‘แบลนด์’ ซิวเมเจอร์ระดับซีเนียร์ที่มิชิแกน
‘แบลนด์’ ซิวเมเจอร์ระดับซีเนียร์ที่มิชิแกน
ริชาร์ด แบลนด์ นักกอล์ฟจากอังกฤษอาศัยช่วงเวลาว่างที่ไม่มีการแข่งขันของลีฟกอล์ฟมาคว้าแชมป์เมเจอร์ไปครองด้วยการคว้าแชมป์ ซีเนียร์ พีจีเอ แชมเปียนชิพ ที่มิชิแกน สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นการลงเล่นเมเจอร์ซีเนียร์เป็นครั้งแรกของเขา โดยในรอบสุดท้ายที่ ฮาร์เบอร์ชอร์ส เขาทำสกอร์เข้ามา 8 อันเดอร์พาร์ 63
การแข่งขันรอบสุดท้ายต้องล่าช้าไปเป็นชั่วโมงเนื่องจากพายุ ซึ่งช็อตแห่งชัยชนะของ แบลนด์ เกิดขึ้นที่หลุม 15 พาร์ 5 หลังแอพโพรชขึ้นไปเก็บอีเกิ้ลระยะ 6 ฟุตลงไป ซึ่งจากตรงนั้นทำให้ที่ตามหลัง เกร็ก ชาลเมอร์ส 1 สโตรก พลิกมานำหน้า 1 สโตรก เนื่องจาก ชาลเมอร์ส ทำได้แค่พาร์
จากนั้น แบลนด์ นักกอล์ฟวัย 51 ปี เก็บ 3 พาร์ในการเล่น 3 หลุมสุดท้ายพร้อมกับคว้าแชมป์แรกนับตั้งแต่ชนะ บริติช มาสเตอร์ส เมื่อปี 2021 รายการในระดับยูโรเปียนทัวร์
แบลนด์ไม่ได้ทราบว่าตนเองได้สิทธิจนกระทั่งเมื่อปีที่ผ่านมา ซีเนียร์ พีจีเอ แชมเปียนชิพ แจ้งไปว่าเขาได้สิทธิเข้าร่วมการแข่งขันในฐานะที่คว้าแชมป์ยูโรเปียนทัวร์ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา แต่เขาไม่ได้ร่วมการแข่งขันเนื่องจากการแข่งขันเกิดขึ้นในสัปดาห์เดียวกับกับ ลีฟกอล์ฟ เบดมินสเตอร์ ในนิวเจอร์ซีย์
ในปีนี้ แบลนด์ สอบถามไปว่าเขายังได้สิทธิเข้าร่วมการแข่งขัน ซีเนียร์ พีจีเอ แชมเปียนชิพ อยู่หรือไม่ ซึ่งทาง พีจีเอ ออฟ อเมริกา ก็ได้เชิญเขาเข้าร่วมการแข่งขัน
“ตอนชนะ บริติช มาสเตอร์ส ในวัย 48 ปีนั้นเป็นอะไรที่พิเศษมากอยู่แล้วสำหรับผม และนั่นทำให้ผมได้เข้ามาร่วมการแข่งขันรายการนี้อีก ผมคงไม่สามารถมีความสุขไปมากกว่านี้อีกแล้ว”แบลนด์กล่าว “จากนี้ไปผมจะฉลองอย่างเต็มเหนี่ยว”
ในซีเนียร์ พีจีเอ แชมเปียนชิพ ครั้งนี้ แบลนด์ คว้าชัยชนะเหนือ ริชาร์ด กรีน 3 สโตรก โดยในรอบสุดท้าย กรีน ทำสกอร์เข้ามา 65 และจบการแข่งขันในอันดับสองแต่เพียงผู้เดียว และในรอบสุดท้ายแทบไม่มีลุ้นที่จะชนะการแข่งขันเลย
คนที่มีโอกาสมากกว่าเป็น ชาลเมอร์ส นักกอล์ฟถนัดซ้ายจากออสเตรเลียที่นำการแข่งขันตอนที่การแข่งขันเหลืออีกเพียง 4 หลุมสุดท้าย แต่เขาทำได้เพียงพาร์ที่หลุม 15 เข้าหลุม 16 ทีช็อตแอพโพรชไม่เจอกรีนออกโบกี้ ตามด้วยอีกโบกี้ที่หลุม 17 พาร์ 3 หลังทีช็อตไปตกบังเกอร์ และไม่สามารถขึ้นมาเซฟพาร์ได้
ชาลเมอร์ส ไปเสียโบกี้ที่หลุม 18 ด้วยทำให้จบสกอร์รอบสุดท้าย 68
เจสัน แครอน จบสกอร์รอบสุดท้าบ 66 จบการแข่งขันในอันดับสี่ร่วมกับ สกอตต์ เฮนด์ (66) แต่ที่ผิดหวังที่สุดเป็น เออร์นี เอลส์ ซึ่งยังไม่สามารถคว้าแชมป์เมเจอร์ในซีเนียร์ได้เลย เอลส์ นำร่วมกับ ชาลเมอร์ส หลังผ่าน 54 หลุม เข้ารอบสุดท้ายนักกอล์ฟจากแอฟริกาใต้ทำเข้ามา 70 จบอันดับหกร่วม
ทางด้าน แบลนด์ นั้นฉลองชัยชนะด้วยน้ำตาซึ่งเขาบอกว่าเขานึกถึง ฮีธ น้องชายของเขาซึ่งได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารเมื่อปีที่ผ่านมา และเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเพิ่งพบว่าเป็นมะเร็งในปอด
“ผมต้องการคว้าชัยชนะรายการนี้เพื่อมอบสำหรับเขามากที่สุด” แบลนด์กล่าวทั้งน้ำตา
การแข่งขันในช่วงแรกนั้นเป็นการบี้กับระหว่าง ชาลเมอร์ส ที่เก็บมา 6 เบอร์ดี้โดยที่ยังไม่เสียโบกี้ ขณะที่ แบลนด์ ทำมา 8 เบอร์ดี้ชดเชยกับ 2 โบกี้ในช่วง 12 หลุมแรก ก่อนที่นักกอล์ฟจากอังกฤษจะขึ้นนำด้วยอีเกิ้ลที่หลุม 15 และจากนั้นไม่มีใครไล่เขาทันอีกเลย
แบลนด์ จบสกอร์สี่วันที 17 อันเดอร์พาร์ 267
ชัยชนะรายการนี้ทำให้ แบลนด์ ได้สิทธิร่วมการแข่งขัน ยูเอส ซีเนียร์ โอเพน ระหว่างวันที่ 27-30 มิ.ย.นี้ ที่นิวพอร์ต คันทรี คลับ ในโรดไอส์แลนด์ ซึ่งจะจัดขึ้น 1 สัปดาห์หลังการแข่งขัน ลีฟกอล์ฟ แนชวิลล์
ยังไม่ชัดเจนว่าเขาจะจัดการอย่างไรหลังจากนั้น เนื่องจาก พีจีเอทัวร์แบนนักกอล์ฟจากลีฟกอล์ฟ ซึ่ง แบลนด์อยู่ในอันดับ 25 บนตารางคะแนนของลีฟกอล์ฟและยังไม่มีการการันตีว่าเขาจะได้เข้าร่วมในลีกกอล์ฟของกลุ่มทุนซาอุดิอาระเบียในปีหน้าหรือไม่
“ผมไม่รู้เหมือนกันว่าจะมีกี่ประตูที่เปิดรออยู่” แบลนด์กล่าว “แต่เห็นได้ชัดที่สุดว่าตอนนี้ผมมุ่งมั่นอยู่กับลีฟกอล์ฟ”
เขาทำเงินไปแล้ว 9.8 ดอลลาร์สหรัฐฯ นับตั้งแต่เข้าร่วมกับ ลีฟกอล์ฟ เมื่อเดือนมิถุนายน 2022 แต่อย่างน้อย แบลนด์ ก็รู้ว่าเขายังสามารถเข้ามาร่วมเล่นกับซีเนียร์ทัวร์สำหรับนักกอล์ฟอายุ 50 ปีขึ้นไปได้
“นี่เป็นรายการแรกที่ผมเข้าร่วมการแข่งขัน ที่น่าสนใจคือผมอยากรู้ว่าเกมของผมจะสามารถสู้กับนักกอล์ฟชั้นยอดเหล่านี้ได้แค่ไหน” แบลนด์กล่าว “โชคดีที่ผมสามารถทำได้”
สำหรับแชมป์เก่า สตีฟ สตริคเกอร์ จบสกอร์รอบสุดท้าย 68 รวมสี่วันแพ้แชมป์ไป 7 สโตรก จบการแข่งขันในอันดับแปด