สัพเพฯ กอล์ฟ

โลกของโซเชียล

โลกของโซเชียล

ลองมองย้อนกลับไปสมัยปู่ย่าตายายการสื่อสารซึ่งกันและกันคงจะเป็นการเขียนจดหมายซึ่งกว่าจะถึงมือคนอ่าน และรู้ข้อความที่อยากสื่อก็นานโขอยู่ยิ่งถ้าบ้านเรือนอยู่ในป่าในรกมันก็ยากที่จะทราบความในจดหมาย ซึ่งบางครั้งต้องรอให้ผู้ใหญ่บ้านหรือใครต่อใครที่เผอิญผ่านไปก็ฝากถือกันมา ก็อย่างที่บอกกว่าจะรู้เรื่องรู้ราวกันพอดีพอร้ายถ้าเป็นงานขาวดำคงเผากันไปแล้ว…

ผมจำได้ว่ามีอยู่ครั้งหนึ่งที่พี่ชายของผมเขียนจดหมายมาที่บ้าน ซึ่งความจริงมันก็ไม่ได้อยู่ไกลจากกรุงเทพฯ ไม่กี่มากน้อยแต่ไอ้คนที่อาสาไปรับจดหมายมาส่งดันเมาตั้งแต่ในเมืองกว่าจะกลับก็ล่วงเข้าเช้าอีกวันขนาดเสื้อผ้าแทบจะไม่ติดกายแบบนี้ “จดหมาย” มันจะเหลือให้อ่านกันมั้ยนี่ แต่ถ้าเป็น “โทรเลข” ส่งมาถึงบ้านใครเตรียมตัวขนหัวลุกได้เลย ที่พอรับได้คือแจ้ง “คนเจ็บ” แต่ที่หนาวคือ “แจ้งตาย” ของใครสักคน…นี่แหละการติดต่อสื่อสารในสมัยนั้นจะว่าไปมันก็ไม่ได้นานเนสักปานไหน…

อีกเรื่องหนึ่งของการทวงถามด้วยจดหมายคือ “การทวงหนี้”  แล้วยิ่งหนี้ที่เฉียดเป็นเฉียดตายคือ อีกไม่กี่ทิวาราตรีที่จะโดนยึด แต่ไอ้ตัวจดหมายมันดันกลับไปตกที่มือของคนที่อยากได้ที่ผืนนั้นเขาก็เอา “จดหมาย” ทวงถามเก็บเงียบไว้พอใกล้เวลาเขาก็เอามาส่งให้แต่ก็อย่างว่ามันจะไปหาเงินหาทองอะไรมาเอาที่ออกมาได้สุดท้ายมันก็หลุดมือไปเห็นๆ ทั้งๆ ที่เงินไม่ได้มากมายอะไรเลย…สำหรับยังความในจดหมายมันก็ถูกแกะอ่านมาแล้วเสร็จสรรพและสุดท้ายที่ก็หลุดไปอยู่ที่มือคนที่อมจดหมาย เรื่องแบบนี้มันไม่เชื่อก็ต้องเชื่อเพราะคนที่ได้ที่ทางไปตายไม่ดีสักคนเดียว กว่าจะตายแบกแผ่นดินกินยันตาย…

กลับสู่โลก ณ เวลานี้การจะติดต่อพูดคุยกันขนาดอยู่คนละซีกโลกยังรู้ยังเห็นเรื่องคนอื่นได้เป็นนาทีต่อนาทีคือ “เลือกได้ทุกเวลา” ถ้าอยากออกกำลังยังตอนนี้พวกพระพวกเจ้านอกรีดนอกศาสนามันมากันทิวแถวยังไม่แยกแยะว่าอะไรดีอะไรร้ายมันจะพาลให้เสียสติกันได้ทุกเวลา อย่างมีกรณีเด็กเชื่อมจิตบ้างก็เตลิดเปิดโปงหลงเชื่อทะเลาะกันขนาดขึ้นโรงขึ้นศาลกันเชียว ขอให้เรื่องบ้าบอที่เสนอมันจบเสียที นี่แหละสื่อโซเชียลที่มันมีอิทธิพลต่อสังคมอยู่ทุกวันนี้ แล้วยังข่าวเลวๆ นี่มันพุ่งพรวดเหมือนไอ้หนุ่มคนหนึ่งที่ทำดีมาเป็น 100 เรื่องไม่ดัง แต่พอแกล้งบ้าพาลตีไอ้โน่นไอ้นี่บวกหน้าตายยอดในโซเชียลเป็นล้านๆ เอ้ามันจะบ้ากันไปใหญ่แล้ว

ครูไก่