แม่โขง ดานูบแห่งซีกโลกตะวันออก
แม่โขง ดานูบแห่งซีกโลกตะวันออก
หลายวันก่อนมีข่าวว่าภาครัฐเตรียมหารือความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน ในการที่จะทำลายเกาะแก่งต่างๆ ในแม่น้ำโขง เพื่อเปิดทางให้การขนส่งสินค้าทางเรือสะดวกขึ้น ความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นสร้างความกังวลใจไม่น้อยต่อประชาชนที่อยู่ริมฝั่งโขง รวมถึงหลายๆ คนในแวดวงสิ่งแวดล้อมของบ้านเรา จนกลายเป็นประเด็นที่เกิดการพูดคุยกันในวงกว้างอีกครั้ง
แม่น้ำโขง ถือเป็นแม่น้ำสายใหญ่ที่สำคัญมากสายหนึ่งของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีต้นกำเนิดอยู่บนเทือกเขาหิมาลัย บนที่ราบสูงทิเบต มณฑลฉิงไห่ ประเทศจีน ไหลผ่านประเทศน้อยใหญ่มากถึง 6 ประเทศ ตั้งแต่ จีน พม่า ลาว ไทย กัมพูชา ก่อนไหลลงสู่ทะเลจีนใต้ที่ประเทศเวียดนาม มีความยาวประมาณ 4,900 กิโลเมตร ยาวเป็นอันดับ ๑๐ ของโลก เป็นความยาวในประเทศจีน 2,130 กิโลเมตร ช่วงที่แม่น้ำไหลผ่านจีนมีชื่อเรียกว่า แม่น้ำหลานชาง หรือ แม่น้ำล้านช้าง และเมื่อไหลผ่านเข้าเขตพม่าและลาวเรียกว่า แม่น้ำของ ในภาษาไทยเรียกว่า แม่น้ำโขง การที่แม่น้ำโขงไหลผ่านประเทศต่างๆ หลายประเทศเช่นเดียวกับแม่น้ำดานูบในยุโรป ทำให้ได้รับการขนานนามว่า แม่น้ำดานูบตะวันออก
ครั้งหนึ่งเมื่อร้อยกว่าปีก่อน ชาติตะวันตกมีโครงการที่จะใช้แม่น้ำโขงเป็นเส้นทางสู่ประเทศจีน แต่ด้วยเกาะแก่งมากมาย ยากเกินจะหาวิธีฝ่าไปได้ในยุคนั้น ทำให้ต้องล้มเลิกแผนการนั้นไป มาปัจจุบันกลับเป็นจีนเองที่ต้องการใช้แม่น้ำสายนี้เป็นเส้นทางขนส่งสินค้าหลักในภูมิภาค ด้วยศักยภาพที่สามารถควบคุมการไหลของน้ำในแม่น้ำได้ด้วยเขื่อนขนาดใหญ่ จีนก็เริ่มทำลายเกาะแก่งต่างๆ ในแม่น้ำโขง เพื่อเปิดทางให้เรือขนส่งสินค้าขนาดใหญ่ผ่านได้ โดยในระยะแรก ได้ระเบิดไปแล้ว 21 แก่ง เมื่อสิบกว่าปีก่อน ทำให้สามารถเดินเรือสินค้าขนาดใหญ่มาถึง อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ได้ ส่วนระยะที่ 2 ที่กำลังเป็นประเด็นในขณะนี้ จะเป็นการระเบิดแก่งและขุดลอกแม่น้ำโขงเพิ่ม ซึ่งจะทำให้จีนล่องเรือสินค้าขนาดใหญ่ขึ้น ทะลุไปถึงหลวงพระบาง แต่ต้องชะลอไว้ก่อน เนื่องจากถูกคัดค้านจากคนท้องถิ่น ในเรื่องของผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมที่จะตามมา
การระเบิดแก่งจะทำในฤดูแล้ง โดยจะปิดเขื่อน 3 วัน ให้น้ำลดระดับลงเพื่อระเบิดแก่ง และอีก 1 วันจะปล่อยน้ำจากเขื่อนลงมาเพื่อให้เรือสินค้าขนาดใหญ่ของจีนล่องลงมาได้ ทั้งขั้นตอนการระเบิดแก่ง และรูปแบบแม่น้ำที่เปลี่ยนไป สร้างผลกระทบขึ้นมากมาย ตั้งแต่ ความแรง ความเร็ว และทิศทางของกระแสน้ำที่เปลี่ยนไป ทำให้ตลิ่งแม่น้ำพัง สร้างความเสียหายแก่พื้นที่เกษตรและบ้านเรือนของชาวบ้านที่ติดกับริมแม่น้ำโขง อีกทั้งน้ำที่ขุ่นจากการปล่อยน้ำในเขื่อน ความแรงของกระแสน้ำที่เร็วขึ้น และตะกอนการระเบิด ทำให้ “ไก” หรือสาหร่ายแม่น้ำโขง ซึ่งเป็นอาหารและแหล่งสร้างรายได้ทางเศรษฐกิจของชุมชนริมแม่น้ำ ไม่สามารถเจริญเติบโตได้ดีเหมือนเดิม กระทบทั้งคนและปลา
การเปลี่ยนแปลงชายฝั่ง ร่องน้ำลึก รวมถึงวังน้ำลึก ถูกทับถมด้วยทรายและตะกอนจากการระเบิด จนปลาไม่สามารถอาศัยหรือวางไข่ได้ รวมถึงปลาขนาดใหญ่อย่าง ปลาบึก ซึ่งพบในแม่น้ำโขงแห่งเดียว ก็น่าจะได้รับผลกระทบโดยตรงด้วย ไม่เพียงแต่ปลาเท่านั้นนกหลายชนิดก็ได้รับผลกระทบด้วย ซึ่งนกที่ใช้แม่น้ำโขงเป็นที่พึ่งพิงก็มีทั้ง นกหาด นกชายเลน และนกทั่วไปที่เป็นนกอพยพ โดยนกที่อพยพมีทั้งอพยพผ่านแล้วแวะลงหากินตามชายน้ำช่วงน้ำโขงลดเป็นหาด และอพยพมาเพื่อทำรังวางไข่ โดยเฉพาะนกแอ่นทุ่งเล็ก และนกหัวโตเล็กขาเหลือง ที่อพยพมาเพื่อทำรังและวางไข่บนชายหาดแม่น้ำโขง การขึ้นลงของน้ำโขงที่ผิดปกติเนื่องจากการระบายน้ำของเขื่อน ส่งผลกระทบกับการทำรังวางไข่ของนก 2 ชนิดนี้มาก ในฤดูอพยพย้อนหลังไป 3 ปี พบว่า อัตราการรอดของลูกนกไม่น่าจะถึง 60% ของนกทั้งหมดที่ทำรังอยู่ริมชายหาด
ส่วนวิถีชีวิตของผู้คนริมฝั่งโขงนั้นได้รับผลกระทบโดยตรง จับปลาได้น้อยลง เพราะปลาหลงฤดูจากการที่น้ำโขงผันผวน ผลกระทบนี้จะส่งผลกระทบต่อเนื่องยาวไปจนถึงชาวประมงในกัมพูชาอีกด้วย การเพิ่มของปริมาณเรือขนาดใหญ่ สร้างความขุ่นให้กับแม่น้ำ ของเสีย คราบน้ำมัน ที่ออกมาจากเรือ สร้างมลภาวะทางน้ำ ชาวบ้านไม่สามารถใช้อุปโภคบริโภคได้เหมือนที่ผ่านมา
การทำลายแก่งได้ประโยชน์ในเรื่องของการขนส่ง แต่ก็ส่งผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมไม่น้อย คงเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายต้องช่วยกันทบทวนแนวทางให้รอบคอบ