แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ ‘เจสัน เดย์’ พบเส้นทางกลับสู่ตำแหน่งแชมป์
แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ ‘เจสัน เดย์’ พบเส้นทางกลับสู่ตำแหน่งแชมป์
โดย Jim McCabe
มีกรณีศึกษาที่น่าสนใจที่มาจากนักกอล์ฟอาชีพผู้ยิ่งใหญ่หลายคนและบ่อยครั้งที่ช่วงพีคของอาชีพเน้นย้ำให้เห็นถึงช่วงอายุการทำงานของร่างกายที่มีประสิทธิภาพในเกมกอล์ฟ
อาร์โนลด์พาลเมอร์อาจเป็นตัวอย่างที่สำคัญในกรณีนี้ได้โดยในขณะที่เขาได้รับการยกย่องว่าเป็นสตาร์ดังที่สุดของเกมกอล์ฟในช่วงระยะเวลาตั้งแต่ปี1960 ถึง1975 แต่เขาสามารถคว้าแชมป์รายการสำคัญทั้ง7 รายการได้ระหว่างเดือนเมษายนปี1958 ถึงเดือนเมษายนปี1964
ตอนที่พาลเมอร์คว้าแชมป์มาสเตอร์สครั้งที่4 ในปี1964 เขาเพิ่งมีอายุ34 ปีและหากคุณบอกว่าเขาจะไม่ชนะรายการเมเจอร์อีกเลยคงไม่มีใครเชื่อแน่นอนแต่นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นในเวลาต่อมา
การยกตัวอย่างอาร์โนลพาลเมอร์ก็เพื่อนำไปสู่การอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นกับกรณีของเจสันเดย์โปรกอล์ฟจากออสเตรเลียที่เคยมีช่วงเวลาการโชว์ฟอร์มการเล่นที่ร้อนแรงและก้าวสู่ตำแหน่งมือหนึ่งของโลกซึ่งในปัจจุบันนี้หลายคนอาจลืมไปแล้วว่าเขาเล่นได้ยอดเยี่ยมแค่ไหนในช่วงท็อปฟอร์มแต่จริงๆ แล้วเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้
ทว่าในพีจีเอทัวร์ผู้คนมักจะมุ่งไปที่จอร์แดนสปีธและจัสตินโธมัสซึ่งเป็นเพื่อนคู่ซี้มาตั้งแต่สมัยเป็นนักกอล์ฟเยาวชนของAmerican Junior Golf Association พอมาในระดับมหาวิทยาลัยเป็นคู่แข่งขันกันที่มหาวิทยาลัยเท็กซัสและอลาบามาจากนั้นมาเป็นคู่หูในทีมไรเดอร์คัพและเพรสซิเดนส์คัพทั้งคู่โชว์ฟอร์มสุดฮอตในเวทีพีจีเอทัวร์ในช่วงวัย20 ปีและขยับขึ้นรั้งตำแหน่งเบอร์หนึ่งของโลก
ในช่วงท็อปฟอร์ม 5 ปีของจอร์แดนสปีธ(ปี2013 – 2017) เขาชนะเลิศ13 รายการเป็นรายการเมเจอร์3 ครั้งขณะที่จัสตินโทมัสช่วงฟอร์มพีค5 ปี(ปี2016-2020 ) เขาคว้าแชมป์13 รายการโดยสองรายการเป็นแชมป์เมเจอร์แต่ในวัย30 กว่าดูเหมือนว่ายังไร้แชมป์และนับแต่ช่วงฟอร์มฮอตของพวกเขาปัจจุบันจอร์แดนสปีธหล่นไปอยู่อันดับ19 ของโลกส่วนจัสตินโธมัสรั้งอันดับ28 ของโลกทำให้ผู้คนสงสัยว่าเกิดความผิดพลาดตรงไหน
สิ่งนี้พิสูจน์ให้เห็นว่าทุกอย่างเป็นเรื่องของมุมมองเพราะนักกอล์ฟอันดับ22 ของโลกคนปัจจุบันอย่างเจสันเดย์ผู้คนต่างปรบมือให้ว่าทำสิ่งที่ถูกต้องแล้วสำหรับหนุ่มออสซี่รายนี้
เรื่องราวของเขาไม่ได้ต่างจากเรื่องของจอร์แดนสปีธและจัสตินโธมัสช่วงฟอร์มฮอต5 ปีของเจสันเดย์(ปี2014-2018) คือการลงเล่น95 ทัวร์นาเมนท์อย่างมีประสิทธิภาพคว้าแชมป์ในพีจีเอทัวร์11 รายการรวมถึงพีจีเอแชมเปี้ยนชิพในปี2015 ซึ่งเขาเอาชนะจอร์แดนสปีธ ในการต่อสู้ที่น่าจดจำที่เวสต์ลิงสเตทส์
สิ่งที่ไม่ควรมองข้ามคือการที่เจสันเดย์ครองมือหนึ่งของโลกได้ถึง3 ครั้งในช่วงเวลาที่แตกต่างกันรวมถึงการยึดครองตำแหน่งมือหนึ่งของโลกเป็นเวลา47 สัปดาห์ตั้งแต่เดือนมีนาคมปี2016 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ปี2017 สิ่งที่เหมือนกับจอร์แดนสปีธและจัสตินโธมัสอีกอย่างคือเจสันเดย์ขึ้นสู่จุดสูงสุดของการจัดอันดับโลกในช่วงวัย20 ปีกว่าคืออายุ27 และ28 ปีแต่สิ่งที่ทำให้เรื่องราวของเขาน่าสนใจมากคือการที่เขาต่อสู้กับอาการบาดเจ็บต่างๆและมรสุมชีวิตจนกลับมาสู่เส้นทางคว้าแชมป์ได้อีกครั้ง
“บอกตามตรงผมเกือบตัดสินใจเลิกเล่นกอล์ฟแล้ว” เดย์กล่าวโดยอ้างถึงอาการบาดเจ็บที่หลังซึ่งนำไปสู่การเล่นที่ย่ำแย่ และทำให้เขาคิดถึงการกลับไปอยู่บ้านกับเอลลี่ภรรยาของเขาและลูกๆ ทั้ง 5 คน

ปีทองของเจย์สันเดย์เกิดขึ้นในปี2015 เขาคว้าแชมป์5 รายรวมถึงแชมป์เมเจอร์พีจีเอแชมเปี้ยนชิพจากนั้นมาได้แชมป์รายการใหญ่อีก3 รายการในปี2016 ได้แก่อาร์โนลด์พาลเมอร์อินวิเตชั่นแนลพรีเซนเต็ดบายมาสเตอร์การ์ด,เวิลด์กอล์ฟแชมเปี้ยนชิพเดลเทคโนโลยีส์แมตซ์เพลย์และเดอะเพลเยอร์สแชมเปี้ยนชิพและในปี2017 เขาเซ็นสัญญามูลค่ามหาศาลกับไนกี้พร้อมครองมือหนึ่งโลกในสัปดาห์ที่51 ช่วงต้นเดือนเมษายนปี2017 แต่ 5 ปีต่อมาหล่นไปอยู่อันดับ178 ของโลก
เมื่อพบกับเหตุการณ์แบบนี้อาจส่งสัญญาณสู่การเลิกเล่นแต่เจสันเดย์ยืนยันว่า“ผมโอเคกับมันเพราะเป็นช่วงเวลาที่ผมเครียดมากในชีวิตเอลลี่ไม่เคยยอมแพ้ที่จะกระตุ้นให้ผมกลับสู่เส้นทางการคว้าแชมป์อีกครั้งเธอคอยผลักดันให้ผมพยายาม และทำให้ดีกว่าเดิมอยู่เสมอ”
แม้ในฤดูกาล2022 เจสันเดย์ปิดฉากด้วยการทำเงินรางวัลเพียง1,086,460 เหรียญสหรัฐซึ่งน้อยที่สุดของรุกกี้พีจีเอทัวร์ปี2008 แต่ก็ยังมีเรื่องราวที่น่ายินดีและสิ่งสำคัญคือการมีวุฒิภาวะของเขาและเขาได้แสดงให้เห็นในเดือนพฤษภาคมปี2023 เมื่อกลับมาคว้าแชมป์พีจีเอทัวร์เป็นครั้งแรกในรอบ5 ปีในรายการซีเจคัพไบรอนเนลสัน
“ผมคิดว่าคำแนะนำที่ผมจะบอกกับเจสันเดย์ตอนอายุน้อยกว่านี้คือให้อดทนและพยายามทำให้ดีกว่าเดิมเสมอแค่พยายามพัฒนาให้ตัวเองดีขึ้น”
ชัยชนะรายการซีเจคัพไบรอนเนลสันซึ่งเขาจะกลับมาป้องกันแชมป์ในเดือนพฤษภาคมนี้โดดเด่นด้วยผลงานการปิดฉากรอบสุดท้ายที่สกอร์62 และยังมีความพิเศษสำหรับเจสันเดย์เพราะเขาคว้าแชมป์พีจีเอทัวร์ครั้งแรกในรายการเดียวกันนี้เมื่อ13 ปีก่อน
“มันคือการเดินทาง”เจสันเดย์กล่าวหลังคว้าแชมป์ในวันนั้นและปัจจุบันในวัย36 ปีมุมมองก็แตกต่างออกไปโดยโปรกอล์ฟออสซี่กล่าวต่อว่า“กอล์ฟเป็นสิ่งดีที่ผมมีและการคว้าแชมป์ก็เป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมแต่ในท้ายที่สุดแล้วคนรอบข้างคุณ(ภรรยาและลูกๆ)คือสิ่งสำคัญที่สุด”
ชัยชนะครั้งที่13 ในพีจีเอทัวร์ของเจสันเดย์มีความหมายสำหรับเขาเป็นอย่างมากแต่ฟอร์มการเล่นที่มีมาตรฐานสูงทำให้เขากลับมาอยู่ในกลุ่มโปรกอล์ฟแถวหน้าของโลกอีกครั้งปัจจุบันรั้งอันดับที่22 ของโลกตามหลังจอร์แดนสปีธเพียงตำแหน่งเดียวและนำหน้าจัสตินโธมัสเล็กน้อยขณะที่ตอนนี้กำลังเข้าสู่ช่วงรายการเมเจอร์ของฤดูกาลบวกกับโอกาสที่จะได้กลับมาติดสู่ทีมเพรสซิเดนท์สคัพซึ่งเขาลงเล่นให้ทีมนานาชาติครั้งหลังสุดในปี2017 ทำให้เจสันเดย์กลายเป็นนักกอล์ฟที่น่าจับตามอง
จุดแข็งที่สำคัญที่สุดของเจสันเดย์คือการมีจิตใจที่สงบ“ผมรู้สึกขอบคุณตัวเองที่สามารถลงเล่นได้แม้เจอความกดดันทุกวัน”
ดังนั้นหากคุณกำลังครุ่นคิดสงสัยในตัวนักกอล์ฟชั้นนำที่อันดับโลกร่วงขอให้หยุดและหันไปสนใจนักกอล์ฟคุณภาพที่ต่อสู้เพื่อกลับมาอยู่ในจุดที่เขาคู่ควร


ภาพ : Getty Images