อมยิ้มริมกรีน

เกือบหลับ แต่กลับมาได้?

นักกอล์ฟระดับโลก ที่จู่ ๆ ก็ร่วงหายไปก่อนกาลอันควร

ส่วนใหญ่เรามักจะพูดถึงความสำเร็จ ความยิ่งใหญ่ของแต่ละบุคคล ก็ต่อเมื่อมีผลงานประจักษ์ชัด หรืออยู่ในช่วง ‘ขาขึ้น’ ทั้งแบบเพิ่งเป็นแชมป์รายการใหญ่ หรือกวาดสถิติสวยหรูมาอย่างต่อเนื่อง ๆ แล้วจู่ ๆ กลับเงียบหายไปแบบไม่มีปี่ไม่มีขุ่ย ละผลงานที่น่าจะสร้างได้ซ้ำแล้วซ้ำอีกไปอย่างดื้อ ๆ ทิ้งเหลือไว้เพียงตำนาน พร้อมกับสร้างความงุนงง และก่อความสงสัยให้กับผู้คนตั้งคำถามว่า เรื่องราวแบบนี้ เกิดขึ้นได้อย่างไร? ซึ่งในวงการฯ มีอยู่นักกอล์ฟเข้าข่ายที่ว่านี้อยู่หลายราย

ถึงแม้การขึ้นเป็นที่หนึ่ง จะไม่ใช่เรื่องจีรังถาวร แต่การขึ้นสู่จุดสูงสุด แล้วหล่นหายแบบไปแล้วไปลับ หลังจากความสำเร็จในช่วงเวลาสั้น ๆ ย่อมไม่ใช่วิสัยปกติ จนเป็นข้อสังเกตให้เห็นได้อย่างชัดเจน ครั้งนี้ จึงนำเรื่องราวของอดีตเหล่านักกอล์ฟระดับโลก ที่พุ่งขึ้นสู่สุดยอดของความสำเร็จเพียงชั่วครู่ แล้วก็ดำดิ่งลงสู่ห้วงแห่งความล้มเหลว ราวกับถูกอำนาจอะไรบางอย่างมากระทำ จนไปต่อในอาชีพนี้อีกไม่ได้ บางรายก็เกิดขึ้นแทบจะทันทีทันใด ซึ่ง บทความของ เบรนท์ เคลลี ได้เคยเล่าไว้ใน liveabout.com เราก็ขอนำมาถ่ายทอดต่ออีกครั้ง ณ ที่นี้…จะมีใครบ้างลองติดตามกันนะครับ

เอียน เบเกอร์ ฟินซ์ : ถึงไม่เคยขึ้นแท่นซูเปอร์สตาร์ดาวดวงใหญ่ แต่โปรจากออสเตรเลียคนนี้ก็เป็นนักกอล์ฟระดับยอดเยี่ยม และมีผลงานที่ดีจนถึงปี 1991 โดยในปี 1989 คว้าแชมป์รายการ PGA Tour Colonial และในปี 1990 จบฤดูกาลด้วยการติดอันดับที่ 16 ในตารางทำงานของ PGA จากนั้นในปี 1991 ก็คว้าแชมป์ British Open ด้วยการทำสกอร์ 64-66 ในสองรอบสุดท้าย อนาคตของเอียนจึงมองได้ว่าเจิดจรัสแจ่มจ้าจริง ๆ

แต่หลังจากนั้น ผลงานกลับไม่เป็นไปตามคาด เขาไม่เคยคว้าแชมป์ใน PGA Tour ได้อีกเลย แม้ว่าจะยังชนะการแข่งขันบางรายการในออสเตรเลียได้บ้าง แล้วยิ่งหลังจากปี 1993 ก็ไม่สามารถคว้าแชมป์ที่ไหนได้อีกเลย พอถึงปี 1994 ฟอร์มการเล่นก็ยิ่งตกต่ำลงอย่างหนัก จากนั้นไม่นานก็ถึงขั้นที่เรียกได้ว่า ‘ดิ่งลงเหว’

ปัญหาเกิดมาจากทั้งสภาพร่างกายและจิตใจ เขามีอาการบาดเจ็บ และพยายามเปลี่ยนวงสวิง แต่ไม่ประสบความสำเร็จ จากนั้นปัญหาทางจิตใจก็เริ่มเข้ามารบกวนซ้ำเติมเข้าไปอีก โดยเฉพาะอาการ ‘yips’ ในการหวดไดร์ฟเวอร์ ที่ส่งผลกระทบอย่างหนัก ตัวอย่างที่ชัดเจนคือในการแข่งขัน British Open ปีที่จัดขึ้น ณ St. Andrews เขาไดรฟ์ลูกแรกฮุคอย่างแรง จนออกโอบีไปทางซ้าย ทั้งที่แฟร์เวย์กว้างถึง 100 หลา

ปี 1997 เขาแทบจะเลิกเล่นกอล์ฟแล้ว แต่ตัดสินใจกลับมาแข่ง British Open อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม เขาทำสกอร์รอบแรกออกทะเลที่ 92 และถอนตัวจากการแข่งขัน จนมีข่าวซุบซิบว่า เอียน ถึงกับทรุดตัวลงร้องไห้บนพื้นห้องล็อกเกอร์ แม้ในช่วงเวลานั้น เขายังคงเล่นกอล์ฟได้ดีในสนามซ้อม หรือแม้แต่ในการเล่นเดิมพันกับเพื่อนนักกอล์ฟอาชีพ แต่เมื่อถึงการแข่งขันจริงต่อหน้าฝูงชน เขากลับไม่สามารถเล่นได้เลย ในช่วงปี 1995-1996 เขาเข้าร่วมการแข่งขัน PGA Tour เกือบ 30 รายการ แต่ไม่ผ่านตัดตัวเข้าสู่รอบสุดสัปดาห์แม้แต่ครั้งเดียว หลังจากนั้นเขาผันตัวมาเป็นนักบรรยายกอล์ฟ และได้กลับมาแข่งขันใน PGA Tour อีกครั้งเป็นครั้งสุดท้ายในรายการ Colonial 2009 ซึ่งเป็นการครบรอบ 20 ปีของชัยชนะของเขาในรายการนี้

เดวิด ดูวาล : ตั้งแต่ปี 1997 ถึง 2001 โปรอเมริกันรายนี้เป็นหนึ่งในสองหรือสามนักกอล์ฟที่ดีที่สุดในโลก และเคยขึ้นไปครองตำแหน่ง อันดับ 1 ของโลกมาแล้ว คว้าแชมป์ 13 รายการ ในช่วงเวลานั้น ทำสถิตหวด 59 ในรอบเดียว ชนะ The Players Championship และ British Open 2001 แถมยังเป็นผู้นำในตารางเงินรางวัลและสถิติคะแนนเฉลี่ยของทัวร์

แม้จะสร้างผลงานมาดีอย่างไรก็ตาม Dunlop Phoenix Tournament 2001 ที่ญี่ปุ่น กลายเป็นแชมป์สุดท้ายของเขา เพราะหลังจากนั้น ดูวาล ไม่สามารถคว้าแชมป์ได้อีก ในปี 2002 เขาหลุดจากฟอร์มการเล่น ไม่ชนะรายการใดเลย จนร่วงลงไปอยู่อันดับที่ 80 ในตารางเงินรางวัล และพลาดการตัวถึง 8 รายการ

ดูวาล ประสบปัญหาบาดเจ็บที่หลัง และปัญหาทางร่างกายอื่น ๆ ส่งผลให้ต้องปรับเปลี่ยนวงสวิง และเมื่อสูญเสียวงสวิงเดิมไป ก็ไม่สามารถเรียกฟอร์มกลับมาได้ แม้ว่าจะกลับมามีสภาพร่างกายที่แข็งแรงก็ตาม ในปี 2003 เขาไม่ผ่านการตัดตัว 14 จาก 18 รายการ และในปี 2004 พลาดไป 6 จาก 9 รายการ และปี 2005 คือปีที่แย่ที่สุด เขาผ่านตัดตัวเพียงครั้งเดียว จาก 19 รายการใน PGA Tour

แม้จะเจออุปสรรคมากมาย แต่ ดูวาล ก็ยังพยายามต่อไป และเกือบคว้าแชมป์อีกครั้ง ในการแข่งขัน U.S. Open 2009 ซึ่งเขาจบด้วยอันดับรองแชมป์ ในปี 2010 สามารถไต่อันดับกลับมาติด Top 125 ในตารางเงินรางวัลได้สำเร็จ แต่สุดท้าย เขาก็ตัดสินใจ เลิกเล่นกอล์ฟอาชีพหลังจบฤดูกาล 2014 และผันตัวไปเป็น ผู้บรรยายกอล์ฟ

เจิง หยานี : โปรไต้หวันที่แฟนกอล์ฟชาวไทยคุ้นเคยชื่อเป็นอย่างดี กับตำแหน่งแชมป์ Honda LPGA Thailand ติดกันถึงสองสมัย เมื่อปี 2011 – 2012 แสดงให้เห็นถึงความเก่งกาจระดับไม่เป็นรองใครในช่วงนั้นอย่างแน่นอน ตั้งแต่ปี 2008 ถึง 2012 เธอไม่ได้เป็นแค่นักกอล์ฟยอดเยี่ยม แต่เป็นนักกอล์ฟระดับสร้างประวัติศาสตร์ เมื่อคว้าแชมป์ Women’s British Open 2011 เป็นแชมป์เมเจอร์ที่ 5 ด้วยวัยเพียง 22 ปี ณ เวลานั้น เธอชนะ 4 จาก 8 รายการเมเจอร์ล่าสุด และกลายเป็นนักกอล์ฟที่อายุน้อยที่สุด ทั้งชายและหญิง ที่คว้าแชมป์เมเจอร์ได้ถึง 5 รายการ

แต่หลังจากปี 2012 เธอไม่เคยชนะใน LPGA Tour อีกเลย ทำให้อันดับร่วงลงอย่างรวดเร็ว ปี 2013 อยู่ในอันดับ 38 ในตารางเงินรางวัล ปี 2014 หล่นไปอยู่อันดับ 54 จนถึงปี 2018 เธอร่วงไปถึงอันดับ 135 และในปี 2019 เจิ้ง ลงแข่งขันใน LPGA Tour เพียง 5 รายการ และพลาดตัดตัวทั้งหมด

มันเกิดอะไรขึ้น? เจิง หยานี เคยยอมรับว่ารู้สึก ‘ไม่สบายใจ’ อึดอัดกับการอยู่ท่ามกลางสปอตไลต์ และรู้สึกกดดันจากการเป็นมือ 1 ของโลก ตามคำกล่าวของพระเจ้าเฮนรีที่ 4 (ตามบทละครของเชกสเปียร์) ที่ตรัสไว้ว่า “Uneasy lies the head that wears a crown” หรือ “ผู้ที่สวมมงกุฎ ย่อมอยู่อย่างไม่เป็นสุข” ผลการแข่งขันที่ย่ำแย่แค่ไม่กี่ครั้งก็สะสมจนกลายเป็นปัญหาความมั่นใจ และดูเหมือนว่า ณ จุดนี้ เจิ้ง ยานี อาจไม่มีวันกลับมาอยู่ในฟอร์มเดิมได้อีกแล้วตลอดไป

ยกตัวอย่างมาแค่บางส่วนตามเนื้อที่จะเอื้ออำนวยนะครับ เพราะถึงแม้ว่า ผลงานทางด้านแข่งขันกอล์ฟจะไปต่อไม่ได้ แต่หลายคนก็ยังมีงานที่ดีอาจจะกว่าเดิมด้วยซ้ำในวงการ อย่างเช่น เอียน เบเกอร์ ฟินซ์ ก็กลายไปเป็นผู้บรรยายกอล์ฟ ที่เต็มไปด้วยความรอบรู้ เพราะตัวเองเคยมีประสบการณ์โดยตรงมาแล้ว และ (คาดว่า) กว่าจะถอยตัวออกมา ทุกคนก็คงสะสมทรัพย์ไว้เพียงพอให้ตัวเองได้สุขสบายไปอีกนานแล้ว ไม่น่าเป็นห่วงครับ.

ที่มา เรื่อง : liveabout.com
ภาพ : pga.org.au, pgatour.com, lpga.com, eurosport.com, australiangolfdigest.com.au, desertsun.com