Sport for Life

จับกระแสกีฬาไทย

จับกระแสกีฬาไทย

ศิลปะการต่อสู้ที่ถือว่าเป็นสุดยอดบนโลกทุกคนทั้งไทยและเทศจะต้องยกนิ้วให้ “มวยไทย” อันเป็นที่ชื่นอกชื่นใจของคนไทยทั้งประเทศ แต่ต้องมีข้อแม้อยู่นิดนึงคือ “การต่อสู้จะต้องเป็นแบบยืนต่อสู้” ไม่ใช่แบบต่อสู้บนพื้นแบบในท่านอนสู้นั่นเอง ของไทยเรานี่มีเวทีมวยมาตรฐานมานานโขแล้วแต่ก็ไม่ถูกอกถูกใจใครๆ บนโลกเท่าใดนัก มักจะมีศิลปะการต่อสู้ในสาขาอื่นมาเสียบค่ายขอท้าประลองอยู่เป็นประจำ กว่าใครต่อใครจะยอมรับกันก็ราว 10-15 ปีมานี่เองจะด้วยกระแสของบัวขาว หรือศิลปะการต่อสู้ที่ “จา พนม” นำไปเผยแพร่ในทางภาพยนตร์ แต่สุดท้ายมวยไทยก็ยังลุ่มๆ ดอนๆ มาเรื่อยๆ เพราะนอกจากการยอมรับในสังคมที่มีเสียงต่อต้านอยู่บ้างทางเราเองก็เสียงแตกแบ่งฝักแบ่งฝ่ายเข้าไปอีก…

ไม่ว่าจะอะไรก็ช่าง “มวยไทย”ที่เรารู้จักกลับมาดังแบบทะลุเพดานก็นี่เลย “มวย ONE” ที่เพิ่งจัดมายังไม่ครบ 50 อาทิตย์ทั่วโลกกลับติดกันงอมแงมทุกศุกร์ยามค่ำหลังข่าวจบจะเป็นหน้าที่ของ “ช่องเจ็ดสี” ถ่ายสดไปทั่วโลกแล้วแถมด้วยเช้าวันเสาร์อีกรอบ แบบนี้จะไม่ดังได้ไง ขนาดมวยสากลชิงแชมป์โลกถ้าไม่ใช่แม่เหล็กระดับโลกจริงๆ ความสนใจจะเบาบางกว่ามวยไทยของ “ONE” แน่นอน

การทำงานของ “มวย ONE”นับเป็น SOFT POWER ของประเทศไทยที่ต้องยกย่องในมันสมองของคุณ “ชาตรี ศิษย์ยอดธง” คนนี้จริงๆ ไอ้เรื่องราวการทำงานแบบนี้คงต้องนำมาถ่ายทอดดูถึงแนวความคิดก่อนที่จะลงมือทำว่า “เขามองทะลุขนาดนี้ได้อย่างไร” ลองส่องข้อมูลเหล่านี้ไปยังใครก็ช่างที่มีส่วนร่วมในการพัฒนากีฬาไทยหรือการท่องเที่ยวที่เราเองถือว่าเก่งกาจอยู่แต่ยังไม่ดีพอเมื่อเทียบกับ “มวย ONE” เพราะถ้าจะถอดแบบการทำงานหรือเอาระบบของเขามา “ชำแหละ” เพื่อการศึกษาและสร้างเมล็ดพันธุ์รุ่นใหม่ออกไปต่อสู้ในเวทีโลกกับเขาบ้าง เหมือนนางงามที่เมื่อก่อนเราก็จะเอาแต่สวยอย่างไทยไปอวดโฉมชาวโลกแต่สุดท้ายเราก็มาคิดตกว่า “ทรงนางงามเวลานี้เขามาอย่างไร” อย่างรองอันดับ 1 ของเราที่เพิ่งกลับมาเล่นเอาฮากันทั้งประเทศ ถ้าจะเอาแต่งามแบบไทยก็ต้องยอมรับว่า “ไปเงียบแค่ไหนกลับมาจะเงียบกว่าอีก”

ไอ้เรื่องแบบนี้นะอยากจะบอกว่า “กระแสกีฬาโลก” เวลานี้เราจะเป็นผู้ตามคงไม่พอเสียแล้วครับ “เราจะต้องสร้างระบบและเป็นผู้นำอีกต่างหาก” ถ้าคิดไม่ออกว่ากีฬาเขาปรับเนื้อปรับตัวอย่างไรแนะนำไปดู “วอลเล่ย์บอลหญิง” ของไทยว่าทำไมเธอถึงได้ไปดังต่างแดนกันมากมายขนาดนั้น….

ครูไก่