For Golf Trust

จริงหรือเทคโนโลยี่ คือกอล์ฟสมัยใหม่

จริงหรือเทคโนโลยี่ คือกอล์ฟสมัยใหม่

มีการเสวนาของนักกอล์ฟที่เป็นนักกอล์ฟหน้าใหม่และนักกอล์ฟสถานะอาชีพ (แต่ไม่รู้เคยได้เงินบ้างหรือเปล่าตั้งแต่เป็นนักกอล์ฟอาชีพ)ที่เกี่ยวพันมาถึงผม เป็นสิ่งที่น่าสนใจที่ทำให้ผมเอาเป็นหัวข้อในการเขียนได้

เริ่มจาก แม่ของนักกอล์ฟสมัครเล่นหน้าใหม่ บอกให้ลูกไปเรียนกอล์ฟกับผม เพราะเลือกเรียนวิชาเอกมาทางกอล์ฟอยากให้ตีกอล์ฟให้ดีด้วย นักกอล์ฟหน้าใหม่คนนั้นไปปรึกษาเพื่อนที่เรียนด้วยกันที่มีสถานะเป็นโปร(เข้าทำนองเพื่อนเป็นที่น่าเชื่อถือกว่าพ่อแม่) ว่า”แม่จะให้ไปเรียนกอล์ฟกับโปรเชาว์ เอ็งว่ายังไง โปรเชาว์สอนดีหรือไม่ดี”

คำตอบที่ได้คือ “โปรเชาว์ สอนแบบวงเก่าๆ เครื่องไม้เครื่องมือที่ทันสมัยไม่มี ควรไปเรียนกับโปร….เพราะเขามีเครื่องมือดีๆ สามารถบอกได้ว่ามีอะไรผิดอย่างชัดเจน ตีไปปุ๊บบอกได้ปั๊บเลยว่ามีอะไรผิดปกติได้”

นักกอล์ฟหน้าใหม่คนนั้นก็มาบอกแม่ ว่า “เพื่อนที่เป็นโปรบอกว่า โปรเชาว์สอนตีแบบวงเก่าๆ ไม่ทันสมัย” แม่คนนั้นก็เอามาบอกผม และถามผมว่าเอาไงดีโปร

คำตอบที่ได้จากผมคือ เป็นอย่างที่เขาว่าเกือบทั้งหมด คือผมไม่มีเครื่องมืออะไรมาก แต่เรื่องวงสวิงเก่าผมไม่ใช่แน่นอน วงสวิงที่ผมสอนคือวงสวิงที่เป็นวิทยาศาสตร์ ทำได้แล้วทำใหม่ได้ มีเหตุมีผลว่าทำต้องทำอย่างนี้ และที่บอกว่าวงสวิงสมัยใหม่ก็ไม่มีอะไรใหม่ เมื่อ 70-80 ปีวงสวิงเป็นอย่างไร ปัจจุบันนี้ก็ยังเป็นอย่างนั้น สิ่งที่ผมสอนมาตั้งแต่ 10 ปีที่แล้ว ปัจจุบันโปรในทัวร์นิยมตีกันมาก นั่นคือการตีแบบคอมแพ็คสวิง หรือเรียกว่า 3ใน 4 ไม่ขึ้นสูงเต็มวง ไม่ต้องจบ ตีแบบน็อคดาวน์

สมัย เบน​ โฮเกน, แซม สนีท หรือนักกอล์ฟดังๆ อีกหลายๆคน เกิดมาตอนที่ไม่ได้มีเทคโนโลยี อะไรมาก แต่เขาก็มีวงสวิงที่ดี ได้แชมป์มากมาย

ตรงกันข้าม ปัจจุบัน นักกอล์ฟจะอยู่ท่ามกลางเทคโนโลยีใหม่ๆ มากมาย แต่ยังไม่มีใครที่ออกมาบอกเลยว่า “เก่งได้เพราะเครื่องมือเหล่านั้น” หรือ คนที่ตีไม่ได้ ผลงานแย่ลง ต้องไปให้เครื่องมือช่วยแล้วจะตีได้

อยากจะบอกว่า เครื่องมือที่มีอยู่ในท้องตลาด หรือที่ใช้กันอยู่ มันพัฒนามาจากเครื่องมือที่ช่วยทำวิจัย ช่วยเก็บข้อมูล เพื่อจะศึกษานักกอล์ฟที่ตีดีๆ เขาทำอย่างไร เมื่อเปรียบเทียบกับคนที่ยังเล่นกอล์ฟไม่เก่ง คนหัวการตลาดจึงจับมาพัฒนาให้เป็นเครื่องมือฝึก เพราะเขารู้ว่า ธรรมชาติของมนุษย์จะสนใจมาก ถ้าเห็น และจับต้องอย่างเป็นรูปธรรม ว่าตีไปแล้วมีตัวเลขบอกอย่างชัดเจน  หรืออีกนัยหนึ่งคือ อยากเก่งโดยไม่ต้องซ้อม อะไรเข้ามาเป็นสนใจไว้ก่อน

แต่ ขอบอกได้เลยว่า ไม่เคยมีนักกอล์ฟคนไหนที่ฝึกกับเครื่องมือเหล่านี้อยู่ตลอดเวลา แล้วจะประสบความสำเร็จได้ ถ้าไม่ฝึกซ้อมอย่างหนักกับการออกไปเล่นสนามจริง

คิดให้ลึกอีกหน่อย กับการเล่นกอล์ฟ กับการได้มาซึ่งคะแนน ได้มาจาก การตีทีช็อต การตีเหล็กแอพโพรชขึ้นกรีนในระยะต่างๆกัน การเล่นลูกในพื้นที่ต่ำๆสูง ขึ้นเนินลงเนิน การเล่นลูกข้างกรีน การระเบิดทราย การพัตต์บนกรีน เป็นต้น ทุกๆ ช็อตมีความสำคัญหมด ท่ามกลางสภาพแวดล้อมต่างๆ และมีความกดดัน ไม่ใช่แค่ตีไดร์ฟเวอร์ให้ไกล ให้ตรง

แต่การตีกับเครื่องมือ เป็นการตีที่เดิม พื้นเสมอ ไม่มีลม ไม่มีความกดดัน เป้าหมายมาตีกับเครื่องมือเพื่อทำอย่างไรให้ไกล ทำอย่างไรให้ตรง ตีทุกๆลูกแรงเต็มที่ ซึ่งสิ่งที่อุตส่าห์เสียเงิน เสียเวลาฝึกนั้น เอาไปใช้จริงไม่เกิน 25 % ที่เหลือจะต้องผจญกับสิ่งต่างๆที่ท้าทาย ท่ามกลางความกดดัน  แน่นอนเป็นการตอกย้ำว่า เวลาเอาไปใช้จริงในสนามถึงไม่เคยได้ผล สกอร์ก็ยังแย่เหมือนเดิม

นั่นคือความทันสมัย สิ่งที่เรียกว่าสมัยใหม่ที่นักกอล์ฟเขาหมายถึง ซึ่งเมื่อพูดออกมา มันก็บ่งบอกได้แล้วว่า เจตคติ หรือ ทัศนคติ หรือ ความคิดของคนๆนั้นเป็นอย่างไร บอกได้ความสำเร็จกับกีฬากอล์ฟจะยังอยู่ห่างไกลมาก

เป็นสิ่งที่ชัดเจน และหนักแน่นที่สุดสำหรับผม ที่ไม่เปลี่ยนแปลง คือ การพัฒนาการเล่นกอล์ฟด้วยการฝึกซ้อม ทำสิ่งที่ถูก ทำให้กอล์ฟเป็นเรื่องง่ายๆ ไม่ยุ่งยากมาก ขอให้มีเบสิคในเรื่องการจับกริพให้ดี มีแนวสวิงที่ดี มีการยืนที่ดี มีสมาธิที่ดี มีการเล่นลูกสั้นที่ดี ก็จะมีโอกาสเล่นกอล์ฟให้ดีได้ ถ้าต้องการเห็นว่าแนวสวิงเป็นอย่างไร ยืนเป็นอย่างไร ก็แค่ถ่ายวีดีโอให้ดูก็เห็นตัวเองแล้ว

คงไม่ถึงจำเป็นต้องรู้ว่าลูกหมุนด้วยความเร็วเท่าไร สะโพก ไหล่เปิดเป็นมุมเท่าไร เพราะรู้ไปก็แก้ไขไม่ได้ทันที หรือมัวแต่เสียเวลาไปแก้นานๆ เอาเวลาตรงนั้นไปซ้อมลูกสั้น หรือปรับเบสิคต่างๆที่เห็นให้เข้าที่ก็น่าจะได้ผลที่ดีกว่า

แค่ความคิดตรงนี้ก็มีผลอย่างสูงกับการจะพัฒนาการเล่นกอล์ฟแล้ว บ่งบอกว่าอนาคต จะมีความสำเร็จแค่ไหน เป็นความคิดที่ตื้นมากๆ อีกนาน หรืออาจจะไม่มีทางที่จะบรรลุได้ มีมากจริงๆครับความคิดอย่างนี้ ไม่ใช่แค่คนไทยหรอก ทั่วโลกก็เป็นกันเยอะ ไม่ซ้อม หรือซ้อมน้อย อยากเล่นดีก็เลยต้องหาตัวช่วยที่เป็นเครื่องมือ แต่แล้วสิ่งที่ได้ก็คือไม่ได้

เชาวรัตน์ เขมรัตน์