เรื่องของ ละคร หลังข่าว
“เรื่องของ “ละคร”หลังข่าว”
จากชีวิตที่รู้จักมักคุ้นกับ “โทรทัศน์”หรือทีวี มาก็ 50 กว่าปีมาแล้วคือเริ่มจากต้องกินข้าวเย็นให้เสร็จสิ้นเสียก่อน จากนั้นก็เริ่มเดินทางออกจากบ้านเดินดุ่มๆไปร้านค้าญาติหลังดงแสมกับโกงกางด้านตะวันออกของหมู่บ้าน ความจริงระยะก็โขอยู่นะกับบ้านเรา แต่ความที่แถวๆนั้นในระยะรัศมี 2 กิโลเมตร ก็มีบ้านนี้แหละที่มี “โทรทัศน์”ให้ดูฟรี สมัยนั้นก็เป็นทีวีช่อง 4 กับช่อง 9 มั้ง (ลืมครับ) เจ้าโทรทัศน์นี้มันกินไฟ…แต่เป็นไฟปั่น 220 V.แล้วก็เป็นแบบขาวดำที่ต้องเผาหัวกันนานโขอยู่กว่าจะได้ดูกัน
เวลาเราเดินไปบ้านที่ว่าเนี่ยก็ต้องอย่าให้มันโพล้เพล้มากมายนักคือออกจากบ้านราวๆ 5 โมงแบบนี้พอรับได้ เวลาเราเดินทางกันเนี่ยก็ไม่ค่อยจะพูดจะคุยอะไรกัน อันเนื่องด้วยช่วงเวลาเช่นนี้แหละเป็นเวลาเดียวกันกับสัตว์เลื้อยคลานออกหากินเช่นเดียวกัน มันคือ “งูเห่า”ครับ เวลานี้เจ้าพวกสัตว์ที่ไม่มีขาจะออกมาหาอาหารค่ำ จำพวกหนูหรือกบเขียดดูอะไรพวกนั้น การเดินไปเนี่ยมันก็คุ้มหรือเปล่าไม่ทราบแต่ที่แน่ๆใจเราอยู่ที่บ้านเป้าหมายนานแล้ว เมื่อเดินพ้นแนวแสมกับโกงกางก็จะเห็นเสาโทรทัศน์ก่อน ซึ่งก็อยู่ลิบๆทั้งๆที่เสานี่เป็นเสาที่ต่อขึ้นไปสูงมาก…จากปลายเสาถึงกลางเนี่ย เสาจะถูกโยงด้วยลวดขึงมาตรึงกับเสาหมุดที่พื้น ถ้าจำไม่ผิดเสานี่จะต้องมี 10 เมตรอย่างน้อย แล้วลวดที่ใช้ดึงก็น่าจะเป็นสองชั้นจากปลายลงมาถึงพื้น
เรื่องของทีวีนั้นกว่าจะได้ดูก็ต้องเดินเครื่องปั่นไฟซึ่งอยู่ห่างจากบ้านไปเกือบๆ 30 เมตร บางทีเครื่องก็พังซึ่งก็ดูได้ไม่ถึงชั่วโมงสุดท้ายก็ต้องเดินกลับกัน ก็ฮาดีครับพอถึงบ้านบางทีก็หิวข้าวกันอีกแล้วจ้า…ส่วนใครจะกินหรือไม่ก็สุดแล้วแต่ว่าเมื่อเย็นก่อนหน้าใครสวาปามไปแค่ไหน หรือช่วงดูทีวีอยู่พ่อหรือแม่ใจดีก็อาจจะซื้อข้าวโพดคั่วที่ร้านให้กินกัน ข้าวโพดหนึ่งถึง 50 สตางค์กับลูก ๆ 6 คน แค่นี้ก็หรูแล้วครับผม
ความจริงไอ้พวกผมก็มิได้เป็นพวกยากจนข้นแค้นอะไรนักหนา พอมีที่ทำนากุ้งตั้ง 200 ไร่ เป็นที่สามแปลง แต่ด้วยความเป็นคนซื่อสัตย์ต่อคำสัญญา “พ่อจึงนำเอาเงินที่หาได้ไปให้เขาหมด”ด้วยหวังว่าที่จะกลับมาเป็นของเรา…สุดท้ายผ้าพันกายกับจากมุงหลังคาก็แทบจะไม่มี
กลับมาที่ทีวีกันดีกว่านึ…ผมไม่รู้หรอกว่าเจ้าละครหรือภาพที่เห็นมันเป็นเรื่องเป็นราวแบบไหน ใครจะแสดงใครจะเป็นตัวเอกหรือตัวร้ายก็ไม่รู้…ความจริงคือขอแค่มาดูภาพกันก็เท่านั้น มันจะสนุกสนานแค่ไหนหรือจะติดใจพระเอกนางเอกก็เปล่า…คงเป็นเช่นนี้กระมังถึงนึกไม่ออกว่า หนังหรือละครที่เคยดูเนี่ยมันเป็นเรื่องแบบไหน หรือจะดำเนินเรื่องกันอย่างไร จำได้อย่างเดียวคือ “ละครทีวีมักจะได้ยินเสียงคนอ่านบท” อีกเสียงสอดแทรกเข้ามา หรือบางทีอาจจะเห็นเงาของไมโครโฟนเป็นบางช่วงบางตอน ต่อเมื่อเข้ามาอยู่ในเมืองกรุงก็หนักกว่าเดิมเข้าไปอีก เพราะเจ้าโทรทัศน์ที่รู้จักที่บ้านโน่นที่นี่เขาเรียก “ทีวี”แล้วทั้งบ้านก็มีอยู่เครื่องเดียวซึ่งอยู่บนบ้านใหญ่ แล้วการที่จะได้ดูแต่ละครั้งก็ต้องนั่งพับเพียบเรียบร้อย จะมาพูดคุยกันให้รำคาญลูกของ “คุณท่าน”ที่ดูอยู่ด้วยเดี๋ยวจะโดนตะเพิดให้ไปนั่งด้านนอก ซึ่งที่บ้านนี้เป็นเช่นนี้จริงๆ…แล้วถ้าต้องนั่งดูนอกห้องที่เป็นมุ้งลวดก็บอกได้เลยไปนอนดีกว่าเพราะต้องทนทานต่อฝูงยุงที่มีเป็นฝูงๆแล้วทั้งคืนขอบอก…คือดูหนังจบบางทีเลือดหมดตัวก่อน
จากที่ร่ายมาเสียยืดยาวนั้นก็คงพอจะมีอะไรที่ดูคล้ายคลึงกับอีกหลายคนที่อ่านแต่เท่าที่รู้ครูไก่ไม่เคยติดอกติดใจกับละครสักเรื่องเลยจริงๆหรือจะเป็นดาราตัวเอกตัวรองที่บทบาทสุด “แซบ” ก็เฉยๆนะคือดูแบบผ่านๆเปิดมาเจอก็ดูพอเปลี่ยนช่องไปบางทีลืมว่าเมื่อกี้มันอยู่ช่องใดกันรึ แต่กับ “ออเจ้า”เรื่องนี้ทำเอาครูไก่รอเวลาที่จะได้พบเจอกับวันพุธและพฤหัสบดีของทุกอาทิตย์ คือใช้คำว่า “ใจจดใจจ่อ”ก็ว่าได้
จะด้วยเนื้อหากับสาระของเรื่องนี้มันถูกจริตของคนไทยไปทุกๆคำพูดไม่ใช่เฉพาะเจาะจงเพียงพระนางที่เป็นตัวเอกของเรื่อง หลายคนที่เป็นนักแสดงอาจมีบทบาทที่ลดน้อยกันมาตามลำดับแต่กับดังไปกับเรื่องราวของละครไปด้วย ถ้าจำไม่ผิดหลายคนที่มีบทบาทรองๆลงมาเนี่ยโลดแล่นอยู่ในยุทธภพของการแสดงมาเป็นสิบยี่สิบปีก็หาได้มีชื่อเสียงไม่ หากเพียงได้เล่นเรื่องนี้เพียงครั้งเดียวกลับมีชื่อกระฉ่อนกรุงได้
เรื่องนี้มันเกิดขึ้นแล้วจริงๆขนาดนักเรียนคลาสผู้ใหญ่ยังบอกว่าวันนี้ต้องเลิกเร็วเพราะจะรีบกลับไปดูดู “ออเจ้า” นี่แหละ ส่วนครูไก่ก็มิได้ตามกระแสอะไรนักหนาก็แค่วันพุธกับพฤหัสบดีต้องรีบกลับที่พักอาบน้ำอาบท่าเสร็จสรรพข้าวปลาก็ซื้อมาแต่กลางวันเก็บเข้าตู้เย็นไว้พอจะกินก็เอามาเวฟ น้ำท่าก็บริบูรณ์ไว้แล้วเช่นกัน…สรุปว่าเรื่องนี้เป็นเอามาก…นะเราว่ากันว่าพุธนี้จบ แต่จะมีอะไรต่ออีกนิดหน่อยในอาทิตย์ต่อไป…แบบนี้คือ “สุขที่หาได้กับกระแสละครไทย” เชื่อว่าในอนาคตเราคงมีอะไรแบบนี้อีกนะครับ หยุดเสียทีกับละครที่แล้วมานะ…อย่าหยุดกระแสแบบนี้ไว้ที่ “บุพเพสันนิวาส”เท่านั้นลุยกันต่อไป…ชอบ…ชอบ
ครูไก่ ลำพอง ดวงล้อมจันทร์