ดร.วรรณวิสา บุญมาก
ดร.วรรณวิสา บุญมาก
ประธานสาขาวิชาวิทยาศาสตร์การกีฬา
คณะศึกษาศาสตร์ สาขาวิทยาศาสตร์การกีฬา
มหาวิทยาลัยศิลปากร
ฉบับนี้ กอล์ฟไทม์ ได้รับเกียรติจาก Working Woman อีกท่านที่มีดีกรีปริญญาเอกทางสาขาวิทยาศาสตร์การกีฬา การันตีความเก่ง
“คุณแม่บอกว่า ถ้าอายุเยอะแล้วยังโสด วิธีหนึ่งที่จะแก้ปัญหาคำนำหน้าได้ก็คือ ต้องเรียนให้จบปริญญาเอก”… ดร.แอม กล่าวอย่างติดตลก ตามบุคลิกของตัวตนที่เป็นคนอารมณ์ดีเสมอ
ตอนเด็กๆ เธอชอบเล่นกีฬา เป็นนักกีฬา นักทำกิจกรรม คุณพ่อพาไปสอนว่ายน้ำ ใส่ห่วงยาง ตีขา สอนมาเป็นอาทิตย์ก็ยังว่ายไม่ได้สักที คุณแม่เลยใช้วิธีจับโยนไปกลางบ่อที่ขุดไว้ ซึ่งลึกหลายเมตร แล้วลูกสาวก็ตะกายน้ำกลับมาถึงฝั่งอย่างปลอดภัย ท่ามกลางเสียงเชียร์และเสียงหัวเราะของพ่อแม่ หลังจากนั้นเธอก็ว่ายน้ำเป็นทันที
ดร.แอม ชอบเรื่องการส่งเสริมสุขภาพมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ตอนสอบเข้ามหาวิทยาลัยจึงเลือกคณะสาขาวิชาในแนวๆ นี้ทั้งหมด เมื่อสอบติดคณะวิทยาศาสตร์การกีฬา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จึงสมความตั้งใจ ซึ่งเนื้อหาที่เรียนก็ไม่เครียดเกินไป เหมาะกับตัวเองที่ชอบทำกิจกรรม
“คณะฯ นี้ ทำให้เราได้ฝึกบุคลิกภาพ ฝึกการเป็นผู้นำ ฝึกการเข้าสังคม เพราะสาขาที่เรียนจำเป็นต้องมีการติดต่อสื่อสารกับผู้อื่น ไปให้คำแนะนำ ไปพูดคุย ให้คำปรึกษา ให้ความรู้ คุณจะมีวิธีการอย่างไรเพื่อให้เข้ากับผู้อื่นได้ การได้ทำกิจกรรมเยอะๆ ช่วยให้มีพื้นฐานในเรื่องนี้ ได้มีเพื่อนหลากหลายรูปแบบ ก็ต้องเรียนรู้เพื่อให้เข้ากับคนอื่นได้ ซึ่งเป็นหน้าที่อย่างหนึ่งของนักวิทยาศาสตร์การกีฬา” ดร.แอม ขยายความ
ปัจจุบันเทรนในเรื่องการส่งเสริมสุขภาพมาแรงมาก ผู้ที่ทำงานในสายอาชีพนี้จึงมีอนาคตไปได้ไกล อย่างเช่น Personal Trainer ซึ่งในต่างประเทศนั้นมีผลตอบแทนค่อนข้างดี เพราะกว่าจะได้ใบรับรองให้ทำงานได้ในแต่ละสาขามีปลีกย่อยเยอะแยะนั้น ต้องมีคุณสมบัติมีความรู้ครบถ้วนจึงจะสอบผ่าน แต่ในบ้านเรายังไม่มีข้อกำหนดในเรื่องนี้อย่างชัดเจนนัก
“ถ้าเราพัฒนาเด็กของเราให้มีคุณบัติตอบสนองในเรื่องนี้ได้ โดยการให้ความสนับสนุนจากองค์กรที่เกี่ยวข้องกับกีฬาโดยตรง ย่อมจะทำให้การพัฒนาส่วนนี้เห็นผลชัดเจน ซึ่งนี่คือจุดประสงค์หลักของสาขาวิทยาศาสตร์การกีฬา”
ย้อนไปเมื่อสมัยยังเป็นนิสิต เพราะเป็นเด็กชอบทำกิจกรรม อาจารย์จึงช่วยหางานมารอตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ แต่เธอก็ต้องเลือกว่า จะทำงานด้านโรงแรมเพื่อหาประสบการณ์ หรือเรียนต่อทันที เนื่องจากผ่านการคัดตัวเพื่อไปทำงาน พร้อมกับผ่านการสอบปริญญาโท พร้อมๆ กัน ต้องตัดสินใจว่าจะไปทางไหน จนต้องขอคำปรึกษาจากคุณพ่อ
“คุณพ่อให้คำแนะนำว่า ประสบการณ์ของเรานั้นเกิดขึ้นตลอดเวลาอยู่แล้วเนื่องจากชอบทำกิจกรรม ไม่เคยได้หยุดเลย แม้กระทั่งตอนปิดเทอม แล้วยิ่งฟังจากน้ำเสียงก็พอรู้ว่าท่านอยากให้เรียนมากกว่า ก็ตัดสินใจเรียนปริญญาโทต่อทันที”
ตอนปริญญาตรีเลือกเรียนการส่งเสริมสุขภาพ พอปริญญาโทก็เลือก เวชศาสตร์การกีฬาที่คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาฯ เป็นการเจาะลึกการบำบัดการฟื้นฟู อะไรที่จะพัฒนาศักยภาพนักกีฬา จะดูแลผู้ที่ได้รับการบาดเจ็บ อย่างไร จะป้องกันอย่างไร
“อาจารย์ให้โอกาสไปทำงานที่คลีนิก เป็นการพัฒนาสุขภาพโดยองค์รวม แบ่งออกเป็น กาย คือการออกกำลังทางกาย, สุขภาพ ทั้งในเรื่องของจิต และการดูแล โดยให้แพทย์มาควบคุม เราก็เข้าไปทำงานพาร์ทไทม์ระหว่างเรียน เป็นผู้ให้คำแนะนำ ออกแบบโปรแกรมการออกกำลังให้กับลูกค้าที่เข้ามา และยังเป็นผู้ให้คำปรึกษาที่เวลเนสเซ็นเตอร์ โรงพยาบาลจุฬาฯ คอยให้คำแนะนำเรื่องดูแลสุขภาพ เช่น หากมีความดันโลหิตสูง หรือเป็นเบาหวาน หรือร่างกายอาจจะไม่อ้วนแต่มีปัญหาเหมือนกับคนอ้วน จะต้องทำอย่างไร ซึ่งก็จะออกใบสั่งเหมือนกับเภสัชกร แต่เป็นใบสั่งรายละเอียดการออกกำลังกายที่เหมาะสมให้กับผู้มารับคำปรึกษา เป็นงานที่ท้าทายและสนุกจริงๆ ค่ะ”
แต่กว่าจะจบก็เล่นเอาเหนื่อยแทบใจขาด เพราะเธอต้องเจอกับวิชาการที่อยู่ในแวดวงของคุณหมอทั้งนั้น และยาขมสุดๆ ก็คือ ภาษาอังกฤษ ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมามาตั้งแต่เด็กๆ แต่ความพยามยาม และการทำตัวเป็นรวงข้าวที่เต็มไปด้วยเมล็ด พร้อมจะโน้มตัวลงให้กับทุกคนเสมอ หมั่นพบอาจารย์ที่ปรึกษาทุกอาทิตย์ ซึ่งท่านก็ให้ความใส่ใจเต็มที่กลับมาด้วยเช่นกัน
“สิ่งนี้ก็สะท้อนกลับมาเมื่อตัวเองต้องมาเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาบ้าง เวลาคือสิ่งสำคัญที่สุดเราจะต้องมีให้เขา” นั่นคือความประทับใจเมื่อครั้งเป็นนักเรียน ได้ถูกส่งผ่านเมื่อต้องมารับบทผู้สอนบ้าง
เมื่อเรียนจบ เธอกลับมีความรู้สึกว่า ตัวเองยังไม่รู้อะไรเลย โดยเฉพาะภาษาอังกฤษ คู่ปรับเก่า จึงตัดสินใจไปประเทศอังกฤษเพื่อเรียนภาษาเริ่มกันตั้งแต่ขั้นพื้นฐานเลย แล้วก็ขอความสนับสนุนจากทางบ้านแค่จำนวนจำกัด กะว่าจะไปหางานพิเศษทำที่โน่น โดยคิดอย่างมั่นอกมั่นใจ
“รบกวนทางบ้านแค่ลงทะเบียนแล้วเหลือใช้แค่ไม่กี่เดือน เพราะคิดว่ายังไงก็ต้องหางานทำจนได้แน่ๆ”
งานแรกที่ได้คือร้านอาหารไทย โดยต้องทำทุกอย่าง ตั้งแต่ ล้างจาน รับออร์เดอร์ ทั้งในร้านและแพ็คของส่งเดลิเวอรี่ อาศัยที่ไม่ใช่ลูกคุณหนูอยู่แล้ว รู้จักพึ่งพาตัวเองมาตลอด ทำได้ทุกอย่างไม่มีเกี่ยง ทำงานอยู่ชั้นใต้ดินในห้องครัว เริ่มตั้งแต่รับออร์เดอร์ที่ส่งลงมาตามท่อ พอดูปุ๊ปก็ต้องแยกแยะว่าเมนูอะไรเสร็จเร็วเสร็จช้า เพื่อจะได้สั่งพ่อครัวให้ถูกจังหวะ ทันกับเมนูอื่นๆ และลูกค้าได้รับอาหารเร็วที่สุด วันไหนคนน้อยก็ต้องทำเองทั้งหมด ถ้าคนเยอะร้านถึงจะจ้างคนมาช่วย ซึ่งเธอต้องทำงานเยอะแบบนี้ตั้งแต่วันแรกที่เข้าไป ทั้งๆ ที่ครั้งแรกเขาจะให้แค่ล้างจาน แต่พอเห็นหน่วยก้านก็รู้ทันทีว่าทำได้หลากหลายหน้าที่ เลยเหมาทุกอย่างมาให้ทำ จนได้เป็นหัวหน้าห้องครัว
“สิ่งสำคัญที่ได้เรียนรู้จากร้านอาหาร ไม่ใช่เรื่องแค่ภาษาอังกฤษ หรือการทำครัว แต่กลับเป็นเรื่อง การบริหาร เพราะคนทำงานในนั้นมีหลากหลาย ทำให้ต้องเรียนรู้เพื่อจะปรับตัวให้อยู่ด้วยกันได้ และเรียนรู้จะทำอย่างไร จะใช้คนแบบไหน ถึงจะทำงานได้สำเร็จตามที่ได้รับมอบหมาย เพราะบางคนก็เป็นรุ่นพี่ หรือเป็นพนักงานอาชีพ ก็ต้องรู้จักวิธีเข้าหาเขา สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่ได้จากการทำงานในร้าน และติดตัวมาถึงปัจจุบันก็คือ การเป็นคนพูดตรง แต่พูดแล้วจบ ซึ่งยอมรับว่า บางสถานการณ์อาจจะไม่เหมาะก็มี”
เมื่อเรียนไปได้หลายเดือน เริ่มใช้ภาษาคล่อง อยากจะลองเปลี่ยนงานบ้าง แต่ร้านก็ไม่อยากให้ไปไหน เพราะเธอไปทำให้งานในครัวเป็นระเบียบเรียบร้อย ถึงรายได้ผลตอบแทนจะดี แต่จุดหมายเธอไม่ได้อยู่ตรงนั้น เมื่อจะพัฒนาภาษาก็ต้องไปใช้ภาษา จึงไปสมัครงานในร้านที่ได้ไปเสิร์ฟ ได้พูดคุยกับลูกค้าบ้าง รับออร์เดอร์ทางโทรศัพท์ รายได้น้อยกว่าแต่ได้ใช้ภาษาอย่างเต็มที่
เมื่อมีงาน มีรายได้ มีเงินเก็บ วิธีจะใช้ให้คุ้มค่าที่สุด ไม่ใช่การเลือกซื้อข้าวของเครื่องใช้ แต่เป็น… การออกไปหาประสบการณ์
“การลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดคือการไปเที่ยว ในชีวิตตั้งใจไว้ว่า แต่ละปีจะต้องเดินไปต่างประเทศ เปิดโลกทรรศน์ให้กับตัวเอง ชอบเดินทาง เพราะคิดเสมอว่า การได้ไปเจอคน ได้เห็นอะไรที่มันแตกต่าง ได้เรียนรู้สิ่งแปลกๆ ใหม่ๆ พอทำงานเก็บเงินได้ก็สะสมเอาไว้ไปเที่ยว แบ็คแพ็คไปตามประเทศต่างๆ กับเพื่อน”
พออยู่จนเริ่มชิน ใจก็อยากจะอยู่เรียนต่อปริญญาโททางด้านบริหาร แต่คุณแม่ไม่สบายอยากให้กลับ แล้วก็ต้องตัดสินใจว่าจะเป็นนักวิทยาศาสตร์ทางการกีฬาหรือจะทำอะไรดี คุณแม่ก็จุดประกายเรื่องการเรียนให้อีก พอดีได้ปรึกษากับอาจารย์ที่เคารพนับถือ ท่านก็ชักชวนให้กลับไปเรียนที่คณะวิทยาศาสตร์การกีฬา โดยตัดสินใจเลือกเรียน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทางการกีฬา ส่งใบสมัครและหัวข้อแผนโครงงาน พอกลับมาก็สอบ และได้เข้าเรียนปริญญาเอกที่จุฬาฯ…
“โชคดีมากๆ ที่ช่วงกำลังเรียนแล้วหางาน พบว่าที่มหาวิทยาลัยศิลปากร เปิดรับสมัครผู้ที่กำลังศึกษาระดับปริญญาเอกที่ผ่านโครงร่างแล้ว หรือจบการศึกษาระดับปริญญาโท ซึ่งคุณสมบัติของเราตรงพอดี ทำให้ได้มาเริ่มงานที่นี่ ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยจนจบ พี่ๆ ก็ให้โอกาสสนับสนุนเป็นประธานสาขาฯ โดยผลงานวิจัยระดับปริญญาเอกเป็นเรื่องเกี่ยวกับการสร้างโมเดลทดสอบสมรรถภาพหัวใจและปอด โดยนำมาปรับรูปแบบต่างๆ ให้เหมาะกับคนไทย เพราะที่ผ่านมานั้นเราจะใช้ของฝั่งตะวันตกซึ่งผู้คนมีลักษณะทางกายภาพที่แตกต่างจากเราอยู่พอสมควร”
“ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรือชีวิตส่วนตัว ก็จะใช้ใจสัมผัส เพราะทุกอย่างถ้าทำด้วยความหวังดี เราก็กล้าที่จะทำ ใครที่สัมผัสใจกันได้เราก็ให้เต็มที่ แต่ถ้าใครที่เขาไม่เห็นคุณค่า ไม่รับในสิ่งที่ให้ เราก็ต้องรู้จักถอย มิเช่นนั้นเราเองจะรู้สึกผิดหวัง เศร้า จนจะเกิดความกังวล จนตั้งคำถามให้กับตัวเองว่า ทำอะไรผิดรึเปล่า และเมื่อทบทวนแล้วว่าเราไม่ได้ทำอะไรผิด ก็ต้องคิดว่า ทำดีที่สุดแล้ว”
“ประธานสาขาฯ มีหน้าที่ควบคุมดูแลการดำเนินงานของสาขาวิทยาศาสตร์การกีฬา สร้างหลักสูตรการศึกษาระดับปริญญาโท เปิดการศึกษาระดับปริญญาโทสาขาวิทยาศาสตร์การกีฬา รวมทั้งดูแลศูนย์การออกกำลังกาย Fitness SU.ED. Center ที่มีเครื่องมือทันสมัย เหมือนกับห้องทดลองขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นมาเพื่อให้นักเรียนของคณะฯ ได้ฝึกปฏิบัติจากของจริง สามารถสร้างสรรค์การออกกำลังกายในส่วนต่างๆ ได้แบบครบวงจร เช่นในส่วนพื้นที่บอดี้เวจ ถ้ามีลูกค้าต้องการออกกำลังกายเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ คุณจะผูกท่าออกกำลังกายต่างๆ ให้กับเขาอย่างไร, ในกลุ่มคาดิโอ เรื่องการไหลเวียนของโลหิต ก็มีเครื่องไม้เครื่องมือครบถ้วน ซึ่งเราเปิดให้บริการกับบุคคลทั่วไปหากต้องการ Personal Trainer เพื่อผลลัพธ์ในการออกกำลังที่ดี และยังเป็นการส่งเสริมให้นักเรียนได้มีทุนการศึกษาอีกด้วย”
“การไม่ได้เป็นคนเก่งมาตลอด แต่พร้อมที่จะเรียนรู้ ก็ทำให้ได้รู้จักโลก เปิดโลกทรรศน์ได้กว้างขึ้น แต่ขณะเดียวกันก็ต้องรู้จักหยุดให้เป็นด้วย เพราะอะไรที่น้อยเกินไปมากเกินไปย่อมไม่ดีทั้งนั้น ต้องรู้ว่า ทุกคนไม่มีใครขาวหมดหรือดำหมด ต่างก็มีด้านเทาๆ กันทุกคน ดังนั้นเวลาทำงานก็ต้องจริงจัง แต่พอหมดจากงานแล้ว เล่นก็คือเล่น จะเครียดแค่ไหนก็ต้องรู้จักตัด รู้จักผ่อนคลายให้ตัวเอง คืนกำไรให้ตัวเองบ้าง หรือจะใช้วิธีของแอมก็ได้นะคะ… ออกไปเที่ยวกันเถอะค่ะ”