5 นักกอล์ฟฟอร์มแรงแห่งปีในพีจีเอทัวร์ 2025
5 นักกอล์ฟฟอร์มแรงแห่งปีในพีจีเอทัวร์ 2025
โดย Paul Hodowanic
วันเวลาผ่านไปไว การชิงชัยในการแข่งขันกอล์ฟเฟดเอ็กซ์คัพ ฤดุกาล 2025 ปิดฉากลงแล้ว สิ่งที่ยังคงเหมือนเดิมตั้งแต่ต้นปีคือ สกอตตี้ เชฟเฟลอร์ ยังทำผลงานได้อย่างโดดเด่น คว้าแชมป์อย่างต่อเนื่อง
นอกเหนือจากการชัยชนะของขาประจำอย่างเชฟเฟลอร์ ยังมีการเปลี่ยนแปลงมากมาย เช่นเดียวกับการแข่งขันพีจีเอทัวร์ฤดูกาลอื่นๆ ได้เห็นดาวรุ่ง และเรื่องราวใหม่ๆ เกิดขึ้น ขณะที่นักกอล์ฟบางคนล้มเหลวและหวังใช้เวลาในช่วงฤดูใบไม้ร่วงเรียกฟอร์มเก่งกลับมาอีกครั้ง
ก่อนเข้าสู่การแข่งขัน เฟดเอ็กซ์คัพ ฟอล ขอพาไปย้อนดูผลงานของนักกอล์ฟที่ฟอร์มโดดเด่นมากที่สุดประจำฤดูกาล 2025 ว่ามีใครกันบ้าง
ทอมมี่ ฟลีตวูด
แชมป์เฟดเอ็กซ์คัพคนใหม่รู้สึกได้ถึงการเริ่มต้นที่คู่ควร ฟลีตวูดได้รับการยกย่องว่าเป็นโปรกอล์ฟระดับท็อปของทัวร์เมื่อฤดูกาลเปิดฉาก แต่นักกอล์ฟชาวอังกฤษรายนี้ได้ก้าวสู่จุดสูงสุดครั้งใหม่ทั้งในและนอกสนามในปี 2025
ความมุ่งมั่นของฟลีตวูดในการไล่ล่าคว้าแชมป์แรกในศึกพีจีเอทัวร์ ครองใจคนในวงการกอล์ฟทั่วโลก ที่ร่วมลุ้นและส่งกำลังใจให้เขาสมหวังเสียที ความปราชัยที่น่าปวดใจของเขาในการแข่งขันรายการทราเวลเลอร์ส แชมเปี้ยนชิพ และเฟดเอ็กซ์ เซนต์จู้ด แชมเปี้ยนชิพ ยิ่งเพิ่มกระแสตอบรับและความนิยมชมชอบจากแฟนกีฬากอล์ฟที่เอาใจช่วยเขามากขึ้น
แต่กระแสความนิยมชมชอบคงไม่เพิ่มขึ้นหากฟลีตวูดไม่สามารถพาตัวเองกลับสู่การลุ้นแชมป์อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งนักกอล์ฟจากแดนผู้ดี ทำให้เห็นบ่อยครั้งในปี 2025 ด้วยการยกระดับเกมการเล่นขึ้นไปอีกขั้นได้อย่างคงเส้นคงวาน่าทึ่ง จนสามารถเอาชนะผู้เล่นที่ดีที่สุดของพีจีเอทัวร์รวมถึง สกอตตี้ เชฟเฟลอร์ และรอรี่ แม็คอิลรอย พร้อมคว้าแชมป์ทัวร์ แชมเปี้ยนชิพและเฟดเอ็กซ์คัพมาครองได้สำเร็จ
ฟลีตวูดจบฤดูกาลเฟดเอ็กซ์คัพ มีสถิติทำคะแนนเฉลี่ยมาเป็นอันดับ 3 ของทัวร์ เป็นรองเพียงเชฟเฟลอร์และแม็คอิลรอย และอยู่อันดับสองของสถิติ Strokes Gained: Total เหนือกว่าแม็คอิลรอย และตามหลังเชฟเฟลอร์ นอกจากนี้ยังรั้งอันดับ 5 ด้าน SG: Approach ซึ่งเป็นสถิติดีที่สุดในการเล่นอาชีพของเขา และติดใน 20 อันดับแรกของ SG: Around the Green and Putting โดยปัจจุบันฟลีตวูด ขยับมารั้งอันดับ 6 ซึ่งเป็นอันดับดีที่สุดของเขาในการจัดอันดับโลกนักกอล์ฟอาชีพ
สรุปสั้นๆ ก็คือ ฟลีตวูดมีครบทุกอย่าง และในที่สุดก็คว้าแชมป์การันตีฝีมือสยบเสียงวิพากษ์วิจารณ์ได้สำเร็จ
เจ.เจ. สปอน
จากที่เกือบจะเสียทัวร์การ์ดจนกลายมาเป็นแชมป์เมเจอร์ และมีชื่อติดทีมไรเดอร์คัพโดยอัตโนมัติ เส้นทางนักกอล์ฟอาชีพของ เจ.เจ. สปอน เปลี่ยนทิศทางไปอย่างสิ้นเชิงในเวลาเพียง 9 เดือน
สปอนคว้าชัยชนะในการแข่งขันยูเอส โอเพ่น ได้อย่างน่าทึ่ง ด้วยการพัตต์เบอร์ดี้ระยะไกล 64 ฟุตในหลุม 18 ผงาดครองแชมป์เมเจอร์แรกได้สำเร็จ ถือเป็นผลงานที่สร้างเซอร์ไพรส์ของฤดูกาลนี้ แต่ไม่ใช่ว่าจู่ๆ ก็เกิดขึ้น โดย 3 เดือนก่อนหน้านั้น สปอนเกือบจะโค่น รอรี่ แม็คอิลรอย และคว้าแชมป์กอล์ฟ เดอะ เพลเยอร์ส แชมเปียนชิพ แต่พ่ายเพลย์ออฟไปอย่างน่าเสียดาย
สิ่งที่เกิดขึ้นย้ำเตือนให้เห็นว่าเกมกอล์ฟมีความผันผวนมากแค่ไหน และนักกอล์ฟในทัวร์หลายคนสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตได้ภายในหนึ่งสัปดาห์ ซึ่งเรื่องราวแบบนี้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้นักกอล์ฟคนอื่นๆ ในพีจีเอทัวร์และทัวร์ระดับรอง ที่พยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อเดินตามรอยสร้างชื่อให้กับตัวเองเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม สปอน ไม่ได้มีผลงานอันยอดเยี่ยมเพียงสัปดาห์เดียว เขาเป็นหนึ่งในนักกอล์ฟที่โชว์ฟอร์มสม่ำเสมอในทัวร์โดยอยู่อันดับที่ 7 ของการทำคะแนนเฉลี่ย และอันดับที่ 10 ของสถิติ SG: Total ปัจจุบันเป็นมืออันดับ 7 ของโลก และลงแข่งขันไรเดอร์คัพครั้งแรกที่สนามมเบธเพจ แบล็ค
ถือเป็นฤดูกาลที่น่าอัศจรรย์มากสำหรับสปอน


เบน กริฟฟิน
กริฟฟิน ดีดตัวเองจากการเป็นโปรกอล์ฟระดับกลางขึ้นมาเป็นโปรกอล์ฟในท็อป 20 ได้สำเร็จ ด้วยผลงานที่โดดเด่นในฤดูกาล 2025 โดยคว้าแชมป์ 2 รายการ และได้รับเลือกเข้าร่วมทีมสหรัฐอเมริกาในการแข่งขันไรเดอร์ คัพ
ผลงานของกริฟฟินดีขึ้นชัดเจน 2 อย่าง อย่างแรกคือ การเพิ่มความเร็ว เพิ่มระยะไดรฟ์ขึ้นอีก 10 หลา เปลี่ยนจากการเป็นหนึ่งในนักกอล์ฟที่ระยะไดร์ฟอันดับท้ายๆ ขึ้นมาอยู่เหนือกว่าอันดับกลางตารางของทัวร์ บวกกับการพัฒนาในช็อตแอพโพรชและการพัตต์ กริฟฟินยกระดับเกมการเล่นของตัวเอง อย่างสองคือ โปรกอล์ฟวัย 29 ปีจากนอร์ธแคโรไลนา ปรับตัวได้เริ่มคุ้นเคยกับการแข่งขันในทัวร์ ซึ่งมักเป็นเรื่องยากสำหรับนักกอล์ฟรุ่นใหม่ในฤดูกาลแรกๆ ที่ต้องเดินทางไปแข่งขันในเมืองใหม่ๆและลงเล่นในสนามที่แทบไม่เคยผ่านตา
กริฟฟิน ได้ลงแข่งในรายการซิกเนอร์เจอ อีเวนส์ ในช่วงต้นฤดูกาล ทำให้เขาสามารถคว้าโอกาสในรายการที่มีคะแนนสะสมสูง นอกเหนือจากการได้สิทธิ์ลงเล่นศึกใหญ่ กริฟฟินคว้าแชมป์ประเภททีมรายการซูริค คลาสสิค ออฟ นิว ออร์ลีนส์ ร่วมกับแอนรูว์ โนวัค และมาได้แชมป์บุคคลครั้งแรกในการแข่งขัน ชาร์ลส ชวับ อินวิเตชั่นแนล
แฮร์ริส อิงลิช
อิงลิช กลับมาสู่เส้นทางแห่งชัยชนะเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2021 เมื่อเขาคว้าแชมป์รายการฟาร์เมอร์ส อินชัวรันซ์ โอเพ่น ในเดือนกุมภาพันธ์ แต่นั่นเป็นเพียงจุดเริ่มต้นบนเส้นทางอาชีพของอิงลิช และแม้มีผลงานที่คงเส้นคงวาตลอด 14 ปีในเวทีพีจีเอทัวร์ ทว่าทำได้น่าผิดหวังในรายการเมเจอร์
แต่ในปี 2025 แตกต่างออกไป อิงลิช ทำผลงานจบใน 12 อันดับแรก ในศึกเมเจอร์ 3 รายการ มากกว่าที่เขาทำได้ตลอดทั้ง 13 ปีรวมกัน นั่นรวมถึงผลงานที่ดีที่สุด 2 รายการ กับตำแหน่งรองแชมป์ในศึกพีจี แชมเปี้ยนชิพ และดิ โอเพ่น แชมเปี้ยนชิพ
นี่คือการขึ้นสู่จุดพีคที่น่าตื่นเต้นสำหรับอิงลิช ในวัย 36 ปี นับเป็นการเริ่มต้นของการกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ของหนึ่งในนักกอล์ฟที่ดีที่สุดของทัวร์ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา และอิงลิช มีชื่อติดทีมลงแข่งขันกอล์ฟไรเดอร์คัพเป็นครั้งที่สอง
บัด คอลีย์
ไม่มีนักกอล์ฟคนใดในพีจีเอ ทัวร์ ที่ทำผลงานก้าวกระโดดขยับอันดับโลกในปี 2025 ได้ดีกว่า บัด คอลีย์ อีกแล้ว เขาเริ่มต้นปีในอันดับที่ 303 ของโลก หลังจากห่างหายไปกว่า 3 ปี เนื่องจากปัญหาบาดเจ็บรุมเร้า เนื่องมาจากภาวะแทรกซ้อนหลังประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ในปี 2018 เขากลับมาได้ในปี 2024 แต่ฟอร์มการเล่นยังไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง
ดังนั้น ในปี 2025 คือการกลับสู่สภาวะปกติ และการทำผลงานอยู่อันดับที่ 55 ในตารางคะแนนเฟดเอ็กซ์คัพ เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความสามารถที่โดดเด่นของนักกอล์ฟวัย 35 ปีรายนี้
การกลับมาของคอลีย์ เกิดขึ้นในช่วงต้นปี โดยทำผลงานได้อย่างแข็งแกร่งแต่ไม่โดดเด่นนักในช่วงสองเดือนแรกของฤดูกาล ก่อนมาระเบิดฟอร์มร้อนแรงในเดือนมีนาคม คอลีย์จบอันดับที่ 6 ร่วมในรายการ เดอะ เพลเยอร์ส , อันดับที่ 4 ร่วมในรายการ วัลสปาร์ แชมเปี้ยนชิพ และอันดับที่ 5 ร่วมในรายการวาเลโร เท็กซัส โอเพ่น
คอลีย์เสี่ยงที่จะเสียสิทธิ์ในทัวร์หากปราศจากผลงานยอดเยี่ยมดังกล่าว แต่ตอนนี้เขาพร้อมแล้วสำหรับการกลับมาไล่ล่าความสำเร็จในระยะยาว คอลีย์เข้าสู่การแข่งขันเฟดเอ็กซ์คัพเพลย์ออฟโดยไม่อยู่ใน 50 อันดับแรก แต่สามารถขยับอันดับมาอยู่ในท็อป 50 จนได้เข้าร่วมชิงชัยในรายการบีเอ็มดับเบิลยู แชมเปี้ยนชิพ นั่นทำให้คอลีย์ได้สิทธิ์เข้าร่วมแข่งขัน ซิกเนเจอร์ อีเวนท์ส ทุกรายการในปี 2026 ซึ่งมีความหมายมากเป็นพิเศษสำหรับคอลีย์หลังจากต้องผ่านช่วงวิกฤตในอาชีพมาหลายปี ฟอร์มการเล่นของคอลีย์กำลังพุ่งขึ้น ต้องมาลุ้นว่า เขาจะผลักดันให้สูงขึ้นอีกในปี 2026 ได้หรือไม่?




