Interview

นนภา ปัฐน์ฐานันท์

นนภา ปัฐน์ฐานันท์
EASY ENGLISH
อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา

เมื่อชีวิตไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด ความจำเป็นและความสำนึกในหน้าที่ คือเสียงที่คอยกระซิบให้เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ต้องรับภาระอันหนักอึ้ง กับบทบาทที่มากมายเกินวัย เกินกว่าที่เด็กในวัยเดียวกันจะรับมือไหว คอยจัดการเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านเข้ามา ทั้งของตัวเองและคนรอบข้าง ให้ผ่านออกไปได้อย่างดีที่สุด จากสติปัญญา หนึ่งสมองสองมือ และความใฝ่รู้ใฝ่ดีที่ปลูกฝังอยู่ในสายเลือดอย่างเต็มเปี่ยม

“เมื่อพ่อแม่ไม่ได้มีทรัพย์สินเงินทองมากมายไว้ให้ วิธีที่จะทำให้เอาตัวรอดได้ มีหน้าที่การงาน มีอาชีพ มีชีวิตที่ดีในอนาคต คือ การเรียนหนังสือ เพราะความรู้เป็นสิ่งที่เราสามารถเติมเข้าไปได้ด้วยตัวเองค่ะ” คุณนนภา ปัฐน์ถานันท์ หรือ “ครูเล็ก” ที่เด็กๆ คุ้นเคย เล่าให้ฟังถึงที่มาที่ไปของชีวิต

“ต้องขอบคุณ คุณพ่อ ที่วางรากฐานเรื่องการศึกษาที่ดีไว้ให้ค่ะ” ตอนเด็กๆ ครูเล็ก ได้เข้าเรียนที่โรงเรียนสกุลศึกษา ปากช่อง ซึ่งมีชื่อเสียงในเรื่องการสอนให้เด็กมุ่งมั่นในเรื่องการเรียน และมีกริยามารยาทดีเป็นหลัก ไม่ว่าจะทำอะไรก็อยู่ในระเบียบ อยู่ในกรอบ กลัวไม่ได้ทำการบ้าน กลัวขาดเรียน แล้วนิสัยเหล่านี้เมื่อปฏิบัติอยู่เป็นประจำ ค่อยๆ ปลูกฝัง ค่อยๆ หยั่งรากลึกลงไปจนติดอยู่ในจิตใจแบบไม่รู้ตัว

สมัยก่อน การสอบเข้ามหาวิทยาลัยของเด็กต่างจังหวัดที่ไม่ค่อยได้รับข้อมูลข่าวสารอะไรมากมายนัก ทุกสิ่งทุกอย่าง มักจะมีคำว่า “ไม่รู้” ปรากฏอยู่เต็มไปหมด ประกอบกับปัญหาชีวิตสารพัดที่รุมล้อมเข้ามาในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ทำให้เธอยิ่งกังวล กลัวว่าจะไม่ได้เรียนต่อ ถึงขนาดเคยวาดภาพว่า จะไปประกอบอาชีพอะไรได้บ้าง ถ้าไม่มีวุฒิ ไม่มีความรู้ นั่นยิ่งทำให้เธอมุ่งมั่นกับการเรียนมากขึ้นไปอีก

จนเมื่อผลสอบประกาศ รู้ตัวว่าติดมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คณะสหเวชศาสตร์ สาขาเทคนิคการแพทย์ ก็ยังไม่แน่ใจว่าจะดีใจได้หรือเปล่า ทั้งค่าเทอม ทั้งค่าใช้จ่าย ยังไม่รู้จะหามาจากไหน จะได้เรียนหรือเปล่าก็ยังไม่รู้ ที่บ้านก็ยังมีภาระต้องรับผิดชอบน้องๆ อีกหลายคน จะให้ส่งเสียเพิ่มอีกคงไม่ไหวแน่ แต่สิ่งเดียวที่เธอรู้ชัดๆ ก็คือ “ยังไงก็ต้องหาหนทางเรียนให้ได้ เพราะการเรียน จะแก้ปัญหาชีวิตให้แบบมั่นคงถาวรได้ค่ะ” ครูเล็ก จึงต้องหาวิธีระดมทุนแบบสู้สุดตัว ทั้งกู้ทุนเรียน ทั้งประหยัดอดออม โดยมีคุณพ่อคอยสนับสนุนอีกแรง จนสามารถเข้าไปเรียนได้

เทคนิคการแพทย์ ค่อนข้างยาก ทั้งท่องจำ ทั้งทำแล็ป เวลาอ่านหนังสือต้องคอยช็อตโน้ตเนื้อหาสำคัญ ถ้าเพื่อนอยากติวก็ช่วย ยิ่งติวก็ยิ่งจำได้ ผลการเรียนตอนปีหนึ่งยังไม่ค่อยดีนัก เพราะยังต้องปรับตัวกับสภาพแวดล้อมในทุกเรื่อง พอขึ้นปีถัดๆ มาทุกอย่างเริ่มเข้าที่ก็ดีขึ้นเรื่อยๆ

“ในใจคิดมุ่งมั่นเรื่องเรียนอย่างเดียว อยากเรียนจบแล้วหางานทำให้เร็วที่สุด จะได้รับผิดชอบภาระต่างๆ ได้ด้วยตัวเอง” ครูเล็กบอกถึงความตั้งใจ แต่ด้วยคณะฯ ที่เรียน ตอนนั้นยังเปิดใหม่ๆ นักเรียนยังไม่มากนัก ทำให้มีกิจกรรมต่างๆ ให้ช่วยกันทำเยอะมาก หนึ่งในนั้นคือการเป็นเชียร์ลีดเดอร์รุ่นแรกๆ ที่ต้องออกไปเรียนรู้วิธี ฝึกกับทีมลีดเดอร์ของมหาวิทยาลัย แล้วนำมาถ่ายทอดให้กับสมาชิกอีกที เป็นเรื่องสนุกอีกเรื่องที่ไม่คาดคิดว่าจะได้ทำอีกครั้งในรั้วมหาวิทยาลัย หลังจากเคยนำลีดมาก่อนเมื่อสมัยเป็นนักเรียนมัธยม

ผลของการตั้งใจเรียน ทำให้ครูเล็กคว้าเกียรตินิยมได้สมความตั้งใจ แล้วรีบสมัครงานเริ่มทำงานทันทีในบริษัทขายเครื่องมือแพทย์ น้ำยาตรวจ เครื่องมือในห้องแล็ป “เป็นงานที่สนุกมากเลยค่ะ เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าตัวเองมีรายได้เยอะมากจนเหลือใช้ ถึงขนาดนำเงินใส่ซองจดหมายแล้วส่งไปให้คุณยายที่เลี้ยงมาเมื่อสมัยยังเด็ก เพราะที่ผ่านมาต้องขอจากทางบ้านใช้แบบแค่พอดีๆ”

หลังจากนั้นก็ได้มาเริ่มงานกับบริษัทยา ได้โอกาสเติบโตในหน้าที่การงานอย่างรวดเร็ว จนเมื่อทำงานมาถึงจุดที่รู้สึกว่าตัวเองเหนื่อยมาก ไม่มีเวลาพักผ่อน จนคิดอยากจะเปลี่ยนวิถีชีวิตดูบ้าง ประกอบกับอุปสรรคอย่างหนึ่งที่ต้องเจอ แล้วรู้สึกว่าเป็นจุดอ่อนของตัวเอง นั่นคือ ภาษาอังกฤษ ซึ่งใครที่สามารถใช้ได้อย่างคล่องแคล่ว ก็จะได้รับผลตอบแทนจากบริษัทที่ดีกว่า ซึ่งนั่นทำให้ตัวเองต้องคิดหนักว่า เรียนมาก็เยอะ เหนื่อยมาก็มาก แล้วทำไมอุปสรรคแค่นี้จะหาทางแก้ไขไม่ได้

ถึงแม้จะลงเรียนมากแค่ไหน ให้ครูเจ้าของภาษามาสอน ก็ยังไม่สามารถใช้ภาษาอังกฤษได้ดังที่ใจต้องการ ทั้งนี้ก็เพราะยังไม่รู้หลักว่าทำอย่างไรถึงจะพูดได้ จนตัดสินใจไปเรียนต่อระดับปริญญาโท ที่ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ คณะมนุษยศาสตร์ สาขา ภาษาอังกฤษธุรกิจเพื่อการสื่อสารนานาชาติ เป็นหลักสูตรที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษทุกวัน ตอนนั้นยังคิดแค่ว่า จะเอาความรู้ที่ได้มาต่อยอดให้กับงานประจำที่ทำ

พอเรียนจบงานที่ทำก็หนักมากขึ้นไปอีก.. “ร่างกายเริ่มจะรับไม่ไหว เหนื่อยมาก เครียดมาก ถึงขนาดเคยขับรถหลับใน เจ็บไข้ได้ป่วยบ่อย ทำให้ต้องมาคิดว่า รายได้ที่ดี เป็นสิ่งเดียวที่เราต้องการในชีวิตรึเปล่า” นั่นเป็นคำถามที่ครูเล็กต้องตอบให้กับตัวเอง เพราะคิดว่ายังมีศักยภาพในการเรียนรู้เพื่อเอาวิชาทางด้านอื่นมาเพิ่มเติม “เชื่อเสมอว่า สมองมนุษย์สามารถเรียนรู้ได้ไม่มีวันสิ้นสุด”

การเป็นพนักงานขายมาตลอด ทำให้รู้จักวิธีรับมือกับปัญหาต่างๆ ตั้งแต่เล็กสุดจนถึงใหญ่สุดได้เป็นอย่างดี จึงตัดสินใจเปลี่ยนงาน หันมาเริ่มสอนภาษาอังกฤษที่อำเภอปากช่อง ด้วยความมุ่งหวังว่าเด็กนักเรียนจะได้เกรดที่ดีขึ้น พอเด็กสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ ก็เกิดความรู้สึกว่า “เราเป็นส่วนเล็กๆ ส่วนหนึ่งที่ได้ช่วยสร้างอนาคตให้เขา ดีใจไปกับเด็กๆ ด้วย ยิ่งเมื่อมีผู้ปกครองเข้ามาขอบคุณเรา ก็ยิ่งภาคภูมิใจ”.. นั่นยิ่งทำให้วิถีความเป็นครูในตัวเธอฝังลึกลงในจิตใจมากยิ่งขึ้นไปอีก

“การสอนนักเรียน ไม่ได้มองว่าแค่ให้ความรู้ แต่ยังต้องเป็นแรงบันดาลใจ เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเขาด้วย พอสอนไปเรื่อยๆ ก็จะรู้สึกว่าเด็กอยากเป็นอะไร เราก็ต้องคอยถามเรื่อยๆ เพื่อจะได้ช่วยเขาให้ไปถูกทาง ส่วนใหญ่เด็กก็มักจะยังไม่ชัดเจนในเรื่องนี้นัก หรืออาจจะนำเอาคนที่เขาชื่นชอบมาเป็นไอดอล เช่น ดาราศิลปินหลายคนก็เรียนเก่ง จบจากมหาวิทยาลัยชั้นนำ ในคณะที่ทุกคนใฝ่ฝัน เราก็เอาจุดนี้มาแนะนำกับเด็กๆ ว่า ถ้าจะเป็นอย่างคนนั้นคนนี้ จะต้องเตรียมตัวในเรื่องการเรียนอย่างไรบ้าง หรือแม้กระทั่งบางครั้งมีเด็กมาบอกว่า อยากเป็นอย่างครูเล็กบ้าง จะต้องเรียนอะไร จะต้องทำยังไง แค่นี้ก็รู้สึกดีใจแล้ว ที่เราได้เป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจให้กับเขา เป็นกำลังใจให้เราต้องทำหน้าที่นี้ต่อไป และทำให้ดีที่สุดค่ะ”

“เด็กต่างจังหวัดที่เรียนจบมหาวิทยาลัย ชีวิตเขามีความหมายมากกว่าแค่ความสำเร็จของตัวเอง เขายังต้องเลี้ยงดูครอบครัวได้ บางครั้งเห็นเด็กจากครอบครัวที่ไม่มีความพร้อม แต่เขามีความตั้งใจอยากมาเรียน ยิ่งทำให้รู้ว่า หน้าที่ของเราไม่ใช่ดูแลแค่เรื่องวิชาความรู้ แต่ยังต้องทำหน้าที่อื่นๆ อีกด้วย ดังนั้น เวลาสอนจึงพยายามตั้งใจอย่างเต็มที่ เพื่อจะช่วยทำให้เด็กๆ ได้มีโอกาสสร้างอนาคตที่ดีในภายภาคหน้าอีกด้วย”

เพื่อความถูกต้องและได้มาตรฐานของกระทรวงศึกษาฯ ครูเล็ก จึงได้จดทะเบียนเปิดโรงเรียนกวดวิชา และพยายามอัพเดทความรู้ให้ทันสมัยอยู่เสมอ เพื่อนำมาถ่ายทอดให้กับนักเรียน ประกอบกับเริ่มมีผู้สนใจให้ความสำคัญกับภาษาอังกฤษมากขึ้น ไม่ใช่แค่เฉพาะเด็กนักเรียนเท่านั้น ผู้ใหญ่ พนักงานบริษัท ก็อยากเรียนในหลักสูตรที่หลากหลาย เช่น การพูด ซึ่งถึงแม้ครูเล็กจะสอนมาระยะหนึ่งแล้ว แต่ก็อยากจะได้เทคนิคการสอนที่ทำให้ผู้เรียนพูดภาษาอังกฤษได้จริงๆ จึงตัดสินใจไปเรียนต่อยอดเพิ่มความรู้ ที่สถาบันบริติช สตัทดี้เซ็นเตอร์ โดยตั้งใจเลือกไปเรียนที่อ็อกซ์ฟอร์ด เพื่อเตรียมส่งนักเรียนไปที่นั่นด้วย เป็นหลักสูตรสำหรับผู้ใหญ่โดยเฉพาะ ชื่อย่อคือ CELTA (Certificate in English Language Teaching to Adults) เป็นการเรียนเพื่อเป็นครู ซึ่งผู้ที่ได้รับใบประกาศนี้สามารถสอนภาษาอังกฤษได้ทั่วโลก

“ตอนไปเรียนก็มีเราแค่คนเดียวที่เป็นเอเชีย ที่เหลือมาจากประเทศที่พูดภาษาอังกฤษ 8 คน และฝรั่งเศสอีก 1 คน เป็นการเรียนที่ยากมาก แต่ข้อดีคือมีแต่ผู้ใหญ่ไปเรียน ทำให้ทุกคนให้ความเคารพซึ่งกันและกัน เขายังมาถามเราด้วยซ้ำในเรื่องแกรมม่า ซึ่งเราเป็นคนเดียวที่ได้คะแนนเต็มเพราะเราเป็นครูสอนเรื่องนี้อยู่แล้ว และยังต้องอธิบายเรื่องกฏการใช้ให้กับเจ้าของภาษาให้เข้าใจด้วยซ้ำ เพราะเขาจะไม่ค่อยถนัด แต่รู้ว่าต้องใช้อย่างไรจากความเคยชิน”
“การได้ฝึกสอนนักเรียนต่างชาติที่มาจากประเทศต่างๆ ซึ่งเขาไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก ทุกคนมาที่นี่เพื่อทำให้ชีวิตให้ดีขึ้น แล้วภาษาก็เป็นอุปสรรคสำคัญที่สุดอย่างหนึ่ง หากเราทำให้เขาพูดได้ ชีวิตเขาก็จะดีขึ้นจริงๆ”

“การปรับเนื้อหาเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพราะหลักสูตรเดียวกันจะใช้กับทุกคนไม่ได้ ต้องทำพื้นฐานของแต่ละคนให้ใกล้เคียงกันก่อน ซึ่งอาจจะยากในช่วงแรก แต่เมื่อผ่านไปแล้วก็จะต่อยอดไปได้ หลักสูตรที่โรงเรียนสอนก็เหมือนกับการสร้างบ้าน เมื่อถึงกำหนดที่ต้องสร้างชั้นต่อไป ต้องสร้างหลังคาแล้ว แต่ฐานรากยังไม่มั่นคง บ้านก็จะมั่นคงแข็งแรงไม่ได้ ดังนั้นหน้าที่เราก็คือต้องคอยใส่ใจ ให้กำลังใจ คอยกระตุ้นให้ตั้งใจเรียน เพราะสมัยนี้มีสิ่งที่คอยจะดึงความสนใจให้เด็กเสียสมาธิจากการเรียนเยอะมาก”

ความรับผิดชอบตัวเอง และไม่ทำให้ตัวเองเป็นภาระของสังคม ไม่เป็นภาระของคนอื่นเป็นเรื่องสำคัญ แล้วถ้ามีแรงเหลือก็ยังสามารถไปรับผิดชอบคนในครอบครัว คนรอบข้าง รับผิดชอบสังคม สังคมก็น่าอยู่

“เด็กสมัยนี้ชอบคิดกันว่า ไม่มีงานทำก็ไม่เป็นไร บางคนเรียนจบแล้ว ไม่อยากทำงาน นอนอยู่บ้าน ก็ไม่ได้ขอเงินใคร กินข้าวบ้าน ขอตังค์แม่ แบบนี้ไม่เป็นภาระใครจริงหรือเปล่า เพราะการทำแบบนี้ย่อมต้องเป็นภาระของคนอื่น ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม ดังนั้นเราจึงต้องกระตุ้นให้เด็กรู้จักมีความรับผิดชอบต่อตัวเองและต่อคนอื่นด้วย”

เมื่อถามถึงความสุขที่สุดในชีวิตของครูเล็ก

“การได้เรียนหนังสือค่ะ ยังอยากเรียนอยู่เสมอ ยังมีอีกหลายเรื่องที่อยากรู้ สังคมไทยอาจจะมองว่าอายุเยอะแล้วทำไมต้องเรียนอีก มันยังมีอีกหลายอย่างที่เรายังไม่รู้ ไม่ใช่ต้องการรู้เพื่อเก่ง แต่ต้องการทันโลก ทันคน แล้วยิ่งเราเป็นครูเวลาเด็กมาถาม ก็สามารถให้แนวทางกับเขาได้ บางอย่างพ่อแม่ตอบเด็กไม่ได้ และเด็กก็มักจะเชื่อครู พ่อแม่ก็ให้ความไว้วางใจครู”

“ความรู้เป็นของประดับสมอง ทุกคนเกิดมาเท่ากัน พ่อแม่ให้ชีวิตมา สิ่งที่เติมมาทีหลัง ความรู้ที่เติมเข้ามา คือของของเรา ใครที่ไม่ยอมเอาความรู้ใส่ตัว ก็จะอยู่เท่านั้น ชีวิตเคยติดลบยังไง ก็จะติดลบอยู่อย่างนั้น ความรู้เป็นของที่ไม่มีใครขโมยไปได้ เรียนอะไรก็ได้ที่เราสามารถนำมาสร้างประโยชน์ให้ตัวเอง ให้คนอื่น ให้สังคม ให้ประเทศชาติ เราเริ่มทำได้เมื่อไหร่ ชีวิตก็ดีขึ้นเมื่อนั้นค่ะ”