Interview

เมทินี ตัณฑัยย์

“ไม่เอาตัวเองไปอยู่ในจุดที่แย่ เลี่ยงปัญหาเพื่อไม่ทำให้อารมณ์ตกต่ำ”
Beauty Room Clinic

สุขภาพของลูก : เริ่มว่ายน้ำมาตั้งแต่ 5 ขวบ สาเหตุหลักที่พ่ออยากให้เล่นกีฬาคือ เป็นโรคหอบหืด ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง พยายามผลักดัน อยากให้เป็นนักกีฬาอะไรสักอย่าง แล้วในมุมมองของพ่อ คงอยากให้ลูกห่างไกลจากยาเสพติด อบายมุข อยู่ในสายตาของท่านตลอด เวลาไปว่ายน้ำ คุณพ่อคุณแม่จะไปเฝ้าทั้งคู่ พอเลิกเรียน คุณพ่อก็มารับที่โรงเรียน แล้วไปว่ายน้ำที่สระข้างนอก เพื่อฝึกให้เป็นนักกีฬา ทำให้ต้องซ้อมหนัก ซ้อมเยอะ กว่าจะเสร็จราวสามทุ่มครึ่ง เป็นแบบนี้อยู่แทบทุกวัน นับได้เลยว่า วันไหนไม่ได้ซ้อม (หัวเราะ) สมัยนั้นไปเก็บตัวอยู่กับสโมสรการประปานครหลวง เริ่มตั้งแต่ ป.1 เลย แต่ไม่ได้ลงแข่ง เพราะป่วยตลอด (หัวเราะ) กลายเป็นว่า พอว่ายน้ำในช่วงหน้าหนาว อาการหอบหืดทำให้ร่างกายเราแย่ลงไปอีก แต่ถึงไม่ได้เป็นนักกีฬาระดับแข่งขัน ก็ทำให้เรามีทักษะในเรื่องว่ายน้ำได้ในรูปแบบของนักกีฬา ได้รู้เรื่องการแข่งขันเยอะพอสมควร สามารถนำมาใช้กับชีวิตการทำงานได้เป็นอย่างดี อย่างตอนมารับเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน มีสอบว่ายน้ำ ก็ทำได้ได้สบายเลย (หัวเราะ)

อะไรก็ได้ : ถึงจะว่ายน้ำไม่ได้ คุณพ่อก็ไม่เครียด แต่จะปล่อยให้ลูกอยู่เฉย ๆ ไม่ได้ (หัวเราะ) ตอนนั้นคุณพ่อเริ่มเล่นกอล์ฟกับเพื่อน ๆ พออายุเข้า 8 ขวบ ก็ติดเราไปสนามซ้อมด้วย ให้หัดเล่นกอล์ฟ หาโปรจับวงให้เลย ตอนเด็ก ๆ ยังไม่เข้าใจ เหมือนโดนบังคับมากกว่า (หัวเราะ) ค่อนข้างจะรู้สึกว่า ทำไมไม่ได้เล่นกับเพื่อน ชีวิตสนุกในวัยเด็กหายไป ตอนว่ายน้ำ ยังมีเพื่อนที่เล่นอยู่ด้วยกันบ้าง แต่พอมาเล่นกอล์ฟ ซึ่งเป็นกีฬาเดี่ยว ซ้อมคนเดียว ถึงจะมีเพื่อนในสนามไดร์ฟบ้าง แต่ต่างคนต้องต่างซ้อม บรรยากาศแตกต่างกันมาก ด้วยความเป็นเด็ก พ่อให้เล่น ก็เล่นไป (หัวเราะ) ซ้อมอยู่ประมาณ 2 ปี ที่สนามทานสัมฤทธิ์ ก็เริ่มเข้าแข่ง เริ่มมีเพื่อนมากขึ้น สนุกมากขึ้นจริง ๆ ก็ช่วงนี้

กอล์ฟ : ตีไปเรื่อย ๆ เป้าหมายจริง ๆ ของพ่อคือ อยากให้ร่างกายแข็งแรง จนโปรที่สอนอยู่ แนะนำให้เริ่มไปแข่งขัน ครั้งแรก ไฟลต์ ซี ตอนเรียน ม.1 ที่ เบญจมราชานุสรณ์ ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ (หัวเราะ) แต่สนุก เพราะได้เพื่อนจากตรงนี้ พอเล่นกอล์ฟ ก็กลายเป็นกีฬาหลักของชีวิตไปเลย แล้วเล่นมายาวนานเป็นสิบ ๆ ปี กีฬาอื่นเล่นไม่เป็นเลย วิชาพลศึกษา ได้เกรด 1 (หัวเราะ) แต่ทุกคนก็รู้ว่าเราเป็นนักกีฬา ที่เล่นได้แต่กอล์ฟ พอขึ้น ม.ปลาย เคยคิดว่าจะย้ายโรงเรียน แต่คุณพ่อบอกว่า ไม่ต้องไปไหนหรอก เพราะที่นี่ซ้อมกอล์ฟได้สะดวกกว่า เลยเรียนที่เดียวยาว ๆ ไปเลย แข่งไปอีกสักพักพอถึง ไฟลต์ ซี ปลาย ๆ เริ่มไปแข่งต่างประเทศ สมัยนั้นสมาคมฯ จะแข่งปีละสี่ครั้ง ชมรมก็จะมีเรื่อย ๆ เกือบทุกอาทิตย์ ทำให้เราไม่ได้ไปไหนเลย (หัวเราะ) ได้แต่ซ้อมกับแข่งวน ๆ ไป สมัยนั้น พี่อุ๋ย (วิรดา นิราพาธพงศ์พร) เป็นไอดอล ที่ทำให้เรามีแรงบันดาลใจในการเล่นกอล์ฟ พี่อุ๋ย เรียนที่ มหาวิทยาลัยดุกส์ อยู่ในระดับแนวหน้าของการแข่งขันระดับสมัครเล่น ส่วนเพื่อน ๆ ในรุ่นเดียวกันก็มี อย่างเช่น เชอรี่ (ธิรนันท์ อยู่ปาน),แพรว (แพรวนภา ผลอวยพร), กวาง (เพ็ญนภา พูลสวัสดิ์), โค้ช (อมลกานต์ ผลชีวิน) ฯลฯ ช่วงไฟลต์ บี ปลาย ๆ ได้ไปแข่งจูเนียร์เวิลด์ มีพีคอีกทีตอนใกล้เข้ามหาวิทยาลัย เล่นได้ค่อนข้างดี ได้เล่นในระดับเยาวชนทีมชาติ ไปแข่งในเอเชียแปซิฟิก, จูเนียร์เวิลด์, มาเลเซีย เลดี้ส์ โอเพ่น ของสมาคมกอล์ฟสตรี ฯลฯ

ภาคภูมิใจ : รู้สึกขอบคุณคุณพ่อมาก ๆ ที่ช่วยให้เราได้เล่นกอล์ฟ แล้วถึงจะเล่นกีฬาจริงจังแค่ไหน แต่คุณพ่อไม่เคยให้ทิ้งเรื่องการเรียน ท่านถามเสมอว่า หากวันหนึ่งเราตีกอล์ฟไม่ได้ แล้วไม่มีปริญญาด้วย จะทำยังไง? เพราะคนที่ประสบความสำเร็จทางด้านกีฬาอย่างที่เห็นกันนั้น จะมีสักกี่คนที่ทำได้ ซึ่งเราเข้าใจตรงนั้นดี และยอมรับว่าไม่เชื่อเรื่องง่ายเลย, กอล์ฟ ต้องใช้ทุนทรัพย์ ทั้งไปซ้อม ไปสนาม ไปแข่ง แต่ละสัปดาห์ต้องใช้เงินทั้งนั้น ครอบครัวเราใช้จ่ายไปกับเรื่องนี้เยอะมาก ดังนั้นจึงต้องมีแผนสำรอง จนกระทั่งวันที่เข้ามหาวิทยาลัย ก็รู้สึกว่าได้มีโอกาส ได้เปรียบกว่าคนอื่น ด้วยความเป็นนักกีฬา แต่พอเข้าไปเรียนแล้วไม่รู้นะ (หัวเราะ) เป็นโควตาของผู้มีความสามารถพิเศษทางด้านกีฬา ได้ทั้งของ จุฬาฯ, ธรรมศาสตร์, เกษตรฯ ไปทดสอบมีแข่งกอล์ฟ แล้วสอบวิชาการ เข้าได้เป็นที่ 1 หลายแห่ง เลือกได้เลย เข้าไปเรียนจุฬาฯ ก่อน คณะเศรษฐศาสตร์ ตามใจแม่ (หัวเราะ) เข้าได้ แต่เรียนไม่ได้ (หัวเราะ) เพราะนักกีฬา แทบไม่ได้เรียนหนังสือกันเลย ต่อให้เขาช่วยเราเยอะแค่ไหน เต็มที่แล้ว แต่ก็ยังไม่ได้อยู่ดี จนตัดสินใจสอบอีกครั้ง มาอยู่ที่ ม.เกษตรฯ คณะบริหาร เพราะคิดว่าคงจะมีโอกาสมากกว่า แต่ที่ไหนก็ยากเหมือนกัน (หัวเราะ) อาศัยเพื่อนนี่แหล่ะ ที่คอยช่วยเหลือ พยายามหอบหิ้วกัน อยากให้เราจบพร้อมกับเขา จริง ๆ ที่จุฬา เพื่อนก็ช่วยเราแบบนี้เหมือนกัน ไม่ว่าจะที่ไหนเพื่อนดีมาก ๆ คอยดูแลเป็นห่วงเรา เพราะเขาเข้าใจในหน้าที่ของเรา และในการแข่งขัน ทั้งกีฬาแห่งชาติ กีฬาเยาวชน เรายังได้มิตรภาพจากตรงนั้นเยอะมาก สำคัญเหนือกว่าผลการแข่งขันที่ได้รับเหรียญรางวัลซะอีก และยังยั่งยืนมาจนถึงทุกวันนี้, เล่นกีฬามหาวิทยาลัยให้กับสถาบันอยู่ทุกปี ถ้ามีผลงาน ได้เหรียญ อาจได้ลดหย่อน หรือไม่ต้องจ่ายค่าเทอมเลย ส่วนผลงานถ้าเทียบกับการฝึกซ้อมแล้ว ก็นับว่าดีนะ น่าพอใจ (หัวเราะ) อาจเป็นเพราะเราโตขึ้น ความฉุนเฉียว อารมณ์ต่าง ๆ ผ่อนคลายขึ้น

สู่โลกกว้าง : พอเข้ามหาวิทยาลัย คุณพ่อปล่อยให้เป็นอิสระเลย ให้เลือกเอาว่าจะไปทางไหน จะเล่นกอล์ฟต่อก็ไป หรือจะไม่เล่นก็ไม่บังคับ แต่ด้วยความที่เราไม่เคยมีสังคมกับเพื่อน ก็รู้สึกว่าติดเพื่อน รักสวย รักงาม (หัวเราะ) ซึ่งเป็นสิ่งที่ละเลยมาตลอด เพิ่งมาเริ่มใส่ใจตอนโตนี่เอง ยังรู้สึกว่าเสียดายที่ไม่รู้จักถนอมตัวเองเลย (หัวเราะ) ตอนแข่งกอล์ฟ ไม่เคยทาครีมกันแดด ใส่แขนสั้นลุยกันหมด ร่มยังไม่กางเลย ตอนเด็ก ๆ รู้สึกว่า กางร่มแล้วไม่เท่ (หัวเราะ) ประโยคฮิตของนักกอล์ฟผู้หญิงคือ “รู้งี้ขยันทาครีมกันแดดตั้งแต่เด็ก” เพราะตอนนี้ฝ้าขึ้นจนเอาไม่ออกแล้ว (หัวเราะ) เคยเจอโปรผู้หญิงพูดว่า “ถ้ารักจะเล่นกีฬานี้ ต้องรู้จักรักษาตัวเอง” เพื่อเราจะเล่นได้นาน ๆ เพราะแดดสมัยนี้ไม่เหมือนสมัยก่อน การทาครีมกันแดด หรือหาวิธีป้องกัน เป็นเรื่องง่ายมาก แต่เราไม่ทำกันเอง หลังจากนั้น ก็เริ่มดูแลตัวเองมากขึ้น แต่ก็ไม่ทันแล้ว (หัวเราะ) ส่วนเพื่อนที่เป็นนักกีฬาด้วยกันมาก็แยกย้ายไปแข่งกันหมด หลัง ๆ พอตีกอล์ฟกับเพื่อน ๆ ที่ไม่ได้เป็นนักกีฬาเหมือนเรา เขากลัวแดดกันอยู่แล้ว ชวนให้เล่นไนท์กอล์ฟ เพราะกลางวันร้อน เล่นไม่ไหว แต่ส่วนเราจะไม่ชอบ เพราะมองไม่ค่อยเห็น แล้วเวลาเล่นด้วยกัน เราจะซีเรียสกว่าเขาเยอะ ด้วยความเคยชินจากการแข่งขันมาตลอด ขณะที่คนอื่นจะเล่นกันแบบขำ ๆ ยิ่งเมื่อก่อนช่วงยังแข่งอยู่ น้ำหนักมากกว่าปัจจุบันเป็นสิบกว่าโล ตัวเหมือนใหญ่ (หัวเราะ) เมื่อก่อนก็ตีไกลได้ระยะตามปกติ แต่พอผอม ตัวเหลือนิดเดียวไปเลย อาจเพราะเป็นคนกระดูกเล็ก ถ้าเปรียบเทียบ แทบเป็นคนละคน เพื่อน ๆ โดยเฉพาะเพื่อนโปรกอล์ฟผู้ชายที่เดินทางไปแข่งกันบ่อย มาเจอกันบนเครื่องบิน เข้าไปทัก จำกันไม่ได้ เราต้องเข้าไปทัก เขาเหมือนเดิม แต่เราไม่เหมือนเดิม (หัวเราะ)

งานบนฟ้า : พอเรียนจบเพื่อนชวนไปสมัครเป็นแอร์ฯ ที่ การบินไทย ครั้งแรกยังไม่รู้เลยว่าเนื้องานคืออะไร ตามเพื่อนไป คิดเฉย ๆ ว่า คงแค่เสิร์ฟอาหาร หรือทำอะไร สวย ๆ งาม ๆ แต่พอได้เข้าไปฝึกก่อนทำงาน กลับพบว่า ไม่ใช่อย่างที่คิดเลย เราต้องแข็งแรงมาก ถึกมาก เป็นกรรมกรบนฟ้า (หัวเราะ) ต้องระมัดระวังเกี่ยวกับเรื่องความปลอดภัย คอยสังเกต มีวิธีการพูด การเข้าหา วิธีดูแลจัดการกับคน จะปฏิเสธคนอย่างไร ต้องมีศิลปะในการพูดสูงมาก แล้วยังต้องปรับตัวกับสิ่งแวดล้อมอยู่ตลอดเวลา แต่เรารู้สึกชอบ ค่อนข้างสนุก เรื่องเหนื่อยไม่กลัวอยู่แล้ว จะมีปัญหาเรื่องนอนไม่เป็นเวลา เพราะเวลาจะประหลาด ๆ ไปหมด ทุกวันนี้ บางวันบินกลับมายังต้องนอนตีสี่ รวนไปหมด บางครั้งบินข้ามคืน บินถึงหกโมงเช้า หยุดวันนึงแล้วอีกวันบินเช้าตรู่ สลับกันไป ชีวิตอยู่กับตารางการทำงาน ไม่ได้อยู่กับเวลาปกติเหมือนคนอื่น เคยไปหาหมอเรื่องการพักผ่อน คุณหมอก็ให้ปรับการนอน เช่น พยายามจัดเวลานอนใหม่ พยายามตื่นขึ้นก่อน อย่านอนมากกว่านี้ ทั้ง ๆ ที่ยังนอนไม่เต็มอิ่ม เพื่อกลางคืนจะได้นอนตามปกติได้

ใจต้องแกร่ง : แอร์ฯ เป็นอาชีพที่ใช้สุขภาพจิตเปลืองมาก (หัวเราะ) เพราะเจอลูกค้าหลากหลาย แต่เราไม่สามารถแสดงอารมณ์ออกมาได้ ต้องคุยดี สุภาพ บางทีต้องคุยกับคนเยอะ เป็นร้อย ๆ เหนื่อย ตาลาย เราต้องเก็บกดอยู่ แล้วมาบ่นกับเพื่อน หรือระบายกับที่บ้าน (หัวเราะ) บริษัทจะสอนวิธีรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ เช่น หากมีผู้โดยสารเริ่มดื่มไปเยอะ เขาเมาระดับไหน เราจะทำอะไรได้บ้าง ทุกอย่างมีขั้นตอนชัดเจน หรือหากเราเริ่มคุมเขาไม่ได้ ก็ต้องเปลี่ยนคนอื่นให้เข้าไปบ้าง ซึ่งวิธีแบบนี้ได้ผล และยังสามารถนำมาใช้กับธุรกิจได้ด้วย ซึ่งลูกค้าของเราก็ไม่ถึงขั้นนั้นหรอก (หัวเราะ) แต่ข้อดีของอาชีพนี้คือ พอลงมาถึงพื้นดิน ทุกอย่างจบ เราไม่เจอเขาอีกแล้ว แม้กระทั่งเพื่อนร่วมงาน ก็เปลี่ยนชุด หมุนเวียนกันไป เราต้องทำงานร่วมกับใครก็ได้ เพราะต้องเปลี่ยนเพื่อนร่วมงานไปเรื่อย ๆ ในแต่ละเที่ยวบิน เป็นอาชีพที่จบงานแล้วจบได้จริง ๆ

กีฬาเสริมอาชีพ : กอล์ฟเป็นกีฬาที่วิเศษมาก หลอมรวมให้เรามีทุกวันนี้ทุกอย่าง ทั้งความคิด ทั้งนิ่ง ได้มาจากกอล์ฟเลย งานหนักคือไม่เคยเกี่ยง แข็งแรง ความอดทนคือสูงมาก (หัวเราะ) ตอนเข้าไปทำงานแล้ว คนที่ไม่รู้จักมาก่อน ไม่มีใครคิดเลยว่าเล่นกีฬาได้ ทุกคนดูตกใจหมด แม้กระทั่งวันที่ไปเล่นกีฬารัฐวิสาหกิจ ยังเอาใจช่วยว่า จะตีถูกลูกรึป่าว (หัวเราะ) แล้วยังให้ไปตีหมุดแดงอีก ซึ่งปกติแทบไม่เคยตีเลย ไม่รู้เหมือนกันว่ามีใครไปบอกว่าเป็นนักกีฬากอล์ฟ เขาก็เรียกตัว แจ้งให้ลองไปตีเลย พวกพี่ ๆ ในทีมเห็นว่าเล่นได้ ถึงแม้ไม่ได้ซ้อม ลูกสั้นจะขาดๆ เกิน ๆ หน่อย เขาก็รับเข้าทีมไปเลยโดยไม่ต้องคัดเลือก ผลงานค่อนข้างดี เป็นการแข่งรวมกันทั้งชายหญิง แต่พอไปเล่นกีฬาที่แบ่งชายหญิง หมุดแดง เป็นระยะที่ไม่คุ้นเคย เพราะต้องขึ้นด้วยระยะต่ำกว่าร้อย ตีไม่เต็มเบอร์ เลยทำให้เล่นยาก ถ้าได้ซ้อมคงจะดีกว่านี้ (หัวเราะ) เพราะช่วงนั้นตารางบินแน่นมาก ไม่ไปบินจะมีผลต่อการต่อสัญญา ซึ่งสำคัญกับเรามาก ขอเลือกงานเป็นหลักไว้ก่อน

โควิด ชีวิตเปลี่ยน : ทำงานมาสิบกว่าปีแล้ว มีความสุขที่จะได้ทำงานแบบไม่เครียด แต่ช่วงโควิด รู้ได้เลยว่า การทำงานแค่อาชีพเดียว มีความเสี่ยงกับชีวิตมาก ต้องหางานอะไรทำเพิ่มบ้าง จริง ๆ ก็ชอบเรื่องความสวยงาม ชอบเรื่องเอนไทน์เอจจิ้ง ชะลอวัย อยู่แล้ว ยิ่งมีเพื่อนเป็นแอร์ฯ รักสวย รักงาม ก็ยิ่งใส่ใจในเรื่องนี้กัน พอช่วงโควิด ต้องอยู่กับบ้าน ทำงานไม่ได้ แต่ยังต้องใช้จ่ายไปเรื่อย ๆ เงินเก็บเริ่มหมดลงไปทุกวัน จนได้คุยกับสามีว่า ถ้าเราเอาเงินเก็บที่มี และขายรถโบราณที่สะสมไว้ออกไปบ้าง ก็น่าจะเริ่มธุรกิจได้ ตัดสินใจเปิดช่วงโควิดเลย (หัวเราะ)

Beauty Room Clinic : มีเพื่อนหลายคนเปิดคลินิกอยู่แล้ว เราชอบเข้าคลินิก แต่ไม่ชอบบรรยากาศที่บางครั้งอาจกดดันไปบ้าง (หัวเราะ) เราชอบแบบสบาย ๆ อยากทำอะไรก็ตามใจ ไม่เร่งรัด หรือเสนอขายจนรู้สึกอึดอัด จนต่อไปไม่กล้าเข้าร้านอีก กลัวเจออีก (หัวเราะ) จุดขายที่นี่คือ ทำร้านเหมือนบ้าน ไม่มีพนักงานขาย มีแต่พยาบาลที่คอยให้คำปรึกษา หรือแนะนำเฉย ๆ แจ้งข้อมูลโปรโมชั่น แต่จะไม่ผลักดันเรื่องการขาย เป็นนโยบายของเราเลย ผลตอบรับค่อนข้างดี เพราะคงมีคนคิดเหมือนกับเราเยอะ (หัวเราะ) ไม่ชอบถูกกดดันให้ซื้อโน่นซื้อนี่ เครื่องไม้เครื่องมือเราพยายามจัดหาที่ทันสมัยได้มาตรฐาน มูลค่าแต่ละเครื่องสูงมาก ตอนเริ่มแรกจึงต้องทำแบบค่อยเป็นค่อยไป มีคุณหมอที่เราเคยใช้บริการจนประทับใจกันมาก่อน มาช่วยดูแล ช่วงนั้นโควิด ยังต้องเปิด ๆ ปิด ๆ ตามคำสั่งของทางการ จนตอนนี้อุปกรณ์ต่าง ๆ เริ่มมีครบครันมากขึ้น ตอบโจทย์ต่าง ๆ ได้จบ มีลูกค้าประจำที่ช่วยบอกต่อ ก็อาศัยเพื่อน ที่เรามีเยอะมาก โดยไม่รู้ตัว (หัวเราะ) เพื่อนตีกอล์ฟก็เยอะมาก อยู่มาสองมหาวิทยาลัยเพื่อนก็เยอะอีก เพื่อนการบินไทยก็มีอีก ร้านนี้คือเพื่อนมาเยอะมาก แล้วเป็นการแนะนำแบบปากต่อปาก ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง แต่เดี๋ยวนี้ผู้ชายก็เริ่มเข้ามาดูแลตัวเองกันมากขึ้น, Beauty Room Clinic (BRC) ตั้งอยู่ที่ เดอะไนน์ เซ็นเตอร์ พระราม 9 ชั้น 1

เคล็ด (ไม่) ลับสุขภาพดี : สมัยก่อน คุณพ่อจะไปทิ้งไว้ที่ฟิตเนส มีโค้ชคอยดูแล มีนักจิตวิทยาคอยให้คำปรึกษา เพราะการได้เล่นกอล์ฟ ส่งเสริมให้เรามีทุกวันนี้ จนติดเป็นนิสัยในเรื่องออกกำลังกาย พยายามดูแลสุขภาพมาตลอด โชคดีที่เป็นคนนอนง่าย จะนอนตอนไหนก็หลับได้หมด (หัวเราะ) ถ้าว่างก็ชอบนอนเป็นหลักเลย เพื่อนหลายคนเสียเปรียบด้านนี้ อย่างเวลาไปบินไฟลต์ยุโรป มีเวลาพักแค่สามชั่วโมง บางคนนอนในที่แคบไม่ได้เลย ก็ไม่ได้พัก ยิงยาวข้ามคืน สุขภาพตรงนั้นก็จะแย่, แล้วต้องพยายามเลือกกินให้ดี กินให้ง่าย อยู่ให้ง่าย แต่ถ้ามีเวลาก็ชอบไปยิม พยายามออกกำลังกายบ้าง โยคะบ้าง จริง ๆ ชอบเวทเทรนนิ่งมาก ๆ แต่ถ้าเวลาพักไม่พอแล้วไปเล่น ร่างกายจะรับไม่ไหว มันเหนื่อยจริง ๆ เหนื่อยแบบล้า

วางให้ลง : เพื่อนหลายคนที่ทำงานด้วยกัน มีปัญหาทางด้านจิตใจในเรื่อง “วางไม่ลง” เวลาทำงานด้วยกัน อยู่ด้วยกันหลายชั่วโมง มีอาการหงุดหงิดกันบ้างก็มี จนเดี๋ยวนี้ต้องไปพบจิตแพทย์กันเยอะ ซึ่งปัจจุบันเป็นเรื่องที่ธรรมดามาก แต่เราคุ้นเคยกับความกดดันมาเยอะ เราต้อง “ไม่เอาตัวเองไปอยู่ในจุดที่แย่ เลี่ยงปัญหาเพื่อไม่ทำให้อารมณ์ตกต่ำ” ต้องรู้ว่าควรทำอย่างไร หรือจะทำอะไรต่อไป อย่างไร เพื่อให้ผ่านพ้นปัญหาไปได้ ตามรูปแบบจากการเป็นนักกีฬามาก่อน และให้ความสำคัญกับความสุขในปัจจุบันเป็นหลัก ไม่ได้คาดหวังว่าตัวเองจะต้องประสบความสำเร็จอะไรมากมาย แต่อยากให้จิตใจของเราแข็งแรงสมบูรณ์ไปเรื่อย ๆ ไม่ได้เครียดกับธุรกิจด้วย ถือว่าค่อนข้างโชคดี มีความสุขกับการทำงาน ขอแค่พอไปได้ ไม่ติดลบ ก็พอใจแล้วค่ะ