Interview

ธนิศรา ตระกูลยุทธชัย – ดาวเด่นมวยไทย

นุ่น ธนิศรา ตระกูลยุทธชัย
ดาวเด่นมวยไทย

หน้าที่สำคัญของลูกสาวสุดที่รักของคุณพ่อ (คุณธรรมนูญ ตระกูลยุทธชัย) ในวัยเด็ก คือคอยโทรตามถ้าป๊ากลับบ้านช้า หรือรู้สึกว่าจะหนีเที่ยว ซึ่งคุณลูกสาวจะจัดการเองทั้งหมด โดยไม่ต้องให้คุณแม่มาคอยสะกิดแต่อย่างใด แต่เมื่อเริ่มโตเป็นสาว หน้าที่ก็สลับกันทันที พอลูกสาวกลับบ้านช้าบ้างป๊าก็โทรตาม

“เวลาไปเที่ยว ป๊าอยู่ชั้นนึง เราก็จะไปอยู่อีกชั้นนึง” คุณนุ่นเล่าถึงความหวงลูกสาวของพ่อ

แต่ทันทีที่เห็นว่ามีสาวมานั่งใกล้ๆ พ่อ ลูกสาวก็หวงออกนอกหน้าทันที จะรีบมาแสดงตัว เรียก ป๊าๆๆ เพื่อให้รู้ว่า คนนี้แหล่ะพ่อชั้น… และบอกว่า
“ป๊า จะกลับบ้านๆ” แต่ป๊าก็มักจะตอบว่า “ไม่กลับๆ” … เธอเล่าไปพร้อมกับขำไป ในความผูกพันระหว่างคุณพ่อและคุณลูก ที่นับว่าสนิทกันมากๆ เพราะทั้งคู่… “เรารู้ทันกันค่ะ”

ถึงแม้ป๊าจะใจร้อน แต่ก็ไม่เคยดุ ใจดีกับลูกสาวเสมอ มีอยู่ครั้งเดียวที่คุณนุ่นโดนดุจนจำได้แม่นขึ้นใจเพราะหนีเที่ยวโดยไม่บอกกล่าว พอป๊ารู้ก็ดุ แต่ไม่ลงโทษอะไร แล้วก็บอกว่า ไม่ได้โกรธเรื่องหนีไปเที่ยว แต่อยากให้รู้ว่าป๊ากับแม่เป็นห่วงเป็นกังวลแค่ไหน

เมื่อเป็นเด็กก็อยากจะไปไหนดึกๆ กันบ้าง แต่ป๊าและแม่ก็ให้ลิมิตไม่เกินเที่ยงคืน บางครั้งไม่ได้ตามลูกสาวแบบตรงๆ แต่พอถึงเวลาปุ๊ป คุณแม่มักจะโทรมาบอกว่าหิว ฝากซื้อของกินกลับมาให้หน่อย ก็ต้องกลับ ทั้งๆ ที่ตอนนั้นยังไม่อยากกลับบ้าน อยากอยู่ต่ออีกสักนิด… “แปลกตรงที่พอโตขึ้น มีอิสระมากขึ้น กลับดึกได้ แต่ก็อยากรีบกลับ กลายเป็นว่านุ่นกลายเป็นคนติดบ้านไปเลย”

ถึงแม้คุณนุ่นสนิทกับคุณพ่อ แต่เวลาปรึกษาหารือกลับเข้าทางคุณแม่มากกว่า “คือ ป๊า ไม่เคยดุนุ่นเลย แต่แม่ก็คอยหาทางช่วยไว้ก่อนว่า ทำอย่างไรป๊าถึงจะไม่ดุเรา เช่น ถ้าจะไปเที่ยว แล้วมีเพื่อนไปด้วยกันหลายๆ คน นุ่นก็จะไปบอกแม่เล่าให้ฟังก่อนว่าเป็นยังไง แล้วแม่ก็จะไปช่วยพูดกับป๊าอีกทีว่า เราไปกันเยอะไม่ต้องเป็นห่วง ไม่อย่างนั้นแล้วป๊าก็จะเป็นห่วงมาก”

คุณแม่อยากให้นุ่นเรียนบริหาร เพื่อจะได้กลับมาใช้ ก็ตามใจแม่ แต่พอเรียนไปตัวเธอกลับรู้สึกว่า สายนิเทศศาสตร์น่าจะเข้าทางมากกว่า จึงขอย้ายคณะแล้วเรียนจนจบ ถึงไปเรียนต่อด้านการตลาดอีกทีที่ประเทศอังกฤษ ซึ่งเรียนแล้วสนุกรู้สึกว่าเข้ากับตัวเองเพราะเนื้อหาสามารถจะนำไปใช้งานได้จริงๆ ไม่ปวดหัวเหมือนกับ การเงิน หรือ บัญชี เรียนจบก็ยังไม่อยากกลับ หาเรื่องเรียนต่ออีก ขอเรียนด้านกราฟฟิค ดีไซน์ เพิ่ม จนได้ความรู้ด้านนี้มาอีกแขนง

ตอนเรียน นุ่น ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย เพราะที่ทำงานติดกับห้าง เวลาเดินผ่านเธอก็จะมาแวะเล็งไว้ว่าจะสอยชิ้นไหนดี จากนั้นก็ตั้งเป้าทำงานเก็บเงินให้ครบจำนวน โดยไม่ต้องรบกวนใคร เพราะทางบ้านจะจ่ายเงินให้เป็นก้อน ซึ่งต้องนำมาบริหารเองว่า จะใช้จ่ายอย่างไรถึงจะอยู่รอดแบบพอดีๆ แล้วถ้าจะซื้ออะไรพิเศษ ก็ต้องหาเอง

“ป๊ากะแม่ งง มากที่นุ่นไปทำงาน เจ้าของร้านเองพอรู้ก็แปลกใจ เพราะอยู่ที่บ้านเราแทบไม่ต้องหยิบจับอะไรเลย แต่ที่ร้านนุ่นต้องทำทุกอย่าง ตั้งแต่ล้างจาน เก็บโต๊ะ เก็บจาน เสิร์ฟ ชงกาแฟ เก็บเงิน จนถึงเปิดร้าน ปิดร้าน บางวันก็เหนื่อยแต่ก็สนุก ทำให้เรามีข้าวกิน มีเงินพิเศษให้ช้อปปิ้ง”

“ครั้งแรกตอนเรียนจบหลักสูตรแรกก็หาทางเรียนต่อไปอีกเรื่อย เพราะ ปรับตัวได้แล้ว รู้สึกสนุก มีเพื่อนๆ แล้วก็ไม่เหงา มีน้องอยู่ด้วย เดี๋ยวแม่ เดี๋ยวยาย ก็พาเยี่ยม นุ่นกับน้องก็สลับกันกลับเมืองไทย จนกระทั่งวันหนึ่งอยู่ดีๆ ก็รู้สึกเหงาขึ้นมา ก็ลุกขึ้นมาเก็บของ กลับบ้านเลย”

อุปสรรคแรกในการทำงานของนุ่นเมื่อกลับมาแล้วก็คือ… “เขามองว่านุ่นมีมาดเป็นลูกคุณหนู เหมือนเขาจะสั่งงานอะไรเราไม่ได้”… จนนั่น ทำให้เธอต้องหันมาทำงานกับแม่ แต่ก็ไม่ค่อยเข้าเป้านัก เพราะยังติดกับการเอาแต่ใจตัวเอง… “เกเรมาก แม่พูดอะไรก็ไม่ค่อยฟังค่ะ” เธอเอ่ยปากบ่นตัวเองในอดีตให้ฟัง จนแม่บอกแบบนี้ไม่ได้แล้วนะ ต้องไปหางานในบริษัทอื่นทำบ้าง นั่นคือจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ในชีวิต

จากชีวิตอิสระ ต้องเข้ามาอยู่ในกรอบ เข้างาน 8 โมง ต้องสแกนนิ้ว เลิกงาน 5 โมงเย็น จะไปไหนมาไหนต้องเขียนรายงาน ในตำแหน่งเจ้าหน้าที่การตลาด บริษัทฮาโก้กรุ้ป และด้วยความที่รู้ตัวว่าเป็นเด็กฝาก เลยยิ่งไม่อยากให้ใครมาตำหนิได้ มิเช่นนั้นจะส่งผลไปถึงผู้ที่ฝากมา ทำให้นุ่นตั้งใจทำงานเป็นพิเศษ จากเด็กขี้เซานอนตื่นสาย กลายมาเป็นตื่นแต่เช้าทุกวัน ทำงานในสารพัดหน้าที่ ไม่ว่าจะได้รับมอบหมายสิ่งใดมา จะหนักจะเบาแค่ไหน ก็ทุ่มเทให้กับงานอย่างเต็มที่ จนคำชมนั้นย้อนไปถึงพ่อแม่ สร้างความประหลาดใจและภาคภูมิใจให้ไม่น้อย “ป๊ากับแม่ยิ้มหน้าบานไม่หุบเลยค่ะ”… นุ่น บอกถึงปฏิกิริยาของท่านเมื่อได้ยินจากปากคนอื่นชมว่า ลูกสาวตัวเองเก่งไม่ใช่ย่อย

และอีกบทบาทล่าสุดของคุณนุ่น ในเรื่องของธุรกิจการออกกำลังกาย ที่กำลังได้รับความสนใจจากผู้รักสุขภาพ โดยเฉพาะสาวๆ ยุคใหม่ที่ชื่นชอบการเรียกเหงื่อแบบได้ความสนุกและสะใจ กับกีฬาชกมวยที่เริ่มมาได้สักพักแล้ว

“ก่อนหน้านั้นนุ่นไม่เคยเข้ามาช่วยงานของป๊าเลย เพราะลำพังงานของตัวเองก็รู้สึกว่าเหนื่อยจนไม่อยากจะทำอะไรอีกแล้ว จนเมื่อป๊าบอกว่ามีห้องเหลือที่สนามไดร์ฟออลสตาร์จะทำอะไรดี แล้วนุ่นเองก็เคยไปออกกำลังกายด้วยการต่อยมวยไทย เห็นว่าพื้นที่ขนาดนี้สามารถสร้างเป็นยิมสำหรับฝึกซ้อมมวยไทยเพื่อการออกกำลังกายได้อย่างสบายมาก เพราะจุดประสงค์ไม่ใช่ค่ายมวยเพื่อแข่งขัน ตัวเองก็ชอบกิจกรรมแนวๆ นี้ เลยชักชวนเพื่อนให้มาร่วมกันเปิดขึ้นมา แล้วป๊าก็ให้ช่วยเข้ามาดูแล”

“นุ่น ชอบกีฬาเร็วๆ รู้สึกว่าเข้ากับตัวเองมากกว่ากีฬาช้าๆ พอไปลองกีฬาชกมวยก็ชอบ รู้สึกสนุกดี ได้เหงื่อเยอะ ได้ออกกำลังกายทุกสัดส่วน ได้เผาผลาญไขมันเต็มที่”

ส่ิงสำคัญที่ได้รับในกีฬามวยของคุณนุ่นคือผลประโยชน์จากการออกกำลังกาย สุขภาพที่มีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี อาการเหนื่อยง่ายค่อยๆ ลดลงไป ฟิตแอนด์เฟิร์ม อย่างเห็นได้ชัด

“จุดเด่นที่เรานำประสบการณ์ของตัวเองมาใส่ไว้ใน ดาวเด่นมวยไทย นอกเหนือจากมีโปรแกรมที่เหมาะสมให้กับทุกเพศทุกวัยแล้ว ครูฝึกของเราทุกคนยังมีประสบการณ์สูงในการสอนมวย ทำให้มาเรียน มาฝึกซ้อมที่นี่จะรู้สึกว่าสนุก ไม่น่าเบื่อ ได้ออกกำลังกายเต็มที่ ในสถานที่ที่เราดูแลรักษาความสะอาดเป็นอย่างดี ทำให้ลูกค้าของเราส่วนใหญ่จะเป็นสาวๆ ที่อยากจะดูแลสุขภาพ ลดน้ำหนัก ตั้งแต่เด็กๆ อายุตั้งแต่ 5 ขวบ จนผู้สูงวัย เพราะเราไม่ได้เน้นในเรื่องการต่อสู้ แต่จะเน้นเรื่องการลดน้ำหนัก การเล่นบอดี้เวท ในรูปแบบที่ทำให้รู้สึกสนุกสนาน และเราก็รับจำนวนนักเรียนที่ไม่มากนักต่อรอบเพื่อครูฝึกจะได้ดูแลได้อย่างทั่วถึง ส่วนคุณผู้ชายที่อยากจะฟิตหุ่น หรืออยากมีทักษะมวยบ้างเราก็มีคอร์ส มีครูที่สามารถจะฝึกซ้อมให้ได้ตามความเหมาะสม”

กีฬามวยสนุกตรงที่ได้เล่นกับคนอื่น ต้องมีสมาธิสูง มิเช่นนั้นเราจะต่อยพลาด หรือถ้าครูต่อยมาเราก็อาจจะโดน แต่ก็ไม่ได้เจ็บเพราะเราไม่ได้ฝึกซ้อมกันเพื่อต่อสู้ บางคนอาจจะมองว่าเป็นกีฬารุนแรง แต่จริงๆ แล้วมันมีระดับของการเล่นที่ปลอดภัย และการออกกำลังด้วยวิธีนี้ ได้ผลที่น่าพอใจกับคนที่ตั้งใจจะลดน้ำหนัก รักษาหุ่น ด้วยการใช้แรงเอาเหงื่อเข้าแลก ซึ่งดีกว่าการใช้วิธีลัดอื่นๆ อย่างเช่นการอดอาหาร หรือกินยา ซึ่งอาจจะมีผลเสียตามมาอีกมากมาย

“สำหรับนุ่น ไม่ได้มองว่าการชกมวยเป็นกิจกรรมที่ใช้ความรุนแรง หรือเพื่อป้องกันตัวแต่อย่างใด กีฬามวยที่ชกกันจริงๆ นุ่นยังไม่กล้าดูเลย ขนาดเล่นมาแล้วพักนึง เตะ ต่อย ก็พอได้ แต่ถ้าหากมีสถานการณ์เกิดขึ้นมาจริงๆ ยังไม่รู้เหมือนกันเลยว่า จะกล้าเตะ กล้าต่อย บ้างรึเปล่า แต่ก็คิดว่า ถึงเวลานั้นฝึกซ้อมที่ผ่านมาก็คงพอช่วยเหลือตัวเองให้ออกหมัด หรือเตะได้บ้างล่ะค่ะ” คุณนุ่น กล่าวแบบขำๆ ปิดท้ายบทสนทนาอย่างอารมณ์ดี