คอลัมน์ในอดีต

ความรัก คือ สายใย (6)

ตะวันคล้อยต่ำลงเรื่อยๆ พบสาละวนอยู่กับการตระเตรียมอาหารการกินอยู่ในครัวใต้เรือนไทย ก่อนที่พระอาทิตย์จะตกดินเย็นนี้
“แก้วอย่าลืมเอาสาดที่อยู่ข้างห้องพระไปด้วยนะแก้ว”
“เจ้าค่ะ”
“แล้วคุณแพรทำอะไรอยู่”
“ร้อยมาลัยอยู่ในห้องพระเจ้าค่ะ เห็นบอกแก้วว่าจะร้อยมาลัยให้เสร็จก่อนไปริมโขงเย็นนี้ค่ะคุณพบ”
“ขึ้นไปถามคุณแพรซิว่าใกล้เสร็จแล้วรึยัง”
“ได้เจ้าค่ะ”
แก้วเดินขึ้นไปห้องพระมองเห็นแพรกำลังเอาใบตองห่อมาลัยแสดงว่าใกล้เสร็จหมดแล้ว
“เอ้าแก้วมาเอาอะไร”
“คุณพบให้มาถามว่าคุณแพรร้อยมาลัยเสร็จรึยัง แล้วแก้วก็มาเอาสาดไปริมโขงด้วยเจ้าค่ะ”
“เกือบเสร็จหมดแล้วห่ออันสุดท้าย เออ…แก้วเอาเทียนไขกับไม้ขีดไปด้วยนะ”
“เจ้าค่ะคุณแพร”
“เดี๋ยวฉันจะไปเก็บดอกจำปาลาวซะหน่อยเอาไปลอยน้ำ เอาขันเงินของยายไปใส่ตะกร้าด้วยนะแก้ว”
“เจ้าค่ะ”
พบตะโกนขึ้นมา “เสร็จกันรึยังจ๊ะสาวๆ เดี๋ยวไม่ทันดูพระอาทิตย์เหมือนเมื่อวานหรอกนะ”
แพรตอบ “เรียบร้อยเจ้าค่ะคุณผู้ชาย ว่าแต่คุณผู้ชายน่ะเรียบร้อยรึยัง”
“เรียบร้อยครับผม”
ทั้งสามคนหอบหิ้วตะกร้าของพะรุงพะรัง จนถึงริมโขงวันนี้แทนที่จะนั่งศาลายาย พบให้แก้วปูสาดใกล้ศาลายาย แล้วนำข้าวปลาอาหารออกมา แพรช่วยจัดสำรับให้ดูน่ารับประทาน ขันเงินลอยดอกจำปาลาวอยู่กลางวงสำรับอาหาร
“เราลงมือทานข้าวกันเลยดีกว่า ดูพระอาทิตย์ไปด้วย ดูซิเหมือนเมื่อวานไหม” พูดไปพบก็ยิ้มด้วยความสุข
“แหม! พบจะเป็นไปได้ยังไง จะเหมือนกันสองวันติดๆ” พูดไปแพรก็ขำพบไปด้วย
แก้ว…อดยิ้มชื่นใจในความสุขของเจ้านายทั้งสองของเธอ แก้วนึกในใจเขาช่างเป็นคู่สร้างคู่สมกันจริงๆ เราจะมีใครมารักเราแบบนี้บ้างหนอ แก้วเพลินคิดไปเรื่อยเปื่อย
“แก้ว…แก้ว…กำลังคิดอะไรอยู่ ลืมตักข้าวเลยน่ะ”
“ขอโทษเจ้าค่ะ แก้วกำลังคิดอะไรเพลินๆอยู่พอดี”
“คิดถึงผู้บ่าวล่ะซิ” พบแหย่
“เปล่าเจ้าค่ะ แก้วยังไม่มีผู้บ่าวกะเขาหรอกค่ะ”
“คุณพบเขาแหย่เล่นน่ะ เอ้ารีบตักข้าวเดี๋ยวอาหารจะเย็นหมด วันนี้ฝีมือคุณพบล้วนๆ โห…น่ากินจังน้ำพริกปลาทู ผักลวก ของโปรดแพรเลยนี่ ผักดองอีก โอ้ย…น้ำลายไหลเชียว”
พบขำท่าทางของเมียรัก พร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า… “วันนี้รายการของโปรดคุณผู้หญิงทั้งนั้นแหละครับ”
“ขอบคุณเจ้าค่ะ” แพรทำท่าทางออดอ้อนสามี
…แก้วเขินหลบหน้าลงต่ำไม่กล้ามองเขาทั้งสอง แล้วพูดขึ้นว่า… “แก้วเป็น กขค. รึเปล่าเจ้าค่ะ”
แพร…พบ..หัวเราะพร้อมกัน
อาหารเย็นมื้อนี้เต็มเปี่ยมด้วยความรักความอบอุ่น พบพูดให้แก้วฟังว่าเขาสองคนมาเจอกันอย่างไร ถึงจำวันนี้ได้ แก้วถามว่าทำไมคุณพบจำได้
“ฉันจำวันนี้ได้เพราะอะไรรู้ไหมแก้ว”
“ทำไมหล่ะเจ้าค่ะ”
“ก็ฉันหลงรักนายหญิงของเธอตั้งแต่วันแรกที่เจอกันแล้ว”
“ห๊า…ยังเด็กๆอยู่ไม่ใช่เหรอเจ้าค่ะ? ตอนนั้นคุณพบ”(เสียงแหลมสูงจนทั้งพบและแพรอดขำแก้วเสียไม่ได้)
“ใช่ ฉันมันแก่แดดแก่ลม แก้วเอ๋ย”
แก้วหัวเราะชอบใจ
แสงของอาทิตย์สาดส่องมากระทบแหวนมรกตวูบวาบเป็นครั้งคราว จำปาลาวที่ลอยน้ำอยู่บนขันเงินใบเก่า ในเวลานี้งามจับตา สายลมพัดแผ่วทำให้ดอกจำปาลาวไหวตามแรงลม วนไปวนมาอยู่ในขันเงินใบโปรดของยายพริ้มหญิงชรา
พบยกน้ำขึ้นดื่มหลังจากอิ่มหนำสำราญกับอาหารมื้อเย็นที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักความอบอุ่น
ฝนเริ่มโปรยลงมาเป็นละอองฝอย แสงอาทิตย์ยังคงสาดส่อง ฉับพลันภาพเก่าก็พลันเกิดขึ้นซ้ำรอยเมื่อเย็นวาน ภาพพระอาทิตย์ดวงกลมโตมังกรขนาบซ้ายขวา
“เร็วแก้วเก็บของไว้บนศาลายาย ฝนโปรยปรายลงมาแล้ว แปลกจริงดูไม่มีวี่แววเลย” แพรเอ่ยขึ้นมา
แก้วรีบทำตามที่แพรสั่งภายในเวลาไม่กี่นาที
“แพรดูนั่นซิ สายรุ้งโค้งโอบอุ้มมังกรล้อมดวงอาทิตย์ ชีวิตนี้ไม่เคยพบเห็นมาก่อนเลย”
แพรจับมือพบแน่น แก้วตาค้างกับภาพที่ปรากฏอยู่ริมโขง
“ฝนโบกขรพรรษ ยายเคยบอกไว้เป็นฝนดุจน้ำตกลงในใบบัว ฝนชนิดนี้ ใครอยากจะให้เปียก ก็เปียก ถ้าไม่อยากให้เปียกก็ไม่เปียกเหมือนน้ำตกลงบนใบบัว โปรยปรายยามนี้รุ้งทอแสงรัศมีแผ่กว้างริมฝั่งโขง ราวกับมีเรื่องราวบางอย่างที่มนุษย์หลายคนมิอาจรับรู้ แต่หญิงสาวที่กำลังจะให้กำเนิดชีวิตๆหนึ่งออกมาดูโลกใบนี้ และรู้ว่าต่อแต่นี้ หน้าที่อันยิ่งใหญ่กำลังคืบคลานเข้ามาทุกที”

มณีจันทร์ฉาย