จำกัด ศิริพูนทรัพย์
จำกัด ศิริพูนทรัพย์
ประธานชมรมกอล์ฟธรรมศาสตร์
“สุขภาพดีไม่มีขาย อยากได้ต้องสร้างเอง”
สมัยก่อนผมชอบเล่นกีฬา อยากเล่นฟุตบอลให้เก่ง แต่ความรู้ทางกีฬาของบ้านเมืองเราในตอนนั้นยังน้อยมาก ยังไม่มีโรงเรียนสอนกีฬาโดยเฉพาะ หรือให้คำแนะนำอย่างถูกวิธี ต้องเรียนรู้แบบลองผิดลองถูกกันเองทุกเรื่อง ถึงแม้จะได้ดูรายการกีฬาทางทีวีบ้าง แต่ก็ยังไม่ได้พัฒนาอะไร แค่เป็นการร่วมสนุกร่วมเชียร์ อาหารการกินก็ยังไม่ค่อยถูกหลักโภชนาการนัก สรีระร่างกายเลยไม่ค่อยได้เปรียบคนอื่น จัดว่าตัวเล็ก แต่สมัยนั้นการเล่นกีฬาจัดรุ่นตามลำดับความสูง ทำให้ในรุ่นเดียวกันผมได้เปรียบความแกร่งจากเรื่องอายุอยู่บ้าง
พอจบ ป.4 ก็มุ่งหน้ามาเรียนต่อกรุงเทพฯ ที่โรงเรียนศิริทรัพย์วิทยา ซึ่งมีชื่อเสียงด้านกีฬาพอสมควร โดยเฉพาะบาสเกตบอล ผมก็ได้เล่นกับเขาบ้างหลังเลิกเรียน จนเข้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ผมก็เล่นกีฬาทุกอย่างแต่ไม่เด่น เพราะตัวเล็ก เล่นบาสฯ ให้คณะบัญชี พอเล่นได้แต่ไม่ถึงขนาดเป็นตัวหลัก เพราะตัวเราเล็กสู้แรงปะทะไม่ไหว ลงไปเล่นได้ตามเกมส์ บางครั้งรุ่นพี่ยังเคยให้ลงไปทำฟาวส์ 5 ครั้งติด จนกลายมาเป็นเรื่องเล่าแบบขำๆ มาจนถึงทุกวันนี้, รักบี้ก็เล่นเป็นฮุคเกอร์ ให้เขาแบกอยู่ตรงกลางแถวหนึ่ง ชนกันจนหูฉีก โดนทับโดนเตะจนน่วมทั้งตัว ตัวเล็กแต่อาศัยใจสู้
ผมไม่ค่อยเข้าเรียน อาจารย์ผู้สอนยังแทบไม่เคยเห็นหน้า แล้วผมก็ต้องสอบเช้าบ่ายๆ การเรียนปีหนึ่งสำคัญมาก จะอยู่หรือจะไปก็ตรงนี้ ถ้าผ่านปีหนึ่งไปได้ก็จะได้อยู่อีกยาว
พอปีสี่เพื่อนๆ เรียนจบกันหมด รับปริญญา ทำงาน มีเงินเดือนหมดแล้ว แต่เรายังเรียนไม่จบ เราก็เซ็ง รู้สึกเลยว่าเราต้องกลับมาตั้งใจเรียน วิชาเรียนยังเหลือเยอะก็ต้องไล่ตาม เหนื่อยหน่อยแต่ก็ต้องสู้ วันๆ นอกจากเรียนแล้วก็ไม่รู้จะทำอะไร จะให้ไปอยู่เรียนหนังสือกับรุ่นน้องๆ ก็รู้สึกอายเด็ก เพื่อนก็ไม่อยู่กันแล้ว ผมจึงต้องไปสมัครหางานบ้าง บริษัทเขาก็รับ ให้ไปลงบัญชี ถึงเงินเดือนจะน้อยแต่ก็อยากทำ แล้วก็เรียนไปด้วย เก็บวิชาที่ตกค้างอีกปีกว่าๆ ก็ครบกำหนด เพื่อนๆ ก็ดีใจว่าเราเรียนจบได้ซะที
ผมเกิดในครอบครัวคนจีน อาชีพค้าขายจึงเป็นเรื่องยอดนิยมในหัวอยู่แล้ว ที่บ้านผมทำอาชีพสวนยาง ทางบ้านให้อิสระกับชีวิตผม ไม่บังคับให้ทำอะไร หรือบังคับให้กลับไปช่วยงานบ้าน อยากจะทำอะไรก็ปล่อยให้ทำเต็มที่
หน้าที่การงานต้องปรับเปลี่ยนตามอายุตามพัฒนาการของเรา ต้องก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ แต่สิ่งหนึ่งที่คิดในช่วงนั้นคือ ไม่อยากเรียนต่อ รู้สึกเบื่อมาก อยากทำงานให้เก่ง ทำให้ชีวิตมีรายได้มากขึ้น มีครอบครัวที่ดีก็พอแล้ว ซึ่งสิ่งนี้ได้มาทบทวนภายหลังแล้วว่าเป็นความคิดที่ผิด รู้สึกเสียดายว่าถ้าตั้งใจอีกนิดเดียว ความรู้เราก็จะเพิ่มขึ้น พัฒนาชีวิตให้ก้าวหน้าขึ้นไปอีกได้เรื่อยๆ
ผมเป็นคนทะเยอทะยาน ถ้าจะทำอะไรก็เหมือนกับเล่นกีฬา เมื่อเริ่มเล่นแล้วก็ต้องสู้ไปข้างหน้าเต็มที่ ทำไปได้สักพักก็รู้สึกว่าชีวิตเริ่มเข้าที่เข้าทางเมื่อมีผู้ใหญ่ให้การสนับสนุน โอกาสบางครั้งหาไม่ได้ง่ายๆ เมื่อผ่านมาแล้วก็ควรต้องคว้าเอาไว้ แต่ผมเองก็ปล่อยให้ผ่านไปหลายต่อหลายครั้ง เพราะความรักสนุก ชอบเล่นกีฬา ชอบเล่นกอล์ฟ งานอะไรดีๆ จะเข้ามาก็ไม่เอา ขอเล่นกอล์ฟก่อน แล้วนิสัยการเลือกกีฬาเป็นเรื่องสำคัญนี้ ก็ยังรวมไปถึงคนเล่นกีฬาชนิดอื่นๆ ด้วย ซึ่งมักจะเลือกทำในสิ่งที่ชอบมากกว่าจะเลือกทำในสิ่งที่อาจจะสร้างรายได้แต่ไม่ชอบก็เป็นได้ แต่สิ่งสำคัญที่เห็นได้ชัดจากการเลือกเล่นกีฬาก็คือ เราได้สุขภาพที่แข็งแรง สุขภาพจิตที่ดีติดตัวมาด้วย
ผมทำงานอยู่ได้ไม่นานเท่าไหร่ ก็มีผู้ใหญ่เห็นว่าผมชอบเล่นกีฬา ก็ชวนผมไปลองหัดเล่นกอล์ฟ ตอนนั้นผมยังไม่มีอะไรเลย ท่านก็ให้ยืมเหล็กมาเล่น ผมแอบมองคนที่เล่นเป็นแล้วก็หัดตาม อาศัยที่ใจชอบเล่นกีฬา มีทักษะทางกีฬา เริ่มไปได้ไม่นานก็พอตีได้ ตอนนั้นยังไม่มีทุนก็มีคนใจดีให้บ้างยืมบ้าง เล่นไปตามสภาพ แล้วผมก็เริ่มชอบกอล์ฟมากขึ้นเรื่อยๆ
นักกอล์ฟมือใหม่ใครๆ ก็ชอบ ทั้งลูกค้าทั้งเพื่อนๆ ชวนให้ไปเล่นด้วยตลอด ผมก็นักสู้ ใจถึง ถึงไหนถึงกัน เสียเวลาไปกับการเล่นกอล์ฟเยอะมาก แต่ก็ทำให้ได้รู้จักคนมากด้วยเช่นกัน ถ้าคิดย้อนกลับไป ผมว่าเวลาที่ใช้กับกอล์ฟน่าจะถึง 1 ใน 3 ของชีวิตเลยด้วยซ้ำ ยังเคยคิดเลยว่า เวลาที่หายไปกับกอล์ฟ ถ้าเอามาใช้พัฒนาธุรกิจคงจะดีไม่น้อย
กับกีฬากอล์ฟ ผมใช้คำว่าติดได้เลย คิดว่าให้เวลากับกอล์ฟมากเกินไปด้วยซ้ำ ยิ่งช่วงที่ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องการทำงานแล้ว เคยถึงขนาดเล่นกอล์ฟเกือบทุกวัน บางวันเล่นตั้งแต่เช้าจนค่ำ 36 หลุม กลับมาซ้อมต่ออีกจนถึงสี่ทุ่ม เช้าขึ้นมาก็เริ่มแบบนี้อีก บางช่วงติดๆ กันหลายวัน ส่วนมากก็จะไปกับเพื่อนๆ กลุ่มเดิม สมัยนั้นเล่นที่สนามกอล์ฟเอกชัยกันเป็นประจำ
บางคนอาจจะบอกว่า กอล์ฟ ช่วยสร้างคอนเน็คชั่น แต่สำหรับผม ถึงกอล์ฟจะทำให้รู้จักคนมากขึ้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะใช้กีฬานี้เพื่อเจอคนที่ดีได้เสมอไป เพราะการเล่นกอล์ฟทำให้รู้จักตัวตนกันมากขึ้น เวลาเล่นสิ่งที่แสดงออกมาโดยไม่รู้ตัวนั่นคือความจริงที่สุด ทุกคนมองกันออก ไม่ว่าจะเราหรือเขา ผมจึงไม่คิดใช้กีฬากอล์ฟมาสร้างคอนเน็คชั่น แต่จะใช้กอล์ฟเพื่อการสร้างความสัมพันธ์อันดี เพื่อการพักผ่อน เล่นเพื่อความสนุก เป็นกีฬาที่ใช้วัดความสามารถของเรากับเพื่อนๆ
ในชีวิตการทำงานนั้น ผมเริ่มงานแรกจากบริษัททางด้านไฟแนนซ์ ทำงานเติบโตขึ้นจนได้รับความไว้วางใจ มีการรวมกลุ่มกันตั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ แล้วเมื่อมีการเติบโตก็แยกย้ายกันไปพัฒนาธุรกิจของตัวเองต่อ ผมเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ของบริษัทยนตรกิจ แล้วก็ทำงานด้วยกันต่อเนื่องมาตั้งแต่รุ่นพ่อจนมาถึงรุ่นลูก เขาก็เห็นมาตลอดว่าเราทำธุรกิจกันแบบตรงไปตรงมา ตลาดรถยนต์ปัจจุบันมีการแข่งขันสูงมาก ผิดจากในอดีตที่ทำธุรกิจง่ายกว่ามาก คู่แข่งยังมีน้อย ยิ่งธุรกิจของเรามีความจริงใจ บริการดี ซื่อสัตย์ และอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า ทำให้บางรายซื้อรถกับผมไปแล้วกว่าร้อยคัน จนถึงทุกวันนี้ก็ยังซื้อขายกันอยู่
ปัญหาอย่างหนึ่งของการทำธุรกิจปัจจุบันก็คือ พนักงานไม่ค่อยจะมีความอดทน หรือมีพยายามมากเหมือนสมัยก่อน ซึ่งเป็นเรื่องยากมาก จนกลัวว่าต่อไปอาชีพนี้คนไทยจะไม่ทำ ผมบอกเสมอว่า ทุกวันนี้เขามีโอกาส มีประสบการณ์ นั่นคือการเรียนรู้ จำไว้เลยว่าลูกค้าซื้อหรือไม่ซื้อก็ต้องคุยกับเขา ลูกค้าต่อว่านั่นคือประสบการณ์ เขาว่าเราเพราะอะไร ต่อว่าเรื่อยเปื่อยหรือมีประเด็น เพราะอะไรเขาถึงต่อว่า เราก็ต้องนำกลับไปคิด แล้วการที่ถูกต่อว่าเราก็ไม่เห็นจะเจ็บตรงไหน เมื่อจะค้าขายก็ต้องรู้จักอดทน เมื่อผ่านวันนี้ไปแล้ว อีกหลายๆ ปีข้างหน้า คุณจะรู้ว่านั่นคือสิ่งล้ำค่าทั้งนั้น แต่ปัจจุบันคนมักจะไม่ค่อยคิดเรื่องนี้ มักจะสนใจแค่ว่าต้องแต่งตัวดีๆ เงินเดือนสูงๆ งานหนักหน่อยก็ไม่สู้ ซึ่งงานแบบนี้ไม่มีง่ายๆ หรอก คนสมัยก่อน จบ ป.6 ก็ทำงานได้เก่งแล้ว แต่พอสมัยนี้ ปริญญาโท ยังหางานทำได้ยากเลย ค่านิยมของคนมันเปลี่ยนไป ความอดทนของคนมันน้อยลงทุกที
ถ้าถามว่าผมจะวางมือทางธุรกิจเมื่อไหร่ คำตอบนี้ตอบยากนะ เพราะสังคมของบ้านเรานั้น โดยเฉพาะครอบครัวคนจีน จะมีความห่วงใยกันตลอด ไม่ว่าจะเติบโตกันสักแค่ไหน สิ่งนี้ก็ยังคงอยู่ในใจเสมอ ความผูกพันยังคงมีให้กัน ยังไงๆ พ่อแม่ก็ไม่มีวันหมดห่วงลูกหลาน ต่อให้อายุแค่ไหนแล้วก็ตาม นอกจากธุรกิจแล้ว กิจกรรมทางสังคมผมก็ยังให้ความช่วยเหลือมาโดยตลอด สิ่งใดที่ทำได้ ช่วยได้ ผมทำเต็มที่ กิจกรรมไหนดูแล้วว่าดีมีประโยชน์เพื่อส่วนรวม ผมยินดีช่วยเสมอ ช่วยคนที่เราเห็นว่าเขาจำเป็น สนับสนุนให้ทุนการศึกษา สร้างห้องสมุด ศูนย์อินเตอร์เน็ต ฯลฯ
ผมเป็นกรรมการกอล์ฟให้กับสมาคมธรรมศาสตร์มาหลายปีแล้ว เพราะเรื่องกอล์ฟ ทำให้ผมเข้าสมาคมฯ ตั้งแต่ยังอายุไม่มากนัก ผมทำงานให้สมาคมฯ มาแล้วยี่สิบกว่าปี ทำทุกเรื่องที่เกี่ยวกับกอล์ฟจนกระทั่งเป็นเลขาฯ ชมรมกอล์ฟธรรมศาสตร์ มีประธานมาแล้วหลายท่าน จนผมขึ้นมาทำหน้าที่เป็นวาระที่ 2 แล้ว สมาคมธรรมศาสตร์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ก่อตั้งเพื่อช่วยเหลือศิษย์เก่าของเราและสังคมในทุกๆ ด้าน ซึ่งชมรมกอล์ฟ ก็เป็นส่วนหนึ่งในนั้น สำหรับในส่วนของผมก็อาศัยกอล์ฟเป็นเครื่องมือในการทำกิจกรรมเพื่อหาทุนในการช่วยเหลือ เรามีการแข่งขันกอล์ฟของชมรมฯ ปีละ 6 ครั้ง แล้วเรายังแข่งกับสถาบันอื่นๆ อีก อย่างเช่น กอล์ฟประเพณี จุฬา – ธรรมศาสตร์ ผมก็เริ่มทำมาตั้งแต่ครั้งที่ 8 จนมาถึงปัจจุบัน จนพวกเรารู้จักกันหมด
จะเล่นกอล์ฟดี ต้องสุขภาพดีก่อน ผมดูแลสุขภาพด้วยการเดิน และคุมอาหาร เลือกทานในสิ่งที่มีประโยชน์ และเว้นสิ่งที่อาจทำให้สุขภาพแย่ลง สุขภาพจิตยิ่งต้องดูแล อย่าไปคิดอะไรมาก เมื่อวานก็ผ่านไป วันนี้ก็ปัจจุบัน พรุ่งนี้ก็อีกเรื่องนึง อะไรที่ยังไม่เกิดก็อย่าไปคิดอย่าไปห่วงจนเกินควร ทุกคนย่อมมีปัญหาหมด ใครบอกไม่มีปัญหาผมไม่เชื่อ แต่ว่าปัญหานั้น จะผ่านไปได้อย่างไร หรือจะเก็บมันได้อย่างไร สิ่งนั้นสำคัญกว่า สำหรับผมก็แค่พยายามทำใจ แล้วก็อาศัยการออกกำลังกายซึ่งช่วยได้เยอะมาก บางครั้งเครียดๆ พอเหนื่อยๆ ได้เหงื่อความเครียดก็ลดลง ยิ่งข่มใจให้ได้ ก็ยิ่งทำให้มีความสุขใจ
คนอาจจะไม่ชอบกีฬา เพราะทั้งร้อนทั้งเหงื่อทั้งเหนื่อย แต่สิ่งเหล่านี้จะทำให้คุณมีชีวิตที่ดี มีคุณภาพ อย่างผมเองก็ตั้งใจไว้ว่า จะเล่นกอล์ฟต่อไปเรื่อยๆ ให้นานที่สุด เพื่อนๆ รุ่นเดียวกันหลายคนเปลี่ยนแปลงไปเยอะ เพราะเขาอาจจะไม่มีเวลาให้กับตัวเอง แต่สำหรับผม ผมจัดเวลาให้กับการออกกำลังกายให้สม่ำเสมอไม่มีขาด เพราะถ้าเราขี้เกียจเมื่อไหร่ จะเริ่มต้นใหม่อีกครั้งมันยากมาก แต่ถ้าทำอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ มันเป็นเรื่องง่าย อย่างผมเดินทุกวัน ฝนตกก็ไป แค่หาอุปกรณ์ป้องกันเล็กๆ น้อยๆ ก็ไม่เป็นอุปสรรคแล้ว
ทุกวันนี้ข่าวสารก็ผ่านเข้ามาหาเราเยอะมาก เรื่องไร้สาระก็มี แต่เรื่องดีๆ มีประโยชน์ก็เยอะ ถ้ารู้จักแยกแยะแล้วนำมาปฏิบัติ ก็ทำให้ชีวิตเราอยู่ดีมีสุขอย่างแท้จริงได้ อย่างเช่นมีคนบอกว่า ถ้าเราเดินวันนี้ คือการออกกำลัง แต่เดินวันพรุ่งนี้ คือการทำกายภาพ นั่นคือสิ่งที่ต่างกันเยอะมาก สุขภาพดีไม่มีขาย อยากได้ต้องสร้างเอง ดังนั้น จงดูแลตัวเราเองก่อนที่จะถึงจุดที่ต้องให้ใครมาบังคับให้เราทำ นั่นคือสิ่งผมพยายามเตือนคนรอบข้างอยู่เสมอ ดังนั้น เมื่อเดินได้จงเดินก่อน อย่าปล่อยให้เดินไม่ได้แล้วต้องให้คนมาช่วยคุณเดินนะครับ