Interview

ธนกฤต สว่างในธรรม

ธนกฤต สว่างในธรรม
ที่ปรึกษา โรงแรมเมอร์เคียว เกาะช้าง ไฮด์อเวย์
โรงหล่อรวมปฏิมากร

“ถ้าคุณพร้อมจะเสีย คุณจะสนุก ไม่มีอะไรจะต้องกังวล แล้วผลลัพธ์อาจออกมาดีก็ได้, แต่ถ้าคุณจ้องแต่จะเอากำไร คุณจะทุกข์ เพราะมีแต่ความวิตกกังวล”

ยิ่งกว่านิยาย : ชีวิตผมเป็นเรื่องที่โลดโผนเกินกว่าจะคาดคิดครับ ตั้งแต่ 3 ขวบ ต้องเข้าอยู่ในสถานสงเคราะห์ โตมาในบ้านเด็กกำพร้า ตอนที่ออกจากสถานสงเคราะห์ เพราะเกินเกณฑ์อายุ ต้องให้ผู้ปกครองมารับออกไปอยู่ด้วย เขาบอกว่านี่คือแม่ ก็แม่ นี่คือความเซอร์ไพรซ์ของผม เพิ่งมาเจอพี่น้องจริง ๆ ที่ไม่เคยอยู่ด้วยกันมา ตอนอายุ 15 -16 ชีวิตเหมือนละครไม่มีผิด มีพ่อเลี้ยง ลูกเลี้ยง เรื่องราวโหดร้ายมาก

ความรู้ทำให้รอด : ผมย้ายจากโรงเรียนเจ้าพระยาวิทยาคม แถวยานนาวา ไปต่อที่ สารวิทยา แต่เรียนอยู่ได้แค่ถึง ม.5 หลังจากอยู่กับคุณแม่มาปีกว่า ก็ทนอยู่กับพ่อเลี้ยงไม่ได้ หนีออกจากบ้านไปผจญโลกส่วนตัว เป็นเด็กวัด ทำทุกอย่าง เพื่อต่อสู้กับตัวเองให้มีชีวิตรอด ระหว่างที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ต้องอาศัยพ่อแม่ของเพื่อน เป็นผู้ปกครองให้ เรียนภาคค่ำที่กรุงเทพเทคนิคนนท์ ในชีวิตคิดอย่างเดียวว่า เราต้องเรียนสิ่งที่ ‘ยากที่สุด’  เพื่อให้ได้เงินเยอะ คิดแค่นี้ ในเมื่อหมอเป็นไปไม่ได้แล้ว ก็เลือกทางสายช่าง สายวิศวะ ดู ๆ แล้วผมก็ไปทางสายนี้แหล่ะ จนอายุ 18 ถึงเกณฑ์เข้าทำงาน กลายเป็นเรื่องที่เราต้องต่อสู้ สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมต้องก้าวขึ้นมาให้ได้ ก็คือความรู้ จึงใช้เวลาที่ทำงานและเรียนภาคค่ำไปด้วย เพื่อให้จบ ปวช. และพยายามสอบเรียนต่อให้ได้ จนจบที่ พระนครเหนือ ชีวิตเริ่มเปลี่ยนไปเมื่อมีความรู้ เริ่มเป็นช่าง เป็นวิศวกร มีเงินเดือนสูงขึ้น แต่ก็ไม่เคยพอใจในจุดนั้น ก็พลิกผัน เปลี่ยนมาเรื่อย หาโอกาสให้กับชีวิตตัวเอง เริ่มสนุกเมื่อมีความรู้ ชอบเรียนรู้ทุกเรื่อง

ความจนมันน่ากลัว : ไม่ว่าจะทำงานอะไร ยากแค่ไหน เราเกิดมาทำได้หมด ขวนขวายด้วยตัวเองตลอด ผมอาจเป็นคนกลัวความจนมาก ๆ เลยตั้งใจมากกว่าคนอื่นหลายเท่าเราอยากจะหนีความจน (หัวเราะ) อยากมีครอบครัว อยากมีชีวิตที่ดีเหมือนคนอื่นเขา อย่างวันสำคัญ สงกรานต์ ปีใหม่ เราเห็นอ้อมกอดของพ่อแม่คนอื่น รู้สึกว่า ทำไมเราไม่มีแบบนี้ เหมือนเป็นแรงผลักดันว่า สิ่งหนึ่งที่จะพาเราให้ผ่านเรื่องนี้ไปได้ คือ ‘ความรู้’ ถึงไม่มีเงินเหมือนคนอื่นเขา แต่ผมต้องมีความรู้ ‘ความรู้หาได้ง่าย ถ้าเราขวนขวาย’ แต่ถ้าไม่มีเงิน การหาเงินมันยากมาก ไม่ว่าอะไรก็ฝ่าฟันไปได้ยาก ใบเบิกทางของผมคือความรู้ ต้องมีให้ได้

วิศวะตลาดหุ้น : ผมจบทางอิเล็คโทรนิค จากพระนครเหนือ เรียนสายช่างหางานง่าย ทำงานเป็นวิศวกรให้กับบริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่ของญี่ปุ่นพักใหญ่ แล้วมาเป็นหัวหน้าสายช่างไฟที่สตูดิโอแถวแจ้งวัฒนะ แต่เบื่องานที่ต้องตอกบัตรเข้าออก ชอบอะไรที่หลากหลาย ชอบเรียนรู้ หาความท้าทายไปเรื่อย ช่วงปี 2540 มีความสงสัยว่า ชีวิตเราน่าจะ ‘ไปได้ไกลกว่านี้ได้’ ก่อนหน้านี้เคยทำงานมาสารพัดในสายงานที่เรียนมา จนวันนึง ผมรู้สึกว่าต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อหลุดออกจากความกลัวนี้ จึงไปศึกษาเรื่องหุ้น และทำงานเป็นผู้จัดการด้านหุ้น ทำอยู่พักใหญ่ก็เลิก เพราะเหนื่อยมาก หนักมาก ยิ่งถ้าคุณมีลูกค้าหลายคน แล้วต้องรายงานผลการประกอบการให้ทีละคน ซึ่งเป็นเรื่องยาก รู้สึกไม่เต็มที่ในงานที่ทำ ผมจึงหันมาใช้วิธีทำงานให้กับพอร์ทใหญ่คนเดียว แล้วทำเต็มที่ ทุกครั้งที่ทำกำไรได้ผมจะได้ปันผล เป็นเงื่อนไขที่เจ้าของให้ผมไว้ ผมเล่นหุ้นแบบไม่โลภ ตีหัวเข้าบ้าน หรืออะไรถือยาวได้ก็ยาวไป อย่างเช่นทอง ผมจับมาเป็นสิบปีแล้ว วิเคราะห์เรื่องเหล่านี้มานาน ถ้าโดยภาพรวมก็ให้ความสำคัญกับหุ้นต่างประเทศ ด้านพลังงาน ด้านการแพทย์ ฯลฯ

หุ้น VS กอล์ฟ : ถ้าจะเล่นหุ้น ผมถามก่อนเลยว่ามีงบแค่ไหน ไม่ได้ถามเพื่อดูถูกเขานะ ถึงมีมาก พร้อมที่จะเสีย ผมก็ไม่ได้บอกว่าคุณจะได้กำไร แต่คุณพร้อมเสียมั้ย? ถ้าพร้อม ลุย, แต่ถ้ามีน้อย หรือไม่พร้อม คุณอย่าเล่น ต้องบอกให้เข้าใจกันไว้ก่อน เพราะการเล่นหุ้นก็เหมือนกับเล่นกอล์ฟ ถ้าคุณพร้อมจะเสีย คุณจะสนุก ไม่มีอะไรจะต้องกังวล แล้วผลลัพธ์อาจออกมาดีก็ได้ แต่ถ้าคุณจ้องแต่จะเอากำไร คุณจะทุกข์ เพราะมีแต่ความวิตกกังวล

ทำตัวเองเป็นเส้นตรง : สิ่งหนึ่งที่ไม่เอาเลยคือ จะไม่เฉไปหาสิ่งรุมเร้า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไหน ผมไม่มีสิ่งเหล่านี้เลย ขีดชีวิตตัวเองให้เป็นเส้นตรง เพื่อเข้าไปหาจุดสำเร็จให้ได้ เพราะรู้สึกว่า เราเสียเวลาตรงนี้ไม่กี่ปี แต่จะมีชีวิตที่ดีในอนาคต ทำให้มุมานะตัวเองให้มากที่สุด

สายบุญ : วันนึงที่ผมเลิกเรื่องหุ้นหมดแล้ว ไปปฏิบัติธรรมที่วัดนาหลวง อุดรฯ ตอนนั้นเจอวิกฤติเศรษฐกิจเยอะ ก็ได้รับผลกระทบนั้นด้วย ผมไปปฏิบัติธรรมสามเดือน ได้พบคุณลุงที่เหมือนกับเป็นครูบาอาจารย์เรา เมื่อครบกำหนด กลุ่มที่ปฏิบัติธรรมเดินทางกลับ แต่ลุงท่านนี้ยังอยู่ ผมถามว่าทำไมไม่กลับ ให้ไปส่งมั้ย ลุงตอบว่า จะบวชตลอดชีวิต ท่านไม่มีครอบครัว ไม่มีห่วงทางบ้าน ผมก็เพิ่งมารู้ว่า ท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องงานปั้น เลยขอเป็นลูกศิษย์ ท่านบอกว่า เรียนก็ได้ แต่ต้อง ‘ทุ่มเทด้านนี้ตลอดชีวิต’ ทั้งเรื่องงานศิลปะและการปฏิบัติธรรม ควบคู่กันไป เริ่มมาตั้งแต่ราวปี 2545 เหมือนทิ้งทุกอย่าง เพื่อทำด้านนี้ด้านเดียว หลังจากนั้น ผมก็ทำไปเรื่อย ๆ โดยไม่รู้ว่ามีผู้ติดตามเยอะมาก คนแปลกใจที่ผมทำโดยไม่บอกบุญใครเลย ใช้ทุนส่วนตัวตลอด

เติมเต็มชีวิต : ระหว่างที่ผมต่อสู้ในเรื่องนี้มา ผมอาศัยวัด ไปดูพระประธาน ไปฟังเทศน์ ฟังธรรม ขัดเกลาจิตใจเราไปเรื่อย จนมีความรู้สึกว่าชอบด้านนี้ละ แล้วเราต้องมีความสัจจะ ซื่อสัตย์ สุจริต ผมให้ความสำคัญมากที่สุด ชีวิตถึงได้เจอกับคนดี ๆ มาโดยตลอด หนึ่งในนั้น มีกัลยาณมิตรท่านนึง เขาอธิษฐานว่า อยากจะมีคนดี ๆ มาช่วยเหลือกัน ครอบครัวนี้เขาดีมาก รู้จักกันมายาวนาน อยากให้ผมไปเป็นลูกบุญธรรม ผมก็บอกว่า ดูผมก่อนนะ มั่นใจผมหรือเปล่า เพราะเขาเป็นครอบครัวที่มีฐานะ แต่เราเป็นอีกแบบ แต่ผมก็สร้างเนื้อสร้างตัวมาได้แล้ว ลูกสาวติดตามผมมาเป็นสิบปี อยากให้ไปเป็นพี่ชายเขามาก ผมก็เอาตามนั้น เราก็มาช่วยดูแลเรื่องโรงแรมทุกอย่างกับเขา

หลวงตามหาบัว : มีคุณหญิงท่านหนึ่งพาผมไปวัดป่าบ้านตาด ซึ่งผมไม่เคยสนใจมาก่อน ก็นั่งรวมอยู่กับคนทั่วไป วันหนึ่งหลวงตาเรียกให้ผมมาใกล้ ๆ และบอกว่า “ให้โยมกินข้าวจากมืออาตมาสัก 3 คำ” แล้วป้อนให้ ผมก็ไม่รู้ว่าท่านทำเพื่ออะไร คนก็อยู่กันเต็มไปหมด “วันนึงข้างหน้า โยมจะเป็นกำลังให้พระศาสนา” ผมก็งง แล้วท่านก็บอกอีกว่า “อาตมามีเวลาไม่ถึงตรงนั้นหรอก โอกาสที่จะเจอกันอีกคงไม่มีแล้ว” ตอนนั้นผมก็ยังไม่คิดอะไร เพราะยังไม่ได้มาทางด้านนี้เลย

ลิงป่า ลิงเมือง : หลวงปู่ทองใบ วัดป่านาหลวง มีคนนับถือมาฟังธรรมกับท่านเยอะมาก วันหนึ่งท่านอยู่ในกุฏิที่อยู่ลึกเข้าไปหลายชั้น แล้วเดินออกมาบอกว่า “โยมมาหาอาตมาหน่อย” ตอนนั้นยังไม่รู้จักท่านเป็นการส่วนตัว ท่านบอกว่า “อาตมาคือลิงป่า โยมคือลิงเมือง เราต้องช่วยกัน อีกหน่อยโยมจะต้องเป็นกำลังสำคัญให้ศาสนาของเรา” ท่านพูดเหมือนหลวงตามหาบัวเลย แต่ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่

ศิลปะเพื่อศาสนา : จนพอเริ่มทำงานด้านศาสนา หลังจากเรียนรู้เรื่องศิลปะแล้ว ก็สร้างพระถวายทุกเดือน ตั้งแต่ปี 2546 แล้ว และยังไม่เคยหยุด ผมปั้นเอง หาคนมาช่วย และตั้งโรงหล่อเองด้วย ชื่อรวมปฏิมากร อยู่ที่สามพราน นครปฐม องค์แรกทำเองเลย ก็ยากอยู่ แต่ผมเป็นคนชอบพัฒนา ถ้ายังไม่ดีก็จะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ จนมีคนมาฮือฮาว่าปั้นได้เหมือนมาก ความภาคภูมิใจของผมคือได้มีโอกาสปั้นหุ่นขี้ผึ้งหลวงปู่มั่น ไว้ที่วัดป่าบ้านหนองผือ นาใน จังหวัดสกลนคร ก่อนหน้านี้เคยมีผู้สร้างไว้ในราคาสูงมาก พอผมจะไปทำให้ พระท่านก็เกิดความกังวลว่า “ราคาแพง ๆ ยังไม่เหมือนเลย โยมจะทำได้แค่ไหน” ก็เรียนท่านว่า “ผมทำให้ฟรี ดูก่อนมั้ยครับ” พอท่านเห็นผลงานก็นำไปไว้ในศาลาเลย เป็นความภาคภูมิใจของผม ที่ได้อยู่เบื้องหลัง รวมถึงมีโอกาสได้สร้างพระประธานให้ต่างประเทศ ไปยังบังคลาเทศและโดยเฉพาะอินเดียซึ่งทำไว้เยอะมาก รวมถึงการได้สร้างงานถวายเกจิอาจารย์ที่เคารพนับถืออีกหลายท่าน

สถานที่สำคัญ : เป็นอะไรที่ค่อนข้างอัศจรรย์ พระพุทธเมตตาองค์แรกที่ผมนำไป สร้างยากมาก กว่าจะผ่านไปได้ใช้เงินไปเยอะ ค่าใช้จ่ายในการขนส่งสูง ที่หนักกว่านั้นคือ ยิ่งช้า กว่าจะถึงจุดหมาย ยิ่งต้องจ่ายแพง ที่พุทธคยา ส่วนใหญ่จะนำพระพุทธรูปออก ไม่มีใครสร้างได้ เราได้นำเข้าไป เป็นองค์ใหญ่ ขนาด 50 นิ้ว มีการสร้างฐานปฏิบัติธรรมอย่างดี แล้วนำพระของเราขึ้นตั้งไว้ให้สักการะ ผู้ไปปฏิบัติธรรมจากทุกชาติต้องไปนั่งตรงนั้น ใกล้ ๆ เจดีย์พุทธคยา เป็นสิ่งที่ภูมิใจว่าได้สร้างให้อยู่คู่กับพุทธคยาตลอดไป, กรุงราชคฤห์ ซึ่งเป็นต้นกำเนิดวันมาฆบูชา มีเขาคิชฌกูฏ เป็นอีกสถานที่สำคัญ ด้านบนเป็นกุฏิของพระพุทธเจ้า แต่คนมักเข้าไปเหยียบย่ำตรงที่พระพุทธองค์ไปนั่งภาวนาโดยไม่รู้ตัว แล้วเราจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ได้อย่างไร ไม่อยากให้คนไปเหยียบ เลยคิดอยากสร้างพระไปตั้งไว้ ปัญหาอยู่ที่เขาไม่ยอม บอกว่า ถ้าจะตั้งถาวร เราต้องระวังเอาเอง พระที่สร้างไปเป็นเนื้อเงินแท้ มีมูลค่าสูง เราต้องใช้วิธีทาสีทับ ทำให้ดูเป็นโลหะทั่วไป เพราะมิเช่นนั้นอาจถูกยกไปได้ และอยากให้ที่นี่มีอีกหนึ่งขนบธรรมเนียม วัฒนธรรมแห่พระขึ้นเขาคิชฌกูฏ ให้เป็นประเพณีสำคัญในวันมาฆบูชา ผมทำมาหลายปีแล้ว ต้องการให้เป็นเช่นนั้น สร้างหมอชีวกโกมารภัจจ์และสิ่งสำคัญอื่น ๆ ไว้ตรงนั้นอีกหลายอย่าง

เพื่อคนทั้งโลก : สังกัสสะนคร เป็นเมืองที่พระพุทธเจ้าเสด็จลงจากสวรรค์ดาวดึงส์ แต่ไม่มีสัญลักษณ์ของพุทธองค์เลย ผมอยากทำมาก ก็ไปทำ แล้วเป็นคนเดียวที่ได้ทำ, พระพุทธรูปองค์เดียวที่มีอยู่ในเมืองนี้เป็นหิน เขาหวงแหนมาก ต้องทำรั้วล้อมไว้ล็อคกุญแจ ไม่สามารถเคลื่อนย้ายไปไหนได้ พอเราไปเห็นแล้วรู้สึกว่า แบบนี้ไม่ได้เลย ต้องไปทำบุญ ทำทาน เลี้ยงผู้คน ในอนาคตผมยังมองไม่ออกว่า นอกจากเรื่องการทำบุญแล้ว ยังอยากจะทำเรื่องอะไรอีก อยากจะทำโครงการใหญ่ ๆ ในเรื่องบุญ อย่างที่ เมืองไวศาลี สร้างสถูปด้วยเงินมหาศาล ผมก็ไปเจรจา เพื่อจะไปหล่อพระพุทธรูปที่นั่นเลย เป็นงานใหญ่มาก เป็นเรื่องของคนทั่วโลก เพราะเป็นหนึ่งในไม่กี่เมืองที่ได้รับพระบรมสาลีริกธาตุของพระพุทธเจ้าตั้งแต่ครั้งพระองค์ปรินิพพาน ต่อมามีการนำไปแสดงในพิพิธภัณฑ์ที่เมืองอื่น แล้วไม่ส่งคืนมาให้ จนพระไทยรูปหนึ่งได้ไปต่อสู้เรื่องนี้เป็นเวลากว่าสี่สิบปี เพื่อนำกลับมาที่ไวสาลี จนรัฐบาลอินเดียยินยอม และให้พื้นที่ประมาณพันกว่าไร่ ให้งบสร้างสถูปมหาเจดีย์ขนาดมหึมา กำลังจะแล้วเสร็จเร็ว ๆ นี้ และพระพุทธรูปที่เราสร้างจะนำไปไว้ตรงนั้น ซึ่งคนทั่วโลกจะเดินทางมาสักการะกัน

กระจายบุญ : เวลาทำบุญ ส่วนใหญ่มักทำกระจุกกันอยู่ในวัดที่มีชื่อเสียง ผมคิดไว้ว่า หลังจากจัดการส่วนตัวเรื่องต่าง ๆ ลูกเรียนจบแล้ว ผมจะไปวัดที่ยากจน ขอให้ชาวบ้านที่ไม่มีรายได้ มาทำงานให้ โดยผมจ่ายค่าแรงทั้งหมด มาช่วยกันทำความสะอาดวัด พอสถานที่สะอาด ย่อมเกิดความหวงแหน ไม่อยากให้สกปรกอีก วัดไหนไม่มีพระประธานจะสร้างให้ ผมตั้งใจทำแบบนี้ให้เกิดขึ้นจริง ๆ ครั้งนึง ผมบังเอิญไปเจอพระรูปหนึ่งที่อินเดีย เล่าให้ฟังว่า ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีหมู่บ้านหนึ่งไม่มีพระพุทธรูปเลยเกือบเจ็ดสิบปีแล้ว ไม่มีวัด เวลาจะไปวัดแต่ละที ต้องเดินทางจากหมู่บ้านตามร่องสวนไป ใกล้สุดคือสิบห้ากิโลเมตร ผมทราบครั้งแรกก็ตกใจ ไม่คิดว่าเมืองไทยจะมีพื้นที่แบบนี้ ถ้าเป็นทางภาคเหนือที่ต้องขึ้นเขาไป การเดินทางยากลำบาก อันนั้นเข้าใจได้ ผมจึงอยากรู้ตรงนั้น พระท่านถามว่า ถ้าอาตมาจะซื้อพระพุทธรูป ผมจะคิดยังไง ซึ่งตามแบบที่กำหนดมานั้น ราคาค่อนข้างสูง ผมก็บอกไปว่า “ขอคิดแค่ครึ่งเดียว ที่เหลือผมทำบุญ” แต่ท่านก็บอกว่า “แค่ครึ่งเดียวก็คงต้องเก็บกันเป็นสิบปี” จึงเรียนท่านว่า งั้นผมขอข้อมูลหน่อย เดี๋ยวทำให้โดยไม่คิดมูลค่า ปรากฏว่า ชาวบ้านกำลังจะถูกกลืนศาสนาไปหมดแล้ว ไม่มีกิจกรรมทางพุทธเลย วันสำคัญก็ไม่มีงาน จนผมเข้าไปดู และขอจัดสร้างให้จนแล้วเสร็จ เป็นองค์พระสีขาวบริสุทธิ์ ชาวบ้านพากันมาแห่พระท่ามกลางธรรมชาติป่าไม้ที่สวยงามมาก ซึ่งบรรยากาศของพระพุทธเจ้าทั้งประสูตร ตรัสรู้ ปรินิพพาน ก็คือในป่าทั้งนั้น ผมรู้สึกสวยจับจิตจับใจ เหมือนอยู่บนสวรรค์ คิดในใจว่าทำไมที่นี่ถึงซ่อนตัวอยู่แบบนี้

เจอ จน แจก : เราเข้าใจความจน เข้าใจความหิวโหย เข้าใจคนที่เขาไม่มี หรือคนที่ประสบปัญหาชีวิต เด็กพิการ ซึ่งมีอยู่ทั่วทุกจังหวัดเห็นแล้วอดไม่ได้ที่จะต้องช่วย ผมอยากให้กับคนที่เขาขาดแคลน อย่างวันเกิด ก็ไม่คิดจะฉลองหรือมีงานเลี้ยงอะไรทั้งนั้น ผมจะซื้อข้าวสารอย่างดี เท่ากับตัวเลขวันเกิดเรา แล้วไปตามหาคนที่เก็บของขาย เขาไปหาเงินเอาข้างหน้า ไม่มีเงินเดือน พอเห็นก็จอดรถ ไหว้เขานิดนึง เอาข้าวสารให้พร้อมกับเงินสดอีกจำนวนนึง เจอคนหาปลาข้างทาง ก็เรียกมารับของ ถ้าแจกจนของหมด เจอร้านค้าใกล้ ๆ ก็ซื้อมาแจกอีก ทำทุกปี ผมไปต่างจังหวัดทีไรก็ทำแบบนี้ เห็นอะไรที่เขาลำบาก ก็อยากเข้าไปช่วย เจอคนนอนในปั๊ม ก็เข้าไปถามว่าพี่ทานข้าวรึยัง เดี๋ยวซื้อมาให้ แล้วก็ให้เงินติดตัวอีกนิดหน่อย เพราะอย่างน้อย ๆ สิ่งที่เราทำได้ก็คือ ถ้าเขาหิว อาจคิดจะทำอะไรไม่ดี แต่ถ้าเขาอิ่มก็ไม่ทำแล้ว เจอคนทำความสะอาดห้องน้ำ ก็ให้เงินเขาแล้วบอกว่าว่า เป็นกำลังใจให้ ผมทำอย่างนี้ตลอด เพราะรู้สึกว่าเขาสมควรได้ สิ่งที่ทำเป็นงาน เขาไม่อาจพูดอะไรได้ แต่ถ้าเราลองเป็นอย่างเขาดูสิ

อยู่ที่ใจ ไม่ใช่จำนวน : ผมบอกกับทุกคนว่า ทำบุญกับผมอย่าทำเยอะ เพราะจะกลายเป็นมาตรฐานของตัวคุณ แล้วหากวันหนึ่งคุณเดือดร้อน จำเป็นต้องทำน้อยลง คุณจะรู้สึกแย่ แบบนี้ไม่ดี เพราะยังไงผมเป็นเจ้าภาพ เราสำเร็จอยู่แล้ว แค่เรามาร่วมบุญ เป็นกัลยาณมิตรกัน อย่าเอาตัวเลขมากำหนด ทำเท่าเทียมกันเถอะ ศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่ไม่มีความเหลื่อมล้ำ ไม่มีชนชั้นวรรณะ บุญ ไม่ได้อยู่ที่ตัวเงิน อยู่ที่สบายใจ สุขใจ ใช่ว่ามีเงินแล้วจะซื้อสวรรค์ได้ ไม่งั้นคนทำผิดมา แต่มีเงินเยอะ ก็ซื้อสวรรค์ได้สิ มันซื้อไม่ได้หรอก

ใช้ชีวิตให้มีความสุข : ผมสนุกกับชีวิตตรงที่ได้ทำในสิ่งที่ต้องการ ธุรกิจหลัก ๆ เลยคือโรงแรมที่เกาะช้าง และโรงหล่อ ซึ่งอาจบอกไม่ได้ว่าเป็นธุรกิจ เพราะทำขึ้นมาเพื่อสร้างแล้วทำบุญ และการเล่นหุ้นของผม โรงแรมนี้ก่อตั้งมาสิบกว่าปีแล้ว ระดับ 5 ดาว อยู่ในทำเลมังกร ดีมากตามหลักฮวง ได้รับรางวัลในเรื่องการบริการมาทุกปี แต่เราคุยกันในครอบครัวแล้วว่า เวลาไปทำงานที่เกาะช้าง ไม่มีเวลาไปดูแลครอบครัว คุณแม่อายุมากแล้ว ท่านคิดถึงลูก ๆ ทุกคนก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน และต่างคนก็มีธุรกิจส่วนตัวเล็ก ๆ น้อย ๆ กันหมดแล้ว รู้สึกอิ่มตัวกับการทำงานแล้ว เลยคิดจะวางมือ เพื่อดูแลครอบครัว ทั้ง ๆ ที่ธุรกิจ ยังไปได้ดีมาก

ผู้ให้ : ผมยึดถือ สัจจะ ซื่อสัตย์ ไม่คนโกง ก็ไม่สามารถอธิบายได้ว่า ทำไมจิตใจผมชอบช่วยเหลือคน ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ ทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อนก็ไม่มี แต่เมื่อผมมีแล้วรู้สึกว่า หยุดที่จะช่วยเหลือคนอื่นไม่ได้ แล้วก็ไม่รู้ว่าจะมีเงินเยอะไปทำไม ถ้าไม่แบ่งปัน อยากให้มนุษย์ทุกคนได้สิ่งดี ๆ ในชีวิตบ้าง อย่างน้อย หากเราช่วยเหลือ ทำให้เขาได้มีรอยยิ้มสักนิด ในวันนึงของชีวิตก็ยังดี ผมมีความสุขกับชีวิตที่ได้เป็นผู้ให้ครับ