ความรัก คือ ชีวิต (1)
ความรัก คือ ชีวิต (1)
พันเอ่ยถาม “พี่จุกให้ผมพายเรือไปส่งไหมครับ”
“ไม่เป็นไรพัน พี่กลับเองได้ ขอบใจเอ็งมาก”
หลังจากเสร็จพิธีทางศาสนาคืนนั้น จุกพายเรือข้ามฟากมายังบ้านเรือนไทย แสงจันทร์ที่ส่องผ่านต้นไม้ ใบไม้ พอเห็นแสงที่จุกจะเดินได้โดยไม่ใช่ไฟส่อง เสียงจิ้งหรีดเรไรส่งเสียงร้องระงมผสมสายลมที่พัดกิ่งไม้ใบไม้โอนเอนเป็นระยะๆจุกไม่รู้สึกกลัวสิ่งใด กลับอยากเจอลูกเมียเสียอีกครั้งแต่รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้แล้ว
เขาก้าวขึ้นบันไดบ้าน จุดตะเกียง อาบน้ำอาบท่าจนเสร็จสรรพ เขาบอกกับตัวเองว่าเขาไม่มีวันที่จะหลับตาลงได้อย่างแน่นอน เขาหยิบกล่องไม้ไปยังนอกชานที่เขาเคยนั่งเล่นกับลูกเมียยามพระจันทร์เต็มดวง วันนี้พระจันทร์ไม่เต็มดวงแต่ยังพอมีแสงร่ำไรเพราะเป็นข้างแรม จุกเปิดกล่องไม้ออก แสงจากอัญมณีเขียวส่องสะท้อนพระจันทร์ข้างแรม แต่ความงดงามไม่ได้ด้อยไปกว่าตอนพระจันทร์เต็มดวง เขาหยิบแหวนมรกตที่ยายให้เป็นแหวนแต่งงานขึ้นมาพิจารณาดู มันยังคงงดงามเหมือนใบหน้าของเปียเมียสุดที่รักของเขา แหวนก้อยจำปาลาวที่เขามอบให้เปียทุกอย่างคงอยู่ครบถ้วน
จุกรำพึงกับตัวเอง “เขาจะอยู่ได้อย่างไร…ถ้าปราศจากลูกเมีย สิ่งเดียวที่เขาจะดำรงชีพต่อไปจากนี้คือเกาะชายผ้าเหลืองพึ่งบุญโพธิสมภารอันเป็นที่สุดของชีวิต ความรักของเขาที่มีให้กับลูกเมียคือชีวิตเขา”…ลมโชยหอบเอากลิ่นดอกจำปาลาว ดอกไม้ที่เปียหลงใหลในกลิ่นหอมเย็นจับใจ เขาเปรียบเปียเมียรักของเขาดังเช่น ดอกจำปาลาว ที่มีกลิ่นหอมมิรู้ลืม ดอกไม้ชนิดนี้เป็นดอกไม้พุทธบูชาสูงค่ายิ่งนักจะส่งกลิ่นหอมเย็นจับใจเวลายามเย็น ตั้งแต่เด็กๆจุกชอบเก็บดอกจำปาลาวมาทัดที่ข้างหูเปีย เราผูกพันกันจนมิอาจแยกจากกันได้ แต่วันนี้ไม่มีแม้เงาของลูกและเปีย ความอ้างว้างโดดเดี่ยวช่างทรมานเหลือจะทน น้ำตาลูกผู้ชายไหลรินอีกครั้ง เขานั่งอยู่ชานบ้านเนิ่นนานจนที่สุดเขาก็หลับไป…
…ภาพของเปียจูงลูก หญิงชาย ทั้งซ้าย-ขวา มีแก้วเดินตามถือตะกร้า ดอกไม้ ธูปเทียน
เสียงเปีย “แก้วดอกไม้ธูปเทียนมานี่สิจ๊ะ ฉันจะแต่งขันธ์ 5 ขันธ์ 8 ถวายหลวงพ่อพระสุก เธอดูน้องทั้งสองคนนะ”
แก้วยื่นตะกร้าให้
เปียนำใบตองมาทำกรวยเพื่อจัดขันธ์ 5 ขันธ์ 8 ใส่พานเพื่อบูชาหลวงพ่อพระสุก
“เอ้าเด็กๆลูกมาทางนี้ มากราบ หลวงพ่อพระสุกกัน”
“กล่าวตามแม่นะ แก้วด้วย”
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
อิมินา สักกาเรนะ สุกัง นามะ พุทธะรูปัง อภิปูชะยามิ
ตะมะหัง สุกะพุทธะรูปัง สิระสา นะมามิ
ตัสสานุภาเวนะ นิหาลาโภ โหมิ สุขิโต โหมิ อะโรโค
โหมิ สัพพะสัมปัตติ สัทธิโย โหนตุ จะ มะมะ สัพะทา
ภาพสามคนแม่ลูก แก้ว อิ่มเอิบใจ อิ่มบุญ อิ่มสุข เหมือนการจากไปครั้งนี้เป็นการจากไปด้วยความสบายใจ สุคติ
“จุกไม่ต้องห่วงเปียกับลูกนะ เปียอยู่ทางนี้ได้ปฏิบัติธรรม สวดมนต์ ไหว้พระ เหมือนภพมนุษย์นั่นแหละ เปียตัดสินใจเอง ตอนใบบัวหล่นจากเรือ แก้วก็ว่ายน้ำไม่เป็น เปียเลยตัดสินใจไปอยู่กับพวกลูกๆและแก้ว ไปอยู่กับ ท่านปู่ ท่านย่า ในเมืองบาดาล ที่นี่สวยงามมากเหลือเกิน”
“เปียได้ยินจุกสัญญาว่า จะบวชตลอดชีวิต เปียดีใจมากนะจุกอนุโมทนาบุญด้วย อานิสงส์อันนี้ยิ่งใหญ่ เราไม่มีวันจากเราจะได้พบกันทุกชาติไป ตั้งใจปฏิบัติสวดมนต์ภาวนาเหมือนกันนะจุก ชีวิตเรามากันแค่นี้ในภพมนุษย์ เปียจะขอทำหน้าที่ในเมืองบาดาลให้ครบสมบูรณ์และเราเจอกันในภพชาติหน้า” เปียยิ้มละมัย
เสียงไก่ขัน…จุกสะดุ้งสุดตัว… “เปียๆ”เขาร้องเรียกเมียรักของเขาดังลั่น เมื่อเขาลืมตาขึ้นมาก็พบแต่ความว่างเปล่า…นี่เราฝันไปหรือนี่…จุกเอามือทั้งสองกดที่ขมับซ้าย-ขวา เหมือนดึงจิตใจกลับมาอีกครั้ง เขานิ่งคิด…เปียมาบอกเราให้เราไม่ต้องเป็นห่วงหรือเราคิดไปเอง จะเป็นไปได้เช่นไร เปียจะอยู่ในเมืองบาดาล มันมีจริงเหรอ จุกสับสนเสียเหลือเกิน
เสียงเรียกของเจ้หมวยที่อุตส่าห์ให้เด็กพายเรือข้ามฟากมาเพื่อพาจุกไปใส่บาตรเช้าพร้อมๆกัน
“จุกเอ้ย ตื่นรึยัง? เจ้เตรียมของใส่บาตรมาให้”
“ขอบคุณครับเจ้หมวย ขึ้นเรือนก่อนครับ ผมขอเวลาอาบน้ำประเดี๋ยว”
“ได้ๆ”
เจ้หมวยเดินขึ้นบ้าน อดเศร้าใจแทนจุกไม่ได้ เฮ้อ…ชีวิตมนุษย์นี่ไม่มีใครรู้เลยว่าวันตายจะมาวันไหน ยิ่งแกกวาดสายตาไปเห็นอุปกรณ์ที่ร้อยมาลัยของเปีย แกยิ่งรู้สึกสะเทือนใจยิ่งนัก…เจ้หมวยกลายเป็นคนคุ้นเคยเป็นผู้ใหญ่อีกคนที่จุกกับเปียนับถือ แกรำพึงกับตัวเอง…ทำไมโชคชะตาถึงโหดร้ายกับคนดีๆเช่นนี้นะ
“เสร็จแล้วครับเจ้หมวย ไปเถอะไปตักบาตรให้เปียและลูกและแก้วกัน”
“เอ็งไม่ต้องออกเรือไปหรอกนะ เจ้ให้เด็กมันพายมาส่งเดี๋ยวไปด้วยกัน จะได้ไปดูเตรียมงานที่วัดเย็นนี้ด้วย”
“ครับ”
“เอ่อ…จุกแล้วเอ็งจะบวชตอนไหน”
“เสร็จงานผมบวชเลยครับเจ้ ผมคงเก็บดอกบัวให้เจ้ไม่ได้แล้ว”
“ไม่เป็นหรอก เจ้อนุโมทนาบุญด้วยนะ เดี๋ยวให้เจ้าพันมันทำต่อได้ เห็นมันพูดเมื่อวานกับเจ้หมวยว่า ถ้าพี่จุกบวชผมจะช่วยเจ้หมวยเอง”
“ครับ”
ระหว่างที่เรือถูกพายออกจากฝั่ง จุดอดคิดถึงลูกเมียไม่ได้เพราะมันรวดเร็วเกินกว่าใครๆจะทำใจได้
เจ้หมวย…รู้ใจจึงรีบพูดขึ้นว่า เอ่อ…. “จุกการบวชนี่ได้อานิสงส์มากมาย ขอให้เอ็งปฏิบัติให้ได้อย่างที่เอ็งสัญญาไว้กับลูกกับเมียนะ เจ้ขออนุโมทนาบุญ และที่สำคัญชีวิตเรายังต้องดำเนินต่อไปอีก เอ็งอย่าได้ท้อแท้นะจุก”
“ครับ” จุกตอบรับคำเจ้หมวย
มณีจันทร์ฉาย