ไม่มีหมวดหมู่

สปีธ ลุ้นแคเรียแกรนด์สแลม

สปีธ ลุ้นแคเรียแกรนด์สแลม

จอร์แดน สปีธ นักกอล์ฟอเมริกัน เตรีย เดินทางไปแข่งขัน พีจีเอ แชมเปี้ยนชิพ กอล์ฟเมเจอร์รายการสุดท้ายของปีในเดือนสิงหาคมนี้โดยมีลุ้นที่จะทำแคเรีย แกรนด์สแลม หรือ การกวาดแชมป์รายการระดับเมเจอร์ได้ครบทั้ง 4 รายการ หลังจากเพิ่งคว้าแชมป์ ดิ โอเพ่น แชมเปี้ยนชืพ หรือ บริติช โอเพ่น มาหมาดๆ

ชัยชนะของ จอร์แดน สปีธ ในศึกบริติช โอเพ่น ที่รอยัล เบิร์กเดล ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศอังกฤษนั้น นับเป็นคอลเลคชั่นแชมป์เมเจอร์รายการที่สามในอาชีพของเขาต่อจากแชมป์เดอะ มาสเตอร์ส ที่ออกัสต้า เมื่อปี 2015 และแชมป์ยูเอส.โอเพ่น ในปีเดียวกัน

การคว้าแชมป์ที่ รอยัล เบิร์กเดล เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคมที่ผ่านมานั้น ยังทำให้เขาทำลายสถิติของตำนานผู้ยิ่งใหญ่อย่าง แจ๊ค นิคลอส ด้วยการคว้าแชมป์เมเจอร์ 3 รายการที่แตกต่างกันในขณะที่อายุยังไม่ครบ 24 ปี โดย สปีธ เพิ่งอายุครบ 24 ปีไปเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคมที่ผ่านมานี่เอง

ถึงตอนนี้ นิคลอส ยังนับเป็นเพียงหนึ่งใน 5 นักกอล์ฟประวัติศาสตร์ที่คว้าแชมป์เมเจอร์ แชมเปี้ยนชิพ ครบทั้ง 4 รายการ แต่ สปีธ ก็มีโอกาสก้าวขึ้นไปเป็นยอดนักกอล์ฟกลุ่มเดียวกันได้หากเขาสามารถคว้าแชมป์พีจีเอ แชมเปี้ยนชิพ ที่เควล ฮอลโลว์ ในนอร์ธ แคโรไลน่า ที่จะเปิดฉากในวันที่ 10 สิงหาคมนี้ และถ้า สปีธ ทำได้ เขาจะกลายเป็นนักกอล์ฟที่อายุน้อยที่สุดที่ชนะเมเจอร์ครบทั้ง 4 รายการ

“มันสุดยอดมากแน่นอน นั่นเป็นหนึ่งในเป้าหมายใหญ่ในชีวิตของผมเลยทีเดียว มันเป็นเป้าหมายของอาชีพผม” สปีธ กล่าว “การได้มีโอกาสเล่นกอล์ฟและพัฒนาฝีมือมากขึ้น ผมเพียงต้องการลงเล่นในรายการระดับเมเจอร์และต้องการเป็นสุดยอดของโลก แต่สิ่งเหล่านี้มันเกิดขึ้นกับผมเร็วเกินความคาดหมาย”

ในวันสุดท้าย สปีธ ที่นำใน 3 วันแรกพลาดเสีย 4 โบกีในช่วง 9 หลุมแรก ก่อนมารีดฟอร์มในช่วง 4 หลุมสุดท้ายที่ทำ 3 เบอร์ดี้ และ 1 อีเกิ้ลที่หลุม 12 จบจบสกอร์รวมสี่วัน 12 อันเดอร์พาร์ ชนะ แมทท์ คูชาร์ เพื่อนร่วมชาติ 3 สโตรค รับเงินรางวัลกลับบ้าน 1.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 60 ล้านบาท

การออกสตาร์ทที่ไม่ดีของ สปีธ ทำให้หลายคนเริ่มนึกถึงการแข่งขัน เดอะ มาสเตอร์ส เมื่อปี 2016 ที่ จอร์แดน สปีธ ที่นำการแข่งขันอยู่ 5 สโตรค กลับพลาดแชมป์จากการเล่นเก้าหลุมสุดท้ายในวันสุดท้ายของเขา แต่ไม่ใช่ในครั้งนี้

ก่อนหน้านี้ สปีธ นับเป็นนักกอล์ฟที่อายุน้อยที่สุดเป็นอันดับสี่ที่ชนะเมเจอร์ 2 รายการที่แตกต่างกันหลังจากเขาคว้าแชมป์เมเจอร์ 2 รายการในปี 2015 และชัยชนะในรายการจอห์น เดียร์ คลาสสิก เมื่อปี 2013 ยังทำให้เขากลายเป็นนักกอล์ฟที่อายุน้อยสุดในประวัติศาสตร์ 80 ปีของยูเอสพีจีเอทัวร์

และก่อนที่จะไปชนะ ดิ โอเพ่น แชมเปี้ยนชิพ นั้น สปีธ ไปอุ่นเครื่องด้วยการคว้าแชมป์ ทราเวลเลอร์ แชมเปี้ยนชิพ เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ทำให้เขามีสถิติเทียบเท่า ไทเกอร์ วู้ดส์ ที่จะพีจีเอทัวร์ได้อย่างน้อย 10 รายการด้วยอายุที่น้อยที่สุด

“มันก็เป็นทั้งเรื่องดีและร้ายที่เข้ามา เนื่องจากมันมีอีกหลายอย่างที่ตามเข้ามาพร้อมๆกัน เพราะคุณต้องมีอะไรที่สนใจมากเพิ่มขึ้น แทนที่คุณจะมีสมาธิในสิ่งที่ควรจะเป็น หรือมีสมาธิกับสิ่งที่คุณมีอยู่ แต่ผมก็ไม่เคยประเมินค่าเรื่องเหล่านี้ต่ำเกินไปแต่อย่างใด” สปีธ กล่าว

นอกจาก แจ๊ค นิคลอส แล้ว นักกอล์ฟคนอื่นๆที่ชนะรายการระดับเมเจอร์ แชมเปี้ยนชิพ ครบทั้ง 4 รายการยังมี ไทเกอร์ วู้ดส์, เบน โฮแกน, แกรี เพลเยอร์ และ ยีน ซาราเซ่น แต่ สปีธ กลับไม่ชอบใจนักที่จะนำเขาไปเปรียบเทียบกับยอดนักกอล์ฟระดับตำนานเหล่านั้น

“ผมเพียงรู้สึกว่าผมโชคดีที่มีโอกาสได้เล่นกอล์ฟซึ่งเป็นเกมที่ผมรัก แต่ผมคงไม่ไปเปรียบเทียบตัวเองกับสุดยอดนักกอล์ฟเท่านั้น ผมไม่คิดว่ามันเป็นสิ่งที่เหมาะสมหรือเป็นสิ่งที่จำเป็นแต่อย่างใด”

“การได้เป็นส่วนหนึ่งกับยอดนักกอล์ฟเหล่านั้นแน่นอนว่ามันเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมมาก และผมย่อมยินดีมาก เนื่องจากพวกเราต้องทำงานกันอย่างหนักเพื่อที่จะก้าวไปถึงจุดนั้น และนั่นเป็นเป้าหมายของวกเรา” สปีธ กล่าว โโยเขายังเป็นนักกอล์ฟที่อายุน้อยที่สุดที่ชนะบริติช โอเพ่น นับตั้งแต่ เซวี บาเยสเตอรอส ชนะที่รอยัล ลิธั่ม เมื่อปี 1979 ด้วยวัย 22 ปี

“แต่ผมต้องระมันระวังเป็นอย่างมากในแต่ละก้าวที่เดินออกไป เนื่องจากสิ่งที่นักกอล์ฟเหล่านั้นทำไว้ให้กับวงการกอล์ฟมันคือตำนาน” สปีธ กล่าว “สำหรับผมแล้วตอนนี้นับเป็นการเริ่มต้นที่ดีมาก แต่หนทางยังอยู่อีกยาวไกล”

ชัยชนะของ สปีธ ที่ รอยัล เบิร์กเดล ยังได้รับการยกย่องจาก แจ๊ค นิคลอส ด้วย โดยตำนานกอล์ฟในวัย 77 ปี เขียนผ่านทวิตเตอร์อย่างเป็นทางการของเขาว่า “เขาชนะ 11 รายการ ส่วนผมชนะเพียง 8 รายการเท่านั้นก่อนที่จะอายุครบ 24 ปี”

“ถ้าคุณมองชัยชนะโดยรวมของเขา ชัยชนะในวันนี้หรือเส้นทางสู่ชัยชนะนั้น จอร์แดน ได้แสดงให้เห็นคือความมหัศจรรย์ แสดงให้เห็นการเจริญเติบโตอย่างเต็มที่ของเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ซึ่งเขาแสดงให้พวกเราได้เห็นแล้วจากการแข่งขันในรายการนี้” นิคลอส กล่าวในที่สุด

สรุปผลบริติช โอเพ่น (สนามพาร์ 70)
268 จอร์แดน สปีธ (สหรัฐฯ) 65-69-65-69
271 แมทท์ คูชาร์ (สหรัฐฯ) 65-71-66-69
274 ลี เฮาตง (จีน) 69-73-69-63
275 รอรี แม็คอิลรอย (สหราชอาณาจักร) 71-68-69-67
275 ราฟาเอล คาบรีร่า-เบลโล (สเปน) 67-73-67-68
276 บรู๊คส์ เคปก้า (สหรัฐฯ) 65-72-68-71
276 อเล็กซ์ นอเรน (สวีเดน) 68-72-69-67
276 มาร์ค ลีชแมน (ออสเตรเลีย) 69-76-66-65
276 แบรนเดน เกรซ (แอฟริกาใต้) 70-74-62-70
276 แมทธิว เซ้าธ์เกท (สหราชอาณาจักร) 72-72-67-65