สัพเพฯ กอล์ฟ

เหลือบในศาสนา

เหลือบในศาสนา

ในขณะที่บ้านเมืองกำลังเดินหน้าสู่ความเจริญ นั่นหมายถึงประชาชนจะเกิดความสุขกันถ้วนหน้า ความคาดหวังของคนในชาติเริ่มมีทิศทางที่จะเป็นไปในทางเดียวกันนั่นคือ “ความสงบสุข” ที่มีความเป็นถาวร แล้วยิ่งเรามี “สมเด็จพระสังฆราช” อันเป็นที่รักยิ่ง ความจริงเราน่าจะไปได้ดีกว่านี้ แต่ก็อย่างว่า เรื่องของ “ศาสนา” นั่นมีความอ่อนไหวต่อชีวิตความเป็นอยู่ของคน ทุกๆ ประเทศในภูมิภาคแถบนี้ไม่ได้มีศาสนาที่มีความเชื่อไปทิศทางเดียวกัน ป่านนี้เรื่องของการทะเลาะเบาะแว้งคงมีให้ได้ชมกันไม่เว้นแต่ละวัน

กลับมาที่บ้านเรา ที่มีประชากรกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ เป็นผู้ที่มีความเชื่อว่า “พุทธศาสนา” คือเครื่องนำพาความสงบสุขมาสู่ชีวิต แล้วโดยหลักการและเนื้อแท้มันก็ควรจะเป็นเช่นที่ว่านี้แหล่ะ ความสงบสุขนั้นย่อมเกิดมาแต่ภายในก่อนหลังจากนั้นความที่ว่านี้จะนำพาชีวิตให้เกิดสุขตามมาได้… แต่จากข่าวคราวความทุกข์ทางศาสนาที่มีต่อเนื่องมาอย่างยาวนาน… ตั้งแต่การเลือกประธานฝ่ายสงฆ์ที่ว่างเว้นช่วงหนึ่งซึ่งก็มาจากความไม่งดงามทางประวัติที่ดูจะแปลกๆ พิกล… นี่คือความจริงของมนุษย์ ที่ถึงแม้จะอยู่ในตำแหน่งเกือบจะสูงสุดในทางศาสนา แต่ด้วย “ประวัติ” ที่มีความด่างพร้อยจากในอดีตมันทำให้ผู้คนเกิดความแคลงใจกันเรื่อยมา…

เพราะคำว่า “ประวัติ” นั้นมันไม่ได้เพิ่งเกิดมาเมื่อวันสองวันก่อน แต่คำนี้มันจะต้องมีที่มาก่อนหน้าเป็นเวลาหลายปี แล้วยิ่งมีคำว่า “ประวัติไม่ดี” เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยแล้วมันจบสิ้นทันที นั่นเพราะการกระทำก่อนหน้านั้นมันคงจะไม่สมบูรณ์แบบอะไรมากมายนัก ก็เรื่องของการกระทำความผิดเนี่ยมันจะทำแต่เพียงผู้เดียวดูมันคงเป็นไปไม่ได้ แต่จะด้วยความไม่งามที่จะเกิดจากความตั้งใจหรือไม่มีเจตนาจะกระทำ นั่นคือความไม่เหมาะสมด้วยประการทั้งปวง เพราะนี่คือ “ศาสนา” นะครับ… หนึ่งในสามสถาบันหลักของชาติ…

แต่เรื่องของ “พระสงฆ์” รูปนึงที่เป็นเรื่องเป็นราวอยู่ ณ.ปัจจุบันนี้ ถ้าเรามองย้อนหลังไปหลายปี ก็จะเห็นได้ว่า “การปกครองกันเองของสงฆ์” มันไม่ค่อยจะมีสมบูรณ์แบบเท่าใดนัก โทษในการกระทำความผิดของ “สงฆ์” นั้นมันจิ๊บจ๊อยมาก เมื่อเทียบกับความผิดที่เกิดขึ้นกับหนึ่งในสามของสถาบันหลัก อย่าลืมนะครับว่า “ถ้าประชาชนเริ่มเสื่อมในตัวของศาสนา” เมื่อใด ความพินาศย่อยยับของชาติจะตามมา ในอดีตเมื่อสามสิบกว่าปีก่อน ครูไก่ เคยเข้าไปในวัดที่ว่านี่ถึงสองครั้งสองครา แต่ด้วยสิ่งที่เห็นกับความเชื่อในตัวตน มันเกิดความขัดแย้งกันขึ้นมา เราก็ถอยหลังออกมาแล้วก็มิเคยย่างกรายเข้าไปอีกเลย นั่นคงเป็นเพราะความไม่เชื่อในสิ่งที่พบเห็นนั้น “มันไม่ใช่ศาสนา” แล้วแหล่ะ ที่ซึ่งผมพบเจอเนี่ยคือการ “ล้างสมอง” ชัดๆ แล้วยิ่งมีราวหลายอย่างตามมาเรื่อยๆ สุดท้ายผมก็เชื่อว่า ที่ผมคิดนั้น “ถูกต้องคร้าบ” ส่วนอะไรที่จะเกิดต่อแต่นี้ไป ปล่อยให้เวรกรรมมารับหน้าที่ต่อไป

ครูไก่ ลำพอง ดวงล้อมจันทร์