสกอร์จริง -6 สกอร์รวม -13
เป็นการคิดสกอร์ คิดผลแข่งขันที่แม้จะยุ่งยากนิดหน่อย แต่ก็มีสีสันดีไม่น้อยทีเดียว
บ้านเรา ใครจะลองเอาวิธีการนี้ไปใช้กันบ้างก็คงไม่เลวนะ