วังเวียง ถึง เวียงจันท์
วังเวียง ถึง เวียงจันท์
หลังจากผ่านความทุกข์ทางจิตมาเป็นปี เมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทางทั้งกายใจก็ขอไปย่ำต่างแดนกันซะหน่อย ความจริงทริปนี้คิดกันมาเกือบ 2 ปีเข้าไปแล้ว สุดท้ายก็มาลงตัวเมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี่เอง สี่วันสามคืนใน สปป.ลาว มันคุ้มค่ากับการรอคอย การเดินทางเราไปจากดอนเมืองด้วย แอร์เอเชีย แบบสบายโลด เครื่องออกราวเที่ยงครึ่ง แอร์ชุดแดงยังบอกเรื่องความปลอดภัยไม่เสร็จกัปตันแจ้งว่าเกือบถึง “เวียงจันท์”เข้าไปแล้ว อาหารการกินไม่ต้องมีแบบนั้นมันก็ดีเหมือนกัน ใครจะกินอะไรก็สั่งไว้ก่อน เดี๋ยวสาวชุดแดงก็เอมาส่ง
ชั่วโมงนิดๆเครื่องก็ร่อนลงที่เวียงจันท์อันเป็นเมืองหลวงของ สปป.ลาว เสร็จการตรวจเรียบร้อยก็บ่ายสองไม่ถึงครึ่ง ก๊วนนี้ไปกันเกือบ 30 ชีวิต อายุอานามก็มีตั้งแต่ 40 ปลายๆยันเกือบ 70 ก็มีสนุกครับ ทุกคนดูจะไม่พยายามเป็นภาระซึ่งกันและกันครับ แต่ด้วยความเป็นห่วงก็ต้องดูแลกันเป็นเรื่องปกติ ซึ่งความจริงลองนึกดูผู้สูงอายุ หากเกิดอะไรขึ้นมาก็งานกร่อย ดูแลกันตอนนี้ดีกว่าแบกหามกันไปทั้งทริป
อาหารมื้อแรกก็ต้อง “เฝอ”ว่ากันว่าร้านนี้เขาเด็ดขาดมากเป็นมือวางอันดับ 1 ของเวียงจันท์ เอาแบบนี้นะครับพอได้ไม่ลำเอียงว่าของเขาของเรา รสชาติก็ไม่ฉูดฉาดอะไรมากมายนัก เครื่องปรุงก็แปลกตาโขอยู่ ที่ขาดไม่ได้ก็กะปิกับผักรวมๆกันมา ชามละ 80 บาทก็อิ่มเหมือนกันนะ แต่เส้นที่ลวกมาดูว่าจะแข็งแรงไปหน่อย จะเคี้ยวก็ออกแรงบดขยี้นิดนึง ส่วนหมู, ไก่, เนื้อ น่าจะมีครูดีอยู่ คือ “ดูว่าเหนียว” แม้จะสิ้นลมไปแล้ว
มุ่งสู่วังเวียง
จากเวียงจันท์ถึงวังเวียงระยะทางราวๆ 150 กว่าโล แต่การเดินทางก็ 3 ชั่วโมงแก่ๆเข้าไปนั่น ถนนหนทางคดเคี้ยวไปตามสันเขาสูงต่ำ ด้วย สปป.ลาว พื้นที่ 70 เปอร์เซ็นต์เป็นเทือกเขาน้อยใหญ่ ดังนั้นจึงเหมือนนั่งเปลมากกว่ารถบัสสี่สิบที่นั่งที่เราโดยสารมา ซ้ายขวาหน้าทิ่มหน้าเงยเอียงแล้วเอียงอีกสนุกดีเหมือนกัน จากถนนสองฝั่งไปกลับสวนไปสวนมาบางทีก็เบรคแบบเสียบขาดเล่นเอาซีดไปตามๆกัน
แต่ที่ท้ายรถก็มีการต่อสู้กันด้วยไพ่แบบ “สนุกกัดกัน” หกเจ็ดคนสนุกกันไปตามทางแค่ 20 บาท ฮากันไป หลายคนเล่นไปได้ไม่ถึง 50 กิโลก็มีอันต้องพังพาบไปก่อน ก็คิดดูนะลุ้นไพ่ในขณะที่รถโคลงไปมาตลอดเวลา ถ้าไม่แน่จริงก็เสร็จคือ “อ้วก” นั่นเอง จากเจ็ดแปดคนก็เหลือ 4 คนที่สู้ได้แต่ก็เจียนไปเจียนอยู่ สรุปได้ว่าแต่ละคน “ไม่คุ้มค่ายาแก้ปวดหัว” ส่วนตลอดเส้นทางจากเวียงจันท์สู่วังเวียงก็เป็นถนนที่มีบ้านอยู่เป็นระยะสลับป่าโปร่ง น่าสนใจครับเส้นทางนี้ เพราะถนนนี้ต้องวางแผนในการเดินทางคือ ยาหอม ยาลม ยาดม ยาดูด ต้องครบ ขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งอาจถึงหยอดน้ำข้าวต้มกันเลยทีเดียว…
ถึงวังเวียง
คณะเราย่างเข้าวังเวียงก็ปาเข้าไปบ่ายแก่ๆเข้าไปแล้ว สังเกตว่าเมืองนี้ภาษาที่มีมากพอกับภาษาลาวเจ้าบ้าน นั่นคือ “ภาษาเกาหลี” ก็พอฟัดพอเหวี่ยงครับ ไม่ผิดครับ “ภาษาเกาหลี” เป็นอีกภาษาที่ดูว่าจะมีมากกว่าอังกฤษเสียอีก มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ แล้วเหตุใดจึงมีผู้คนในเกือบจะอีกภูมิภาคของโลกมารวมพลกันมากมายนัก จากการสอบถามชาวบ้านที่เป็นผู้อาศัยพื้นถิ่นน่าจะได้ความว่า “เกาหลี”ได้เสนอความช่วยเหลือต่อรัฐบาลกับรัฐบาล อันนำเอาธุรกิจการท่องเที่ยวมาสู่ สปป.ลาว
เรื่องของการท่องเที่ยวก็เป็นแนวลุยๆหน่อยมีตั้งแต่ล่องแก่งด้วยแพหรือเรือ “คยัก” นั่งสลิงไปตามยอดไม้สูงๆ และรถคาร์ทขนาดใหญ่ไปตามทางฝุ่นหรือใครกระเป๋าหนักก็ “บอลลูนลมร้อน”ก็เป็นอีกทางเลือก แต่ถ้าจะเด็ดสุดก็นั่งเครื่องร่อนปีกสามเหลี่ยมร่อนไปมาเหนือสายน้ำอันใสสะอาด แต่กลุ่มของเราทุกอย่างจะเกิดขึ้นอีกวันต่อจากนี้
ส่วนเรื่องของชาวฝรั่งมังค่าก็เน้นพวกสะพายของมาเที่ยวแบบแยกไม่ออกว่าคนหรืออูฐกันแน่ ถ้าคิดไม่ผิดเจ้าของประเทศอาจจะได้อะไรเพียงน้อยนิดเท่านั้นเมื่อเทียบกับมูลค่าที่มีอยู่ คงใกล้เคียงกับทัวร์ศูนย์เหรียญของเราแน่นอน แต่จะทำอย่างได้กับเวลานี้อะไรที่พอจะหาได้ก็ต้องเอาไว้ก่อนครับ “เมืองวังเวียง”นี้หากจะคล้ายก็คงเป็น จ.อุดร เมื่อราว 30 กว่าปีก่อน ชีวิตชาวเมืองอยู่กันแบบเรียบง่ายไม่ยุ่งยากอะไรเลย เมืองอยู่บนฝั่งหนึ่งของแม่น้ำส่วนอีกฝั่งก็เป็นป่าล้วนๆสลับภูเขาสูง
แม่น้ำเป็นเหมือนหัวใจของวังเวียงก็ว่าได้ เพราะบรรดากิจกรรมเกือบจะทั้งหมดล้วนต้องมีแม่น้ำเป็นจุดเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน ก็อย่างที่เรียนไปแล้วว่าธุรกิจการท่องเที่ยวอาจอยู่ในมือของเกาหลีเกือบทั้งหมด ตั้งแต่รถเรืออาหารเป็นสัญชาติเกาหลีล้วนๆ เวลาล่ามเกาหลีคุยกันกับชาวลาวพี่ไทยเราก็ฟังออกเหมือนกัน เรื่องของอาหารการกินก็นำอยู่หลายโค้งนัก ซึ่งความจริงหากอาหารไทยหากมาแพร่หลายยังวังเวียงแล้วละก็คงเพิ่มสีสันกับเมืองนี้อีกโขอยู่เหมือนกัน…
แต่คงเป็นเพราะ สปป.ลาวกับไทยคงมีอะไรลึกๆกันมาในอดีต ซึ่งจริงเท็จอย่างไรก็ยากจะตัดสินชี้ขาดลงไปได้ ดังนั้รบรรดาอาหารของที่นี่จึงกระเดียดไปทางแถบตระกูล “เหงียน”ซะมากกว่า อ้ออีกอย่างที่ชาววังเวียงมักจะขายกันคือ “โรตี” แบบบ้านเรานี่แหละ เชื่อมั้ยในระยะถนนแค่ 50 เมตรอาจมีร้าน “โรตี”มากกว่า 5 ร้านเข้าไปนั่น แล้วมันมีเหตุและผลอย่างไรกับอาหารเช้า สาย บ่าย ค่ำ ทำไมต้องเป็น “โรตี” ฉบับนี้หมดเนื้อที่เพียงนี้คราวหน้าแซ่บเว่อแน่นอน
ครูไก่ ลำพอง ดวงล้อมจันทร์