Interview

อติพร ประทีปมงคล

อติพร ประทีปมงคล
รองกรรมการผู้จัดการ
บริษัท ซัคเซส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด
SUCCESS ENTERTAINMENT

คุณติ่ง (อติพร ประทีปมงคล) โตขึ้นมาในโรงเรียนสตรี (เศรษฐบุตรบำเพ็ญ) มีแต่ผู้หญิงล้วน แต่ชอบเล่นกีฬาเกือบทุกอย่าง แม้กระทั่งกีฬาที่ผู้หญิงส่วนใหญ่เค้าไม่เล่นกันเธอก็เล่น ทั้งตระกร้อ ทั้งฟุตบอล เป็นนักกีฬาของโรงเรียนอีกด้วย เป็นประธานนักเรียน นับเป็นสาวสายบู๊ตัวจริง

“การเล่นกีฬาคือการเรียกแขกค่ะ เวลาจะนำเพื่อนๆ น้องๆ นำเด็กๆ กีฬาทำให้เกิดความร่วมมือกันเยอะ จุดประกายให้เล่นกีฬา และยังเรียกเสียงกรี๊ดจากแฟนคลับได้เป็นอย่างดี ชอบเล่นแบดฯ แต่เล่นสนุกๆ แบบเรียนรู้ด้วยตัวเอง เพราะกีฬาทุกอย่างต้องมีโค้ช เล่นเองยังไงก็ไม่พัฒนา ไปไกลกว่านี้ไม่ได้ แล้วยิ่งสมัยก่อนพ่อแม่ไม่สนับสนุน เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องสิ้นเปลืองด้วย”

คุณติ่ง เล่นกีฬาโดยไม่คิดจะเอาดีเพื่อความเป็นเลิศ แต่คิดจะเล่นกีฬาเพื่อสานสัมพันธ์ สร้างเพื่อน ตอนเล่นแบดฯ ยังมีเพื่อนน้อยไป เลยหันไปเล่นประเภทอื่นๆ เพิ่ม เล่นเกือบทุกชนิด จนมีเพื่อนเต็มไปหมด

“ตอนเด็กๆ มีความใฝ่ฝันว่า จะทำอย่างไรให้ตัวเองช่วยให้เกิดความสำเร็จของกีฬา เรารู้ว่าอยู่เบื้องหน้าเองไม่ได้ ก็อยากอยู่เบื้องหลัง ผลักดัน ให้เกิดดาวเด่น นั่นคือความคิดแบบเด็กๆ ณ เวลานั้น”

เมื่ออยู่ในตระกูลนักกฎหมาย คุณพ่ออยากให้เรียนกฎหมาย แต่ก่อนเข้ามหาวิทยาลัยชอบทำกิจกรรมจนไม่ค่อยได้อ่านหนังสือ ม.รามคำแหงคือคำตอบ เธอก็เรียนให้ตามใจคุณพ่อแล้วก็ตั้งใจเรียนให้จบเร็วที่สุด เพียงแค่สองปีกว่าก็จบ เพราะอยากทำงาน

“พอเรียนจบก็ขอคุณพ่อว่า ตอนเรียนทำตามที่ท่านขอไว้แล้ว พอจบก็ลุยตามใจตัวเองบ้าง เลยไปสมัครเป็นนักข่าวสายการเมืองของเดลินิวส์อยู่ 3-4 เดือน รู้สึกว่าไม่เข้าทางของตัวเอง เลยเปลี่ยนงานลองทำไปเรื่อย แล้วมาทำงานฝ่ายขายกับ คุณยุวดี บุญครอง มีเดียออฟมีเดีย อยู่นานอีกหลายปี ก่อนจะไปอยู่แกรมมี่ อีกพัก แล้วย้ายมาเรนโบว์ พอสั่งสมประสบการณ์จนพร้อมแล้วก็ได้เปิดบริษัทของตัวเอง

ซัคเซส เอ็นเตอร์เทนเม้นต์ ทำรายการกีฬา ช็อตเด็ดกีฬามันส์ ทางช่อง 5 อยู่ 3-4 ปี ส่งเสริมกีฬากอล์ฟโดยเฉพาะ เชิญเด็กเยาวชนมาสัมภาษณ์ โดยให้น้องนาว (ศิรสิทธิ์ ประทีปมงคล) ลูกชาย ดำเนินรายการ ตีกอล์ฟไปทำงานไป โดยคุณแม่ติ่ง กำชับน้องนาวเสมอว่า “กอล์ฟไม่ใช่กีฬาสีสัน เป็นกีฬาที่ต้องทุ่มเท”
“จุดประกายของการทำรายการทีวีคือ ละครเทิดพระเกียรติเรื่อง ฟ้าโอบดินอุ่น ทำมาตลอดหลายปี เรียกว่าเป็นมงคลชีวิต ทำให้เราได้อยู่ในวงการทีวี จับงานโฆษณาตลอดเรื่อยมา มาจนถึงได้ทำงานกับ ช่อง 3 ในปัจจุบัน”

นอกจากนี้ยังมีรายการที่สร้างชื่อ คือ 5 4 3 2 โชว์ ทางช่อง 3 อีกด้วย

“ตอนนั้นไปอยู่คุมอัดรายการทุกสัปดาห์ ถึงไหนถึงกัน ไม่รู้จักปล่อยวาง พอมีกอล์ฟถึงเริ่มเรียนรู้ว่า ทุกอย่างต้องปล่อยวาง พนักงานที่เราจ้างมา ก็ต้องหัดไว้ใจเขา ให้เขาได้ลอง ผิดถูกว่ากัน จากเดิมที่ไม่เคยวาง พอเริ่มรู้จักปล่อย ชีวิตก็ง่ายขึ้น พนักงานก็ชอบ ภูมิใจที่ทำกันได้ โดยเราไม่ต้องไปวุ่นวายกับเขา แล้วก็ทำให้เราได้เล่นกอล์ฟเกือบทุกวัน ถ้าวันไหนมีนัด ก็ขอให้ได้เล่นบ้าง กี่หลุมก็เอา”

เมื่อถามเรื่องเคล็ดลับการทำงาน คุณติ่งบอกว่า “ถ้ามั่นใจ จะทำอะไรก็ทำเลย ทำทันที ไม่รอ ใช่ไม่ใช่ รับผิดชอบเอง” ตามวิสัยของสาวหัวใจสายบู๊ ส่วนเรื่องชีวิตนั้น “ใช้ใจบริหาร ครอบครัวคือใจ ครอบครัวคือที่สุด วงนอกออกมาคือญาติพี่น้อง ส่วนเรื่องงาน คนมักจะรู้ว่าเราใจนักเลง แล้วส่วนใหญ่มีจะมีพลาดกันบ้าง แต่คู่ชีวิตที่ดีก็คอยประคองกัน เวลาเราพลาดก็จะมีคนคอยเติมให้สมบูรณ์ ไม่ว่าจะเรื่องครอบครัวหรืองาน อยู่กันสองคนก็คอยช่วยกัน”

และเมื่อคุยถึงกีฬาโปรด คุณติ่ง ก็เล่าให้ฟังว่า

“จริงๆ แล้วเกลียดกอล์ฟมาก” เพราะคุณติ่งมองว่า กอล์ฟเป็นกีฬาที่ ฟุ่มเฟือย เสียเวลา กอล์ฟทำให้เธออยู่นิ่งๆ กับตัวเธอได้ ทำให้สงบจิตสงบใจในส่วนที่กำลังว้าวุ่นได้ ลองไปตีกอล์ฟ ไม่อยากเล่น แต่เมื่อลูกค้าแนะนำก็ไม่อยากขัดใจ ลูกค้าที่เล่นกอล์ฟก็อยู่ดึก เลยยิ่งรู้สึกว่าไม่ชอบกอล์ฟเข้าไปใหญ่ จนกระทั่งตัดสินใจไปเรียน โปรนัดสอนส่วนตัว พอซ้อมได้ 10 ครั้ง ก็เริ่มออกรอบ ไปด้วยกันทั้งสามีภรรยา หลังจากนั้นก็เริ่มติดกอล์ฟกันแบบหนึบหนับเรื่อยมา

“เช้ารีบเข้าออฟฟิศ รีบเคลียร์งาน 10 โมงรีบออกไปเล่นกอล์ฟ ถ้าไม่มีสนามไหน ก็หน้าบ้านเลย ปัญญาอินทรา เคยขับรถกันไปถึงสนาม เอาถุงกอล์ฟลงแล้วไม่ได้เล่น เพราะต้องเป็นเมมเบอร์เท่านั้น ด้วยความโมโหและอยากเล่น ก็ดิ้นรนไปหาซื้อเมมเบอร์มาจนได้” คุณติ่ง เล่าประสบการณ์ความคลั่งไคล้กอล์ฟกันแบบเข้าเส้นของครอบครัว

แต่การเริ่มให้ลูกได้เริ่มเล่นกอล์ฟนั้น กลับไม่ราบรื่นนัก

“ครอบครัวเราชอบเล่นกีฬา โดยเฉพาะกอล์ฟ แต่กอล์ฟต้องมีก๊วน แล้วก๊วนที่ใกล้ที่สุด บังคับได้มากที่สุดก็คือ ลูก เคยบังคับจนลูกต้องร้องไห้ไปเรียนกอล์ฟ แต่หลังๆ มากลับเป็นแม่เองที่ต้องร้องไห้ เพราะกว่าลูกจะเลิกต้องเฝ้ากันที 7-8 ชั่วโมง แต่นั่นก็เพราะอยากให้ลูกเล่นกีฬา ทำให้ลูกมีสมาธิ ทำให้เด็กมีความรู้เรื่องแพ้ชนะ แล้วเลือกกอล์ฟก็เพราะคุณหมอแนะนำว่าเหมาะกับเด็กสมาธิสั้น ซึ่งลูกชายก็ชอบอย่างจริงจังด้วย”

“ตอนให้ลูกเล่นจริงจังอายุราว 11-12 ปี ซึ่งตามตำราบอกไว้ว่าสรีระพร้อมสำหรับการเล่นกอล์ฟ ถ้าเด็กไป เล่นแล้วเจ็บ กลัวเขาจะเข็ด”

ช่วงที่ทุ่มเทให้กับลูก พ่อแม่ กลับห่างจากกอล์ฟ ทุกเย็นไปรับลูก บ่ายสามเข้าสนามไดร์ฟ อยู่จนถึงทุ่มสองทุ่ม มีความสุขกับการดูวงลูกมากกว่าได้เล่นเอง ทุ่มเทกันทั้งพ่อและแม่

“เวลาแข่ง คือช่วงที่ยากลำบากที่สุด เราไม่มีเวลาส่วนตัวกันเลย แต่ไม่ได้เครียดกับผลการแข่ง จะเป็นยังไงไม่เคยกังวล ลูกไปซ้อมก็เดินตาม ถ้าลูกสุขแม่สุขด้วย ส่วนคุณพ่ออาการหนักกว่าคุณแม่อีก ตามคุณลูกตลอดไม่เคยพักเลยแม้แต่แมทช์เดียว”

“การได้เห็นลูกจาก 0 แล้วค่อยๆ ไต่ขึ้นไปอย่างมั่นคง เขาไปได้เรื่อยๆ เราก็มีความสุข แล้วเวลาเล่นจะเจออุปสรรคแบบไหนก็ขึ้นอยู่กับตัวของเขาเองเป็นตัดสินใจ เรามีหน้าที่แค่คอยสนับสนุนก็พอ อยากบอกพ่อแม่ทุกคนว่า เด็กอยากเล่นได้ดีกว่าเราอีก เวลาอยู่ในสนามเขาอยากได้มากกว่าเรา ถ้าเราอยากได้ขอให้ลองลงไปตีเองแล้วจะเข้าใจ พวกเรารักลูกมาก แต่อยากให้ความรักนั้นอยู่ในขอบเขต ปล่อยให้ลูกเข้าผ่านไปสู่กฎกติกามารยาท ให้เขาได้เรียนรู้เอง ผิดถูกให้กรรมการเป็นผู้ตัดสิน หรือถ้ามีการตัดสินผิดพลาด มันก็มีกระบวนการมีระบบที่จะจัดการ แล้วเมื่อมีข้อผิดพลาดก็อย่าไปมองว่าเป็นการโกง ความผิดพลาดเกิดขึ้นได้เสมอ ปล่อยให้เขาได้ตักเตือนกันเอง ผู้ใหญ่อย่ามาตีกันเลย”

เมื่อลูกไปอยู่เมืองนอก พยายามคัดตัวเข้าทีม แต่ยังไม่ได้ แม่ก็บอกเสมอว่า “ซ้อมสิ่ครับ” เรื่องแบบนี้แม่ช่วยไม่ได้ แล้วเขาก็ซ้อมทุกวันจริงๆ กลับมาบ้านก็ยังซ้อม นี่แหล่ะคือความภาคภูมิใจของแม่ที่เห็นว่าลูกรักกีฬากอล์ฟจริง แล้วกอล์ฟไม่มีวันตาย เล่นได้ตลอด

เมื่อเป็นคนในแวดวงกอล์ฟมานาน จนหลายๆ คนคุ้นเคย คุณติ่ง จึงได้รับเกียรติทาบทามจากโปรเปิ้ล (สาริณี เล็กสุวรรณ) ให้เข้ามาช่วยงานในสมาคมกอล์ฟอาชีพสตรี ในตำแหน่งอุปนายก

“ตอนเข้าไปช่วยงานสมาคมฯ ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าตำแหน่งอุปนายกฯ คืออะไร รู้แค่ว่าศักยภาพของเราคือการหาผู้สนับสนุน นำสิ่งดีๆ ที่สมาคมกอล์ฟอาชีพสตรีมีอยู่ไปบอกเขา ทุกคนมักจะมองว่า พอเป็นสมาคมฯ อาชีพ ก็ทำเอง หาเองสิ่ แต่เราต้องช่วยกันส่งเสริม ไม่งั้นจะเป็นอาชีพได้อย่างไร หลายๆ ฝ่ายเขาเห็นแต่ก็ต้องดูเรื่องงบประมาณด้วย อยากเห็นหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เข้ามาช่วยเหลือวงการกีฬาให้มากขึ้น อย่างเราถนัดเรื่องกอล์ฟก็ดูเรื่องกอล์ฟ กีฬามันทำให้คนจิตใจดีตั้งแต่เด็กจนโต แล้วทุกอย่างก็จะดีตามไปด้วย”

และเมื่อถามเคล็ดลับความสุขในครอบครัว คุณติ่ง ก็ได้เผยกฎกติกาพิเศษที่ทำให้ครอบครัวอยู่กันอย่างสงบสุข

“อย่าเอาเรื่องงานมาคุยที่บ้านค่ะ บ้านมีไว้พักผ่อน มีไว้เพื่อดูแลคนในครอบครัว หากเรานำเรื่องหนักๆ ภายนอกเข้ามาในบ้านแล้ว ความสงบสุขก็จะไม่เหลืออีกต่อไป เวลาที่เราเผลอคุยเรื่องงานในบ้าน คุณลูกก็จะคอยยกมือบอกว่า ผิดกติกาๆ นั่นจะทำให้เรานึกขึ้นได้ และมีรอยยิ้มกลับเข้ามาในทันที เรื่องงานถึงแม้จะสำคัญสักแค่ไหน แต่ไม่มีทางเทียบได้กับครอบครัวเลยค่ะ”