Interview

กรธัช อ่อนศรี

กรธัช อ่อนศรี
บริษัท ไฮ เจน เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด
“ทำให้ตรงไปตรงมา ไม่ซับซ้อน แล้วปัญหาจะไม่เกิด”

สีคิ้ว : เด็กต่างจังหวัดไม่ค่อยคิดอะไรเยอะ ผมเกิดและโตที่ สีคิ้ว นครราชสีมา, ไม่เหมือนเด็กในเมืองที่มีตัวช่วยเต็มไปหมด เราใช้ชีวิตปกติ เย็นมาใช้ชีวิตอยู่กับพ่อแม่ เล่นกับเพื่อนแถวบ้าน ไม่มีอะไรให้คิดมากมาย จนเราโตขึ้น ช่วง ม.4 รู้สึกว่าการเรียนแบบนี้ไม่ใช่เรา เลยคุยกับแม่ว่า ไม่อยากเรียนสายสามัญแล้ว อยากเรียนช่าง เพราะรู้ตัวว่าไปทางนี้น่าจะเข้ากับเรามากกว่า ไม่ได้ไปตามเพื่อน ไม่มีตัวอย่าง ผมไปคนเดียว พ่อแม่ก็งงว่าเราตัดสินใจเอง

เด็กช่าง : ขออนุญาตที่บ้านไปเรียนช่าง ที่ โรงเรียนเทคโนโลยีช่างกลพณิชยการนครราชสีมา ตอนไปสมัครยังไม่รู้เลยว่าจะเลือกอะไร ช่างยนต์ก็ดูเลอะ ๆ, ช่างสำรวจ ก็ตากแดดร้อน ๆ ขอทำงานในร่มดีกว่า แต่อีเล็คโทรนิค ดูเนิร์ด ๆ ทำอะไรกับสิ่งเล็ก ๆ เกินไป ก็ไม่ชอบ งั้นเลือกไฟฟ้า (หัวเราะ) เรียนไป 5 ปี รู้สึกสมใจ เรามาถูกทาง

วิศวะไฟฟ้า : เรียนจบ ปวส. ขอแม่มาเรียนต่อ วิศวะไฟฟ้า, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร แต่ที่บ้านบอกว่าไม่มีทุนส่ง ครอบครัวเรามีลูกสามคน ผมเป็นคนโต คิดว่าถ้าผมจบ ปวส. แล้วจะทำงานช่วย (หัวเราะ) ซึ่งจริง ๆ แล้ว ในต่างจังหวัดเรียนระดับนี้ก็มีโอกาสเป็นหัวหน้างานสบาย ๆ แล้ว แต่ผมคิดว่าไม่อยากเป็นลูกน้อง อยากเป็นหัวหน้าอีกระดับหนึ่ง ก็กู้กองทุนเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) มาเรียน เดี๋ยวจบแล้วค่อยมาผ่อนใช้คืนทีหลัง (หัวเราะ) ผมเรียนสองปีครึ่งก็จบ ได้เกียรตินิยมอันดับสอง

งานตรงสาย : เรียนจบได้งานเลย แล้วก็อยู่ยาวเป็นสิบปี เริ่มจากงานด้านเซอร์วิส ซ่อมบำรุงเครื่องกำเนิดไฟฟ้ารายปี หน้าที่ของผมคือ ขายการบำรุงรักษา ขายบริการหลังการขาย ไม่ได้ขายเครื่องโดยตรง พอเครื่องหมดประกันผมก็จะไปขายแผนการบำรุงรักษา เพื่อให้อายุการใช้งานยืนยาวขึ้น, เครื่องสำรองไฟ สำหรับใช้ในที่ที่ไม่สามารถขาดไฟฟ้าได้ เป็นเครื่องขนาดใหญ่ ๆ ระดับอุตสาหกรรม ใช้ตามสถานที่ขนาดใหญ่ เช่น โรงแรม โรงพยาบาล โรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งไฟฟ้าดับไม่ได้เด็ดขาด อย่างห้องผ่าตัดในโรงพยาบาล ที่ต้องการระบบไฟฟ้าเพื่อช่วยชีวิต หรือการพ่นสีในโรงงานผลิตรถยนต์ ถ้าไฟดับจะเสียหายทันที จึงต้องมีระบบสำรองไฟที่พร้อมตลอดเวลา ซึ่งเป็นเครื่องสำรองไฟ ใช้น้ำมันดีเซล ไม่ได้เดินเครื่องตลอดเวลา ใช้เฉพาะเวลาเกิดปัญหา จะทำงานทันทีภายในเวลา 15 วินาที หลังไฟฟ้าดับ

เรียนต่อปริญญาโท : ผมก้าวจากพนักงานขาย เซลส์เอ็นจิเนียร์ ทำงานมาจนเป็นผู้ช่วยผู้จัดการ หลังจากนั้นรู้สึกว่าหนทางเริ่มถึงทางตัน เพราะบริษัทมีผู้จัดการอยู่แล้ว ตำแหน่งมันเต็ม หากมีโอกาสก็จะย้ายงาน แต่ไม่สำเร็จ ระหว่างนี้ เลยไปเรียนปริญญาโท คณะรัฐประศาสนศาสตร์ จาก สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เราไม่เคยบริหารงานอย่างจริงจังมาก่อน พอมาเจอเพื่อนที่เรียนด้วยกันมาจากภาครัฐค่อนข้างเยอะ ก็ได้ความรู้จากเขา เพราะส่วนใหญ่เราจะขายของกับภาครัฐ ซึ่งเอกชนกับราชการ คิดกันคนละแบบ ผมอยากเรียนรู้ความคิดของภาครัฐ การไปเรียนทำให้ได้เรียนรู้จากทั้งสองฝั่ง

เรียนรู้งานบริหาร : ตอนไปเรียนแรก ๆ ไม่เข้าใจ เพราะเราเรียนวิศวะมา เราบริหารแต่โครงการ แต่ถ้าบริหารคน บริหารเงิน เราไม่ถนัดเลย ตอบโจทย์ยังไม่ได้ การเรียนช่วยทำให้ได้เรียนรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับการบริหาร ซึมซับตรงนั้นมา จนเรียนจบจะลาออก แต่บริษัทยังไม่ให้ลาออก แล้วให้ผมย้ายไปอยู่อีกบริษัทซึ่งอยู่ในเครือ ให้ขายเครื่องฯ ไม่ต้องขายเซอร์วิสแล้ว ผมไปเป็นผู้จัดการอยู่ประมาณ 2- 3 ปี กระทั่งมีการเปลี่ยนแปลงนโยบาย จะให้ผมเปลี่ยนไปทำอีกสายงาน ซึ่งผมรู้สึกว่าไม่ได้ทำในสิ่งที่ถนัด ทำให้งานที่เคยรับผิดชอบเริ่มมีปัญหา ส่งผลกระทบถึงลูกค้า ทำให้เราทำงานได้ไม่เต็มที่ ก็ขอลาออกอีกครั้ง

ก่อตั้งธุรกิจ : ยากนะ ถ้าคุณไม่เคยขายเครื่อง แล้วจะไปขายเซอร์วิส เพราะงานเซอร์วิส ต้องมีทีมงาน ผมจึงตั้งใจออกมาเพื่อจะทำธุรกิจขายเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ตอนเริ่มใหม่ ๆ ยังไม่ได้นำเข้าสินค้าจากต่างประเทศโดยตรง เราติดต่อกับผู้แทนจำหน่ายในประเทศ นำโครงการไปเสนอว่า ผมสร้างรายได้ให้คุณได้ โดยคุณให้การสนับสนุนผมตามนี้ พอข้อตกลงผ่าน ก็ทำงานด้วยกันไป จนสักพัก รู้สึกว่าเราพอมีกำลัง แล้วธุรกิจที่ทำ กว่าสินค้าจะถึงเราก็หลายทอด งั้นเราไปติดต่อโดยตรงเลยดีกว่า ผมไปดูเครื่องจากประเทศจีน คัดเลือกคุณภาพจากผู้ผลิตรายต่าง ๆ ที่ได้มาตรฐาน เนื่องจากสินค้าจากยุโรปหรืออเมริกาจะถูกภาษีนำเข้าอย่างต่ำสิบเปอร์เซ็นต์ แต่ถ้านำเข้าจากจีนเราทำ FTA กับเขา ภาษีคือ 0 เราได้กำไรตรงนี้

ราคาลด คุณภาพไม่ลด : ยี่ห้อใหญ่ ๆ มาถ่ายทอดเทคโนโลยีแล้วร่วมทุนให้จีนเป็นฐานการผลิต ถ้านำเข้าจากฝั่งตะวันตกจะใช้เวลานาน มีเงื่อนไขด้านภาษี และยังมีปัญหาเรื่องโจรสลัดกักสินค้าไว้อย่างที่เคยเป็นข่าวอีก แต่ถ้านำจากจีน เป็นการนำเข้าในเอเชียแปซิฟิก เร็วกว่า ถูกกว่า คุณภาพก็ยังได้มาตรฐาน ถึงสินค้าอาจจะแตกต่างกันบ้างในเรื่องวัสดุบางส่วน แต่ก็ไม่ถึงกับทั้งหมด หรือบางยี่ห้อมีการนำชิ้นส่วนสำคัญบางชิ้นจากประเทศบริษัทแม่มาประกอบในจีน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า แต่ผมเชื่อว่าปัจจุบันไม่ค่อยมีลักษณะนี้ เป็นการผลิตภายในประเทศจีนทั้งหมดแล้ว ต้องยอมรับว่าเขาเก่งจริง ๆ

ยุทธวิธีที่ได้ผล : จากคนที่เริ่มต้นเอง แล้วเติบโตขึ้นมาเรื่อย ๆ ทีมงานไม่ได้มีจำนวนเยอะมาก ส่วนใหญ่ใช้เอาท์ซอร์สซิ่ง มารับงานออกไปทำ เราเคยอยู่บริษัทใหญ่มาก่อน เขาเลี้ยงคนเยอะ พอเวลาขายเครื่องแต่ละครั้งใช้เวลาติดตั้งเป็นเดือน เบี้ยเลี้ยง ที่พัก ค่าใช้จ่ายบานปลาย ขณะที่เราใช้ทีมข้างนอกใช้เวลาแค่อาทิตย์เดียว จบงานเร็วกว่า ค่าใช้จ่ายเหมาไปก้อนเดียว ไม่บานปลาย แล้วเราก็ให้วิศวกรของเราไปคุมงาน เพื่อให้ได้มาตรฐานตามหลักวิศวกรรม ตาม TOR เราทำแบบนี้มาตลอดจนถึงปัจจุบัน, สำหรับผม ไม่ชอบใช้คนเยอะ เพราะยิ่งเยอะ ยิ่งพูดไม่รู้เรื่อง (หัวเราะ)

อนาคตสดใส : ธุรกิจด้านเครื่องกำเนิดไฟฟ้ายังไปได้อีกไกล ตราบใดที่ความเสถียรภาพทางไฟฟ้ายังไม่มั่นคงหรือมีปัญหา โอกาสไฟดับยังมี บางที่โดยเฉพาะในเขตห่างไกล บางครั้งดับยาวนานเป็นวัน นี่คือจุดขายที่เราต้องเข้าไปแก้ไขปัญหาให้ตามที่ต่าง ๆ เครื่องที่ใช้มีตั้งแต่ขนาดเล็ก ๆ 5 – 10 กิโลวัตต์ ใช้กับงานเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น ออกไปงานภาคสนาม ปิกนิก จนไปถึงขนาดใหญ่ระดับอุตสาหกรรม โดยธุรกิจเราเป็นการขายขาดเท่านั้น และผมเป็นตัวแทนไดนามิก ยูพีเอส จากประเทศเบลเยี่ยม เป็นเครื่องจักรที่อยู่ตรงกลางระหว่าง ระบบไฟฟ้าหลัก กับเครื่องกำเนิดไฟฟ้า เพื่อรองรับในช่วงไฟเกิดปัญหา หากไฟดับ ตัวนี้จะจ่ายไฟแทน ทำงานด้วยระบบพลังงานกล โดยไม่อาศัยระบบแบตเตอรี ทำให้ไม่ต้องมีการบำรุงรักษาที่ยุ่งยาก ปล่อยไฟฟ้าได้แค่ภายใน 20 วินาที แต่เพียงพอที่จะให้เครื่องกำเนิดไฟสำรองเริ่มทำงาน ทำให้มีการจ่ายไฟได้อย่างต่อเนื่อง จนแทบไม่รู้ด้วยซ้ำว่าระบบไฟฟ้ามีปัญหา

ปริญญาเอก : เมื่อปีที่แล้ว ผมได้เข้าไปศึกษาอบรมจากสถาบันพระปกเกล้า หลักสูตร ประกาศนียบัตรชั้นสูงการบริหารเศรษฐกิจสาธารณะสำหรับนักบริหารชั้นสูง (ปศส.) ได้ความรู้และรู้จักกับเพื่อนที่เรียนด้วยกันเยอะมาก หลายคนจบปริญญาเอก เป็นดอกเตอร์ตั้งแต่อายุน้อย ๆ กันทั้งนั้นเลย จนเกิดความสงสัย และเกิดความรู้สึกอยากเรียนบ้าง (หัวเราะ) พอดีมีเพื่อนทราบว่าผมเล่นกอล์ฟ แนะนำว่าให้มาเรียนปริญญาเอก การจัดการนันทนาการ การท่องเที่ยวและกีฬา ของ มหาวิทยาลัยศิลปากร นั่นคือจุดเริ่มต้น แล้วผมก็อยากรู้จริง ๆ ว่า กอล์ฟกับการท่องเที่ยว เชื่อมโยงกันยังไง จะทำอะไรให้ประเทศชาติได้บ้าง การสร้างเศรษฐกิจในพื้นที่เหล่านั้น เกี่ยวข้องกันยังไง การได้มาเรียนทำให้ได้รับความรู้จากคณาจารย์เยอะมาก อย่างเช่น ทำไมนโยบายรัฐบาลจึงเน้นสร้างแต่โรงพยาบาล ซึ่งนั่นคือปลายเหตุ เพราะคนเจ็บป่วยส่วนหนึ่งคือร่างกายขาดความแข็งแรง แล้วทำไมเราไม่สนับสนุนให้คนมีร่างกายแข็งแรง ซึ่งเป็นเรื่องต้นเหตุ งบในเรื่องการรักษาพยาบาลก็จะน้อยลง หมอก็ไม่ต้องลำบาก แต่นั่นก็เป็นเรื่องของนโยบายที่อาจไม่เห็นเป็นรูปธรรม ไม่เหมือนกับการสร้างวัตถุ เช่นอาคาร ที่เห็นได้ชัดเจน เป็นรูปธรรมมากกว่า และยังมีเรื่องอื่น ๆ อีกมากมายที่ทำให้ได้รับประสบการณ์ดี ๆ และความประทับใจ จากการเรียนที่นี่ และทำให้ผมสามารถนำประสบการณ์ไปเชื่อมโยง ต่อยอดกับกิจกรรมอื่น ๆ ถึงแม้บางคนอาจจะไม่เล่นกอล์ฟ ก็ยังประสานกันได้เป็นอย่างดี

ไม่ชอบเล่นกีฬา : เฉย ๆ กับกีฬามาก แต่ได้เล่นกอล์ฟ (หัวเราะ) เพราะตอนทำงานรุ่นพี่ผู้จัดการเริ่มสอนกอล์ฟให้ แล้วไปออกรอบกับเขาทุกสัปดาห์ ตีไปเรื่อย ๆ ไปเล่นเป็นเพื่อนแบบไม่คิดอะไร ไม่สนใจเป็นพิเศษ ข่าวการแข่งกอล์ฟก็ไม่ได้ดู ตี ๆ ไปงั้น ยังคิดแค่ว่ากีฬานี้สนุกดี ท้าทาย แต่ตอนนั้น ไม่รู้สึกว่าตัวเองชอบกอล์ฟมากพอ ยิ่งตอนเรียนปริญญาโท ต้องยุ่งหลายทาง ทำให้ต้องหยุดกอล์ฟไปยาวเลย แต่ไม่ได้เล่นก็เฉย ๆ นะ จนมาเริ่มทำงานเอง มีบริษัทเป็นของตัวเอง ก็ยังไม่ได้เล่น แต่มีการซื้อก๊วนให้ลูกค้าไปเล่นตามการแข่งขันต่าง ๆ ลูกค้าก็ท้วงอยู่ตลอดว่า “แบบนี้ไม่ได้นะ…​เราเป็นนักธุรกิจ ต้องมาเล่นด้วยกัน” ผมถึงได้กลับมาเริ่มใหม่อีกรอบ จนรู้สึกว่าชอบกอล์ฟจริง ๆ แล้วเล่นต่อเนื่องมาเรื่อย ๆ ถึงจะทำให้ได้เล่นบ่อยขึ้น แต่เราก็สู้เขาไม่ได้ (หัวเราะ) โดนทุกงวด เลยคิดว่า คราวนี้ต้องสู้แล้ว เลยให้โปรจับวง ตั้งใจเรียนแบบเป็นเรื่องเป็นราว ทำให้เข้าใจกอล์ฟมากขึ้น ทั้งในเรื่องการเล่น กฎ กติกา มารยาท เริ่ม “อิน” กับกีฬากอล์ฟมากขึ้น จนปัจจุบันได้ออกรอบ อย่างน้อย 2 – 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ผลงานก็ดีขึ้นบ้าง (หัวเราะ) พอสูสี มีแพ้บ้างนิดหน่อย แต่เมื่อก่อนแพ้แน่ ๆ (หัวเราะ)

กอล์ฟเพื่อสังคม : การได้เล่นกอล์ฟ ทำให้ทราบว่า ผู้บริหารในหน่วยงานต่าง ๆ ระหว่างคนเล่นกอล์ฟกับไม่ได้เล่น เท่าที่ผมดูว่า มีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง โดยเฉพาะในเรื่องโอกาสก้าวหน้าหรือจะได้รับการสนับสนุน กอล์ฟทำให้คนเข้าใจกันมากขึ้น สนิทสนมกันง่ายขึ้น ใครเป็นยังไง คบได้หรือไม่น่าคบ ก็รู้กันในนั้น เพราะขณะเล่น แต่ละคนจะมีความเป็นตัวตนสูง ธาตุแท้เป็นยังไง ก็ได้เห็นกันตอนเผลอ มันเก็บอารมณ์ไม่อยู่ (หัวเราะ) เราก็รู้ไว้ เพื่อเป็นข้อมูลในการคบหา

ความซื่อสัตย์ : เวลาทำอะไร ต้องทำให้ตรงไปตรงมา ไม่ซับซ้อน แล้วปัญหาจะไม่เกิด เพราะถ้าทำตัวเองให้ซับซ้อน จะจำในสิ่งที่ตัวเองพูดไปแล้วไม่ได้ ถ้าเราจำไม่ได้ จะมีปัญหาในอนาคต การพูดตรง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไหน จะให้พูดอีกกี่ครั้ง ที่ไหน เมื่อไหร่ มันเหมือนเดิมทุกครั้ง ใครฟังก็ตรงกันหมด ยิ่งเมื่อมาบริหารงาน ต้องใช้หลัก ซื่อสัตย์ จริงใจ ทำธุรกิจแบบตรงไปตรงมา ทำให้ไม่เคยมีใครมาต่อว่าเราลับหลัง เมื่อมีอะไรต้องพูด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไหน ทำได้หรือไม่ได้ ก็ต้องบอกกัน ไม่ปกปิด ถ้าไม่ซื่อตรงก็ผิดจรรยาบรรณ สักวันปัญหาย่อมมาถึงตัว

ครอบครัว : คอยเยียวยาจิตใจให้เราเสมอ เวลามีปัญหาอะไร ไม่ว่าจะหนักหนาแค่ไหน ผมจะพูดคุย ปรึกษาปัญหากับครอบครัว ไม่ว่าจะเป็น พ่อ แม่ ภรรยา ลูก ๆ ทุกคนอยู่เคียงข้างกันเสมอ คอยปลอบใจ เติมกำลังใจให้ บอกเราเสมอว่า ปัญหาเข้ามาเดี๋ยวมันก็ไป ทำให้เรามีกำลัง ลุกขึ้นมาสู้ต่อ เพราะทุกคนในครอบครัว มีวิธีจะปลอบประโลมเรา ซึ่งแตกต่างกันไป และหาไม่ได้จากคนอื่น แม้กระทั่งเพื่อนก็ได้แค่ระดับหนึ่ง คนในครอบครัว คือกำลังใจที่ดีที่สุดสำหรับผม

ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ : ผมไม่ได้มีกิจกรรมกีฬาอื่น ๆ นอกจากกอล์ฟ ซึ่งทำให้ได้ทั้งออกกำลังกายไปด้วยและทำงานไปด้วย กอล์ฟคือวิธีเยียวยาที่สำคัญอีกอย่างสำหรับผม ผมไม่เคยสนใจว่าใครตีสกอร์เท่าไร ไม่สนใจว่าใครเล่นได้ดีกว่าหรือแย่กว่าเรา สนใจแค่ว่าเราทำได้แค่ไหน เพราะสิ่งที่สำคัญกว่าการแข่งขัน คือการได้เข้าไปร่วมสนุกกับเพื่อน ๆ ได้อยู่กับสังคม ซึ่งให้ประโยชน์กลับมามากมายมหาศาล ดังนั้น การเล่นกอล์ฟของผมจึงไม่ต้องการชนะใคร ขอเพียงแค่ชนะตัวเองได้ ก็พอแล้วครับ