สนามที่ยากที่สุดในอเมริกา !
สนามที่ยากที่สุดในอเมริกา !
US Open ปี 2025 เพิ่งจบไปหมาด ๆ กับชัยชนะของ เจ เจ สปอน (J.J. Spaun) ชื่อนี้อาจไม่ค่อยคุ้นหูกันนัก ทั้ง ๆ ที่มีผลงานดีต่อเนื่องมาตลอด แต่ยังไม่ฟาดแชมป์ในรายการใหญ่ ๆ ให้เห็น ตั้งแต่เทิร์นโปรเมื่อปี 2012 เคยได้แชมป์พีจีเอ รายการ Staal Foundation Open presented by Tbaytel ปี 2015 แค่หนเดียว แล้วก็เก็บเล็กผสมน้อยติด Top ได้ 23 ครั้ง จนกระทั่งจู่ ๆ ก็พุ่งพรวดแซงมือวางตัวเก็ง เก็บแชมป์ระดับเมเจอร์สำเร็จ คว้าเงินครั้งเดียว 4.3 ล้านเหรียญ ได้อย่างไม่มีใครคาดคิด ทำให้ชื่อติดหูเพียงชั่วข้ามคืน กระโดดจากอันดับ 25 มาเป็น 8 ในแรงกิ้งโลกฝ่ายชาย และนี่ก็คงเป็นอีกหนึ่งสีสันที่ต้องบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ เพราะครั้งนี้ใช้สนามที่ยากที่สุดในอเมริกา “โอ้คมอนด์ คันทรี่ คลับ” เป็นสังเวียน “เชือด” มือดีให้ตกม้าตายเป็นทิวแถว

ครั้งนี้มาดูกันว่า 10 เรื่องเหลือเชื่อ ของ Oakmont Country Club กับ US Open นั้นน่าสนุกแค่ไหน…
1. เจ้าภาพ US Open มากที่สุด ใช้จัด US Open มากที่สุดถึง 10 ครั้ง ล่าสุด คือ ปี 2025 นี่เอง และยัง ใช้จัด เมเจอร์อีกมากมาย ทั้ง PGA, US Women’s Open, US Amateur ฯลฯ
2. “โหดที่สุดในอเมริกา” กรีนที่เร็วที่สุดในโลก บางปีถึงกับ ต้องตัดหญ้าสองครั้งต่อวัน ทำให้ สปีดกรีน ขึ้นไปถึง 14-15 เมื่อวัดด้วยเครื่อง Stimpmeter ขณะที่สนามทั่ว ๆ ไป ปกติแค่ 10-11 เท่านั้น ถึงขนาด ตำนานอย่างปู่ Ben Hogan บอกว่า “ถ้าตายไป ขอให้ส่งกรีนของ Oakmont ไปไว้ในนรก เพื่อความทรมาน”

3. ต้นกำเนิด “Stimpmeter” มาจากที่นี่ เพราะ US Open ปี 1935 ที่ Oakmont มีเหตุการณ์ที่ทำให้นักกอล์ฟหลายคนบ่นว่า “กรีนเร็วเกินไป” จนต่อมา Edward Stimpson ได้คิดค้น “Stimpmeter” เครื่องวัดความเร็วกรีน เพื่อใช้ควบคุมมาตรฐานทั่วโลก และใช้กันมาจนถึงทุกวันนี้
4. “Johnny Miller” สร้างสถิติอันโด่งดังจาก “รอบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์เมเจอร์” โดยรอบสุดท้าย ใน US Open ปี 1973 ตีเข้ามา 63 (-8) ประเดิมด้วย เบอร์ดี้ 4 หลุมติด และใช้ เหล็ก 1 ตีหลายช็อตได้อย่างแม่นยำ จนคว้าแชมป์อย่างเหลือเชื่อ ทั้ง ๆ ที่ก่อนรอบสุดท้าย เขาอยู่ อันดับ 13 ไม่มีใครคิดว่าจะชนะได้ด้วยซ้ำ
5. บังเกอร์ “สุดโหด” Oakmont มีบังเกอร์ชื่อดังที่เรียกว่า “Church Pews Bunker” ยาวกว่า 100 หลา มีเนินหญ้าเป็นซี่ ๆ คั่นเป็นแนวเหมือนม้านั่งในโบสถ์ (Pew) ถ้าตกลงไป โอกาสตีขึ้นกรีน ต่ำมาก
6. “Dustin Johnson” กับดราม่า “ลูกขยับ” (2016) US Open ปี 2016 มีดราม่าว่าเขาทำลูกขยับบนกรีนตอนแอดเดรส, กรรมการตัดสิน ให้ไม่มีโทษในตอนแรก แต่กลับมาแจ้งโทษเพิ่มอีก 1 สโตรค หลังจบการแข่งขัน สุดท้ายแล้ว เขาชนะอยู่ดีด้วยคะแนน 3 สโตรค แก้ตัวจาก ปี 2010 Pebble Beach ได้สำเร็จ หลักจากที่เคยพลาดมาอย่างเจ็บปวด
7. “ตัดต้นไม้นับหมื่น” Oakmont เคยตัดต้นไม้ออกจากสนามกว่า 15,000 ต้น ! เพื่อ คืนสภาพเป็น “ลิงค์สคอร์ส” แบบดั้งเดิม ทำให้สนาม เปิดโล่ง ลมพัดแรง ซึ่งตอนแรกคนไม่ชอบ แต่สุดท้ายกลับทำให้สนามโหดยิ่งกว่าเดิม เพราะลมไม่มีอะไรขวางกั้น นับว่าโหดซ้อนโหด
8. “แพ้ทาง” เป็นสนามที่ Bobby Jones แชมป์เมเจอร์ตลอดกาล ตกรอบแรก ที่ Oakmont ใน US Open ปี 1927 ตีออกทะเลตั้งแต่รอบแรก ที่นี่ คือสนามที่เขา แพ้ทางมากที่สุด ตลอดชีวิตการเล่น
9. “Jack Nicklaus” ได้แชมป์ US Open แรกในชีวิตที่นี่ เมื่อ ปี 1962 โดยเฉือนชนะ Arnold Palmer ที่เป็นขวัญใจเจ้าถิ่น Pittsburgh เหตุการณ์สำคัญ ที่ถือว่าเป็นเรื่องเด็ดในตอนนั้น ก็เพราะ Nicklaus เพิ่งอายุได้เพียง 22 ปี และถูกแฟนกอล์ฟ โห่ไล่ รบกวนตลอดการแข่งขัน เพราะ Palmer คือ “พระเอก” เจ้าถิ่นประจำเมือง แต่พ่อหนุ่มน้อยแจ็ค ก็ไม่สนเสียงนกเสียงกา ก้มหน้าก้มตา ฝ่าวิบากกรรมจนคว้าแชมป์สำเร็จ
10. Oakmont ในอนาคต USGA ลงนามกับ Oakmont ให้เป็น “Anchor Site” จัด US Open อีก 4 ครั้ง จนถึงปี 2049 (นับรวมปีนี้ด้วย) ได้แก่ ปี 2025, 2034, 2042 และ 2049 ว่ากันยาว ๆ ไป
บทสรุปสำหรับ Oakmont Country Club แห่งนี้คือ เป็นสนามที่โหด หิน เป็นตำนาน สำหรับ US Open มีทั้งกรีนเร็วสุด บังเกอร์โหดสุด และยังสร้างสถิติประวัติศาสตร์ มาตลอด 100 ปี จนวงการกอล์ฟ คำว่า… “Oakmont” = ความโหดระดับโลก!
และนี่คืออีกหนึ่งเรื่องราว อันเป็นเกร็ดสนุก ๆ อ่านเพลิน ๆ แบบไม่ต้องจำในวงการกอล์ฟครับ
ที่มา เรื่อง/ภาพ : usga.com, capecodtimes.com, liveaboutcom, bobyjones.com, wikipedia, AI Gen




