ธนนท์ พงษ์ธนา
ธนนท์ พงษ์ธนา
Art of Golf
“ความสุขของคนเราในแต่ละช่วงชีวิตย่อมแตกต่างกันไป”
กีฬา : อยู่โรงเรียนชายล้วน (เซนต์ คาเบรียล) ทำให้ได้เล่นหลากหลาย นอกจากฟุตบอลก็มีกรีฑาที่เล่นได้ค่อนข้างดี สมัยเรียน ผมเป็นนักกีฬาที่มีผลการเรียนดี อยู่ในห้องเรียนดีมาตลอด แต่อยากเป็นนักกีฬาฟุตบอลอาชีพ ชีวิตผมเล่นฟุตบอล ติดทีมโรงเรียนตั้งแต่แปดขวบ เล่นฟุตบอลต่อเนื่องมาจนถึงระดับคัดตัวมหาวิทยาลัย จุฬา – ธรรมศาสตร์ แต่เราเป็นแค่เด็กบ้านที่เล่นกีฬาได้ดี ยังไม่ถึงกับเป็นตัวนักกีฬาระดับชาติ, ฟุตบอล จึงเป็นกีฬาที่ชอบและเล่นต่อเนื่องจนอายุมากขึ้น ต้องขอบคุณคุณพ่อ ที่สนับสนุนให้เริ่มเล่นกอล์ฟ เพราะมองเห็นว่านี่เป็นกีฬาเพื่อธุรกิจ ท่านบอกอยู่เสมอว่า อยากให้ผมทำธุรกิจทำงานสานต่อด้วย ตอนก่อนจบมหาวิทยาลัย ได้หัดเล่นกอล์ฟ โชคดีที่ผมมีพี่น้องผู้ชายสามคน ผมเป็นคนโต อายุห่างกันนิดหน่อย เลยมีเพื่อนเล่นสนุกด้วยกัน
ช้อปปิ้ง : ผมชอบซื้อของ ในแนวที่ผู้ชายชอบ มีรายการซื้อของอยู่ตลอด ทำให้เข้าใจผู้ชายที่ใช้จ่ายเยอะ ๆ เกี่ยวกับของต่าง ๆ และ กอล์ฟ ก็คือหนึ่งในนั้น เป็นกีฬาเดียวที่น่าจะใช้เงินกับอุปกรณ์หรือสินค้าที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ เยอะที่สุดแล้ว ตอนทำร้านฯ มีคนที่เข้าใจผม และผมก็เข้าใจเขา มีไม่เยอะมาก สี่ปีแรก แค่ราวร้อยคน ซื้อของวนเวียนกันอยู่อย่างนั้น แต่ยอดซื้อขายค่อนข้างสูง สู้ราคา ขอให้มีของ ขอให้มีรุ่นที่ต้องการ จนมาหลัง ๆ มีการขยายฐานออกไป ทำให้เรามีลูกค้าที่หลากหลายมากขึ้น
การตลาด : ผมไปเรียนบริหารธุรกิจที่ประเทศอังกฤษ ทำให้มีโอกาสได้เห็นเทรนของตลาดล่วงหน้าว่าอะไรจะมาก่อน ทำให้เป็นผู้นำในตลาดในเรื่องกอล์ฟ รู้สึกดีใจ ที่เมื่อนำอะไรเข้ามาขาย แล้วมีคนนำมาขายตามด้วย นั่นแสดงว่าเขาเชื่อเราว่าสินค้านั้นขายได้ ส่วนลักษณะตลาดของแต่ละแห่งก็ต่างกันไป เช่น อเมริกา ซื้อของไม่บ่อยมาก แต่ซื้อบ้าง ประชากรกอล์ฟเขาเยอะ, ยุโรป มีรายได้เยอะ แต่ประหยัดที่สุด แทบจะไม่เปลี่ยน ใช้ของที่มี การทำตลาดกับยุโรปจึงยากมาก ส่วนคนที่ใช้เงินกับกอล์ฟมากที่สุดก็คือ เอเชีย การทำตลาดจึงมีโอกาสมากที่สุด
Art of Golf : เมื่อราวสิบปีที่แล้ว ผมทำงานนอกบ้าน แล้วเริ่มกลับมาเล่นกอล์ฟ ผมเป็นลูกค้าสินค้ากอล์ฟแทบทุกร้านมาก่อน ไม่เคยคิดว่า พัตเตอร์ชิ้นเดียว มีมูลค่าเป็นแสนบาท ผมเองชอบของอะไรที่มีชิ้นเดียว คนอื่นไม่มี จนเมื่อได้เข้าไปเป็นพาร์ทเนอร์ โดยการสนับสนุนเงินทุนให้กับร้าน เริ่มจากการขายพัตเตอร์ที่เป็นลิมิตเต็ดไฮเอนด์ เป็นสินค้าซื้อมาขายไป มีของสะสมอยู่เยอะ ของบางอย่างไม่สามารถหาซื้อมือหนึ่งได้อีกแล้ว เป็นรุ่นลิมิตเต็ด หายาก บางชิ้นยังไม่ได้เคยใช้ยังไม่แกะซีลก็มี ลูกค้าที่เริ่มต้นตั้งแต่แรกกับร้าน มีบุคลิกในการซื้อ คล้าย ๆ กับผม ชอบอะไรไม่เหมือนคนอื่น สู้ราคา ขอแค่ให้ถูกใจ เป็นร้านแรก ๆ ที่ขายของพรีเมี่ยม และไม่เหมือนใครในเซ้าท์อิสเอเชีย เป็นร้านที่ยูนีค ขายของเฉพาะทางหน่อย มีของที่ไม่เหมือนคนอื่น ไฮเอนด์ไปเลย ร้านเราขายของสะสม แต่ไม่ได้เป็นตัวแทน ซึ่งผมเอง ไม่ต้องการแค่เป็นคนขาย แต่ต้องการเป็นตัวแทนอย่างเป็นทางการ อยากรับประกันและเคลมสินค้าให้ลูกค้าได้
บริการหลังการขาย : ผมเห็นตลาดสีเทา (Gray Market) ในธุรกิจรถยนต์ ก็เหมือนกับในตลาดอุปกรณ์กอล์ฟด้วยเช่นกัน นั่นคือ ผู้ขายไม่สามารถรับผิดชอบให้มีบริการหลังการขายได้ ผมเคยซื้อก้านแพงมาก ๆ ของญี่ปุ่น จากร้านที่นำเข้ามาขาย แล้วเกิดปัญหาจากการผลิต แต่ร้านไม่สามารถเคลมให้ผมได้ เท่ากับว่าเราต้องเสียโอกาสตรงนั้นไป จนคิดว่า ถ้าเราทำธุรกิจเปิดร้านขายสินค้า หากเกิดปัญหาที่มาจากโรงงาน ไม่ใช่จากการใช้งาน ลูกค้าต้องเคลมได้ทันที ทำให้ผมตั้งใจว่า ต้องทำอะไรที่เป็นตัวแทนอย่างเป็นทางการเท่านั้น ไม่ใช่ขายถูกกว่า แต่ซื้อแล้วตัวใครตัวมัน
PXG : เราเป็นพาร์ทเนอร์กับเขาตั้งแต่แรกเริ่ม ก่อตั้งบริษัทใหม่ ๆ ตั้งแต่รุ่น GEN 1 เมื่อราว 7 – 8 ปี ก่อน เขาติดต่อเรามาเองเลย ส่งของให้มาล็อตนึง เราก็งงว่าอยู่ดี ๆ มีของส่งมาให้เยอะมากพอควร เขาบอกว่าให้เอาไปก่อน ตอนแรกก็งงไม่ทราบว่าคืออะไร สินค้า PXG แรก ๆ ราคาแพงสูงว่าเจ้าอื่นมาก ตอนนั้นก็ไม่มั่นใจว่าเราจะขายได้หรือไม่ แต่กลายเป็นว่า GEN 1 ขายดีมากเกินคาด เขาก็งงกับเรา ยอดขายเราน่าจะเป็นอันดับที่สามของเอเชีย รองแค่ญี่ปุ่นและเกาหลี ทั้ง ๆ ที่ยังมีอีกหลายประเทศที่น่าจะขายดีกว่าเรา จากนั้นก็เป็นพาร์ทเนอร์กันมายาวนาน จนมาถึงรุ่นปัจจุบัน GEN 6 แล้ว
สวนกระแส : เจ้าของ PXG คือ บ็อบ พาร์สันส์ เป็นมหาเศรษฐีชาวอเมริกัน ธุรกิจหลักที่เขาทำเกี่ยวกับเว็บโฮสติ้ง มีทุน และทันสมัย ใช้สื่อเป็น ถนัดเรื่องทำการตลาดออนไลน์มานานแล้ว เริ่มก่อนคนอื่น มีความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง ทำให้แบรนด์ที่เพิ่งจะเปิดตัวเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็ว คนอยากลองสินค้าใหม่ เมื่อ 7 – 8 ปีก่อน ผมมองว่าเป็นช่วงขาลงของกอล์ฟด้วยซ้ำ มีแต่ที่ปิดตัวไป สินค้ากอล์ฟระดับเจ้าใหญ่ ๆ ไม่มีการเปิดแบรนด์ใหม่ ๆ มานานแล้ว โดยเฉพาะฝั่งอเมริกา ส่วนญี่ปุ่น เกาหลี จะมีก็แค่เจ้าเล็ก ๆ ออกมาตลอด แต่ในฝั่งอเมริกา น่าจะไม่มี แต่ PXG มาในช่วงเวลานั้น และใช้คอนเซ็ปต์ที่ไม่เคยทำ นั่นคือเป็นไม้กอล์ฟพรีเมี่ยม ราคาแพง ใครใช้จะรับรู้ถึงภาพลักษณ์ของความหรูหรา และยังคงใช้แนวคิดมาอย่างต่อเนื่อง แต่มีการปรับราคาให้จับต้องได้มากขึ้น จุดเด่นคือ ขณะที่เกือบทุกแบรนด์มุ่งไปที่การทำให้หัวไม้ตีไกล, PXG เป็นเจ้าแรกที่นำเทคโนโลยี มาพัฒนาใช้ในเหล็ก สามารถทำให้เหล็กตีได้ไกลขึ้น โดยไม่ใช้วิธีสตรองลอฟท์ ซึ่งเป็นจุดขายที่สร้างความประหลาดใจให้กับตลาดว่าทำได้อย่างไร และด้วยโลโก้ แผนทางการตลาดที่วางไว้ระดับไฮเอนด์ มีการนำคนมีชื่อเสียงมาประชาสัมพันธ์ ยิ่งทำให้แบรนด์กลายเป็นสินค้าพรีเมี่ยม ผ่านมาราว 7 ปี มีการปรับเปลี่ยนในเรื่องราคา เทียบเท่าหรือใกล้เคียงกับไม้กอล์ฟปกติ ขณะที่เมื่อก่อนแพงกว่าเป็นเท่าตัว ทำให้ตลาดขยายมากขึ้น สินค้าก็มีหลากหลาย จากเดิมมีแค่ชุดเหล็ก หัวไม้ ก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เช่น พัตเตอร์ ที่สำคัญคือ สินค้าประเภทเสื้อผ้า ขนาดใหญ่มาก ๆ โดยเฉพาะที่เกาหลี ซึ่งเป็นประเทศที่มีการขายเสื้อผ้าอุปกรณ์กีฬา ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ยอดขายมากกว่าอเมริกาด้วยซ้ำ
คนอื่นไม่มี เรามี : ตลาดที่เป็นพรีเมี่ยม ทุกคนน่าจะรู้จักเราแล้ว แบรนด์ที่ถืออยู่เรามีหลากหลาย นอกจาก PXG ก็ยังมี พัตเตอร์ BETTINARDI เป็นแบรนด์พรีเมี่ยมอีกตัวของอเมริกา ซึ่งให้สิทธิพิเศษกับเราเป็นอย่างมาก เช่นการสั่งซื้อพัตเตอร์ลิมิตเต็ดตัวพิเศษ ๆ ที่หาได้ยากมาก หรือทำอะไรที่ไม่น่าจะทำได้ แต่เราทำได้ ในเอเชียเราน่าจะเป็นบริษัทนำเข้า ขายสินค้าที่เป็นทัวร์ได้มากที่สุด, ตลาดเราแข็งแรง ยิ่งพอเปิดประเทศแล้ว มีลูกค้าจากทั่วเอเชีย บินมาซื้อที่เรา เรามีของที่คนอื่นไม่มี หาไม่ได้ตามร้านขายทั่ว ๆ ไป เป็นตลาดกลุ่มเฉพาะที่เริ่มจะโตขึ้นเรื่อย ๆ ผ่านมา 8 ปี เรามีสินค้าทุกช่วง ตั้งแต่พรีเมี่ยมไฮเอนด์จนถึงจับต้องได้ง่าย เรามีหมด ก่อนหน้านี้เรามีแค่ตัวแพง ๆ ไม่เคยขายของถูกเลย เป็นการพบกันครึ่งทาง แบรนด์ที่ผมนำเข้ามา ต้องไม่มีตัวแทนในประเทศไทย ต้องทำอะไรอย่างเป็นทางการเท่านั้น และเป็นแบรนด์ใหญ่ในประเทศนั้น ๆ หรือในทวีปนั้น ๆ เช่น BIG MAX เป็นถุงกอล์ฟสัญชาติยุโรป มีสัดส่วนการตลาดเกินครึ่ง แต่ย่านเซ้าท์อิสเอเชีย ไม่รู้จัก รวมถึงตัวผมด้วย
ตัวแทน 4 ทวีป : บริษัทเรานำเข้าอุปกรณ์กอล์ฟ จากทุกมุมโลก ทั้ง อเมริกา ญี่ปุ่น เกาหลี ยุโรป เรามีแบรนด์ครบทุกทวีป หลัก ๆ ของเราคือเป็นผู้นำเข้า สินค้าที่เป็นแบรนด์พรีเมี่ยม ไฮเอนด์ มาทำตลาด, ในปัจจุบันหลาย ๆ แห่ง อาจทำสินค้าเองโดยมีการจ้างให้โรงงานผลิตออกมา แต่คอนเซ็ปต์ของผมคือ จะนำแบรนด์ที่เป็นที่รู้จักอยู่แล้วเข้ามา แล้วก็ขยายไปเรื่อย ๆ เราเริ่มเป็นตัวแทนจากของญี่ปุ่น บินไปเองโดยไม่รู้อะไรเลย ติดต่อแบรนด์ที่เราชอบ เป็นเรื่องน่าแปลกใจที่ แบรนด์ใหญ่ ๆ แต่ไม่มีคนไทยเป็นตัวแทนอย่างเป็นทางการ มีแค่ซื้อเข้ามาขาย ญี่ปุ่นเองเขาก็อยากขยายตลาด แต่ติดอยู่ที่การติดต่อสื่อสาร จากจุดเริ่มต้นแบรนด์แรก ก็ค่อยขยับมาเรื่อย ๆ จนถึงวันนี้เรามีครบทุกทวีป กว่า 40 แบรนด์ไปแล้ว, อเมริกา เรามี PXG, BETTINARDI และก้าน รวมถึงสินค้าด้านแฟชั่น Malbon , ยุโรป BIG MAX, Cross ส่วน ญี่ปุ่น เป็นก้านหลายยี่ห้อ และ เกาหลี รองเท้า เป็นต้น ถ้าในเรื่องกีฬากอล์ฟ สินค้าเรามีครบตั้งแต่หัวจดเท้า
กอล์ฟ : ผมไม่ได้ชอบตีกอล์ฟเท่ากับความสนุกที่ได้จากกอล์ฟ โดยเฉพาะการได้ซื้ออุปกรณ์ ผมยังมีความตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้เห็นอุปกรณ์ใหม่ ๆ อยากลอง ซึ่งความรู้สึกนี้เกิดขึ้นมานานมาแล้ว และก็ยังรู้สึกเช่นนั้นอยู่ ต่างจากเรื่องอื่น เช่น รถยนต์ ที่ผมเคยตื่นเต้นมาก ๆ เมื่อสมัยก่อน มาตอนนี้กลับไม่รู้สึกเยอะเหมือนเดิมแล้ว, ผมยังซื้อไม้กอล์ฟยี่ห้อต่าง ๆ มาลองทดสอบว่าเป็นยังไงบ้าง ยังมีแรงบันดาลใจในการซื้อ กอล์ฟมีอะไรใหม่ ๆ ให้ติดตามอยู่ตลอดเวลา ส่วนการเล่นนั้น ผมตีได้ทุกสกอร์ เล่นจริงจังก็ทำได้ระดับซิงเกิ้ลแฮนดิแคป แต่อยากเน้นเฮฮา สนุกสนานกับบรรยากาศกอล์ฟมากกว่า เพราะหากเล่นเป็นซีเรียสกอล์ฟเฟอร์ ยังไงก็ไปไม่ถึงระดับเป็นทัวร์โปร ก็ขอเล่นให้สนุก ๆ แบบไม่เครียดดีกว่า
สุขภาพ : ผมเป็นคนนอนน้อยมาก นอนเพียงวันละ 4 – 6 ชั่วโมงก็พอแล้ว แต่นั่นอาจเป็นเพราะคุณภาพการนอนที่ดี หลับลึก หลับสนิท ทำให้ได้พักผ่อนเพียงพอก็เป็นได้ แต่ถ้าวันไหนนอนมากไป เช่นตื่นมาสักพักแล้วไปนอนต่อ กลับรู้สึกว่าวันนั้นไม่สดชื่น แต่ถ้านอนน้อยแล้วทำงาน จะรู้สึกดีมากกว่า, ส่วนร่างกาย พออายุมากขึ้น น้ำหนักมากขึ้น ต้องคุมอาหารบ้าง หันมาดูแลเรื่องสุขภาพมากขึ้น มีเทรนเนอร์คอยดูเรื่องฟิตเนสให้
ความสุข : ชีวิตคนเรานั้นไม่เหมือนกัน ความสุขของคนเราในแต่ละช่วงชีวิตย่อมแตกต่างกันไป บางคนอาจมีความสุขที่ได้เห็นเงินในบัญชีเยอะ มีความสุขเมื่อได้ซื้อของ มีความสุขเมื่อได้ออกรอบเล่นกอล์ฟกับเพื่อน หรือบางคนกลับมาบ้านเห็นครอบครัวแล้วมีความสุข แต่ละคนย่อมแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับแต่ละช่วงชีวิต แต่ละเวลา แต่ละสถานที่ ลองเลือกดูว่าคุณมีความสุข มีความชอบแบบไหน อย่างของผม ตอนนี้ มีลูก ๆ สองคน วัยกำลังน่ารัก ทุกเช้าต้องไปส่งที่โรงเรียน ถ้าไม่เจอตอนเช้าก็ต้องเจอตอนเย็น ใช้เวลาด้วยกันทุกวัน เวลาได้อยู่กับครอบครัว ผมมีความสุขที่สุดแล้วครับ