สกอตตี้ เชฟเฟลอร์ กับบทพิสูจน์นักกอล์ฟตัวจริง
สกอตตี้ เชฟเฟลอร์ กับบทพิสูจน์นักกอล์ฟตัวจริง
การแข่งขันกอล์ฟเดอะ เพลเยอร์ส แชมเปียนชิพ รายการที่ได้รับการยกย่องเสมือนเมเจอร์รายการที่ 5 ของกอล์ฟชาย จบลงด้วยชัยชนะของ สกอตตี้ เชฟเฟลอร์ โปรกอล์ฟชาวอเมริกันวัย 26 ปี ที่โชว์ฟอร์มเยี่ยมเก็บ 5 เบอร์ดี้ติดต่อกันในช่วงกลางของการแข่งขันรอบสุดท้าย ขยับสกอร์จากที่นำอยู่สองสโตรก คว้าแชมป์แบบทิ้งห่าง 5 ช็อต ทำสถิติคว้าแชมป์ 6 รายการ ในการลงเล่น 27 รายการหลังสุดในศึกพีจีเอทัวร์ นับตั้งแต่รายการเวสต์ แมนเนจเมนท์ ฟีนิกซ์ โอเพ่น เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2566
การคว้าแชมป์รายการเดอะ เพลเยอร์ส แชมเปียนชิพ ยังทำให้เชฟเฟลอร์ ซึ่งการศึกษามหาวิทยาลัยเท็กซัส มาแล้วเกือบ 5 ปี กลับขึ้นครองบัลลังก์มือหนึ่งของโลกอีกครั้ง หลังจากเคยครองมือหนึ่งโลกมาแล้ว 32 สัปดาห์
ด้วยความมุ่งมั่นไม่เกรงกลัวใครพร้อมประชันฝีมือกับโปรกอล์ฟมือดังทุกคนไม่ว่าจะรุ่นไหน เชฟเฟลอร์ฉายแววโดดเด่นตั้งแต่เด็ก โดยผมเติบโตมาพร้อมกับการเล่นกอล์ฟที่สนามรอยัล โอคส์ คันทรี คลับ ในเมืองดัลลลัส รัฐเท็กซัสและตอนอายุ 10 ขวบ เชฟเฟลอร์ ขอดวลกับ โจแอล เอ็ดเวิร์ด นักกอล์ฟพีจีเอทัวร์ ที่สนามแห่งนี้
เอ็ดเวิร์ด ซึ่งอายุมากกว่าเชฟเฟลอร์ 35 ปี เล่าย้อนถึงเหตุการณ์ตอนนั้นว่า “เขาทำให้ผมต้องจ่ายแพงมากนะ ผมพกเหรียญมาเพียบเลย เพราะรู้ว่าเขาสู้แบบหัวชนฝาแน่”
หากเอ็ดเวิร์ด ไม่อยู่แถวนั้น เชฟเฟลอร์ จะไปเลือกผู้เล่นสมาชิกพีจีเอทัวร์คนอื่น ที่มีอายุห่างจากเขาราว 25 ปี “เขาไม่ยอมใครง่ายๆ คุณไม่สามารถข่มขู่ทำให้เขากลัวได้” แฮร์ริสัน เฟรซาร์ กล่าวถึงเชฟเฟลอร์ หลังเสียเหลี่ยมต้องยกลูกกอล์ฟทั้งกล่องให้กับเด็กรุ่นราวคราวเดียวกับลูกชายรายนี้
สิ่งที่โดดเด่นและเป็นที่จดจำอีกอย่างก็คือ เชฟเฟลอร์คือเด็กคนเดียวที่สวมกางเกงขายาวราวกับโปรกอล์ฟมาที่สนามที่สนามรอยัล โอคส์ คันทรี คลับ ไม่ว่าอากาศที่เมืองดัลลัสจะร้อนอบอ้าวแค่ไหนก็ตาม โดยเอ็ดเวิร์ด ยืนยันเรื่องนี้ว่า “เขาสวมกางเกงขายาวเสมอ เขาดูเหมือนผู้เล่นในพีจีเอทัวร์ตอนอายุ 10 ขวบ”
จากวันนี้จนถึงวันนี้ผ่านมา 16 ปีแล้ว นับตั้งแต่วันเขาดูเหมือนโปรกอล์ฟในทัวร์ สิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น สามารถอธิบายได้ว่าเหตุใด สกอตตี้ เชฟเฟลอร์ จึงเป็นผู้เล่นที่มุ่งมั่นที่จะคว้าชัยในทุกสนามที่เขาลงแข่งขันในพีจีเอทัวร์
จอร์แดน สปีธ อดีตมือหนึ่งโลกชาวอเมริกัน ชื่นชมเชฟเฟลอร์ว่าเก่งมาตั้งแต่เด็กแล้ว “จากที-ทู-กรีน เขาเล่นเก่งและทำได้ดีมาตลอดจนถึงทุกวันนี้ เขาเล่นฉลาดพัตต์ดี เป็นคนที่เอาชนะได้ยากมาก ผมเคยเล่นกับเขาตอนที่บ้านที่ดัลลัส และเขาก็ตีด้วยสกอร์ที่ต่ำเสมอ เมื่อผมรู้สึกว่าทำได้ดีกว่าเขา มันช่วยเพิ่มความมั่นใจกับผมมากในตอนนี้ เพราะคือนักกอล์ฟที่ดีที่สุดในโลกขณะนี้”
เมื่อพิจารณาจากนักกอล์ฟในอันดับ 1,2, 3 ของโลกในปัจจุบันตามลำดับ สกอตตี้ เชฟเฟลอร์, จอน ราห์ม และรอรี่ แม็คอิลรอย คือตัวแทนของโปรกอล์ฟที่ดีที่สุดอย่างแท้จริง โดยสำหรับ ราห์ม คว้าแชมป์ 5 รายการ จบใน 8 อันดับแรก 10 รายการจาก 12 หลังสุด และแม็คอิลรอย แชมป์ 3 รายการ เข้าป้าย 9 อันดับแรก 8 รายการ
แต่ที่สนามทีพีซี ซอว์กราส ในปอนเด เวดรา บีช ฟลอริดา ซึ่งเป็นบ้านของพีจีเอทัวร์ เชฟเฟลอร์ ทำผลงานได้ดีกว่านักกอล์ฟคนอื่นๆ โดยในสัปดาห์การแข่งขัน ไม่มีนักกอล์ฟคนใดที่ตีต่ำกว่า 70 มากกว่าสองวัน แต่เชฟเฟลอร์ ตีต่ำกว่าตลอดสี่วัน ด้วยผลงาน 68-69-65-69 รวมสี่วัน 17 อันเดอร์พาร์ 271 คว้าชัยเหนือรองแชมป์อย่าง ไทร์เรลล์ แฮตตัน 5 สโตรก โดยแฮตตั้น ตีสกอร์ดีสุดคือ 65 จบสี่วัน 276
เป็นชัยชนะที่มีคะแนนทิ้งห่างคู่แข่งมากที่สุดในรอบ 17 ปีของการแข่งขันกอล์ฟ เดอะ เพลเยอร์ส แชมเปียนชิพ และเกิดขึ้นในช่วงพีคของฤดูกาล และสร้างผลงานการแข่งขันที่น่าตื่นเต้นเร้าใจ โดยหลังผ่านไป 20 ทัวร์นาเมนต์ในฤดูกาล 2022-23 มี 15 รายการที่ต้องดวลเพลย์ออฟตัดสินแชมป์หรือเฉือนชนะหนึ่งหรือสองสโตรกและสี่สโตรกคือการชนะที่มากที่สุดก่อนหน้านี้
แต่ในสัปดาห์การแข่งขันกอล์ฟเดอะ เพลเยอร์ส แชมเปียนชิพ มีนักกอล์ฟดาวดังหลายคนประสบปัญหาทั้งเรื่องสภาพร่างกายและฟอร์มการเล่น โดยราห์ม ขอถอนตัวก่อนทีออฟรอบสองเนื่องจากป่วย ขณะที่แม็คอิลรอย ประเดิมรอบแรก 76 และไม่ผ่านการตัดตัว เช่นเดียวกับ แมตต์ ฟิตซ์แพทริค แชมป์ยูเอส โอเพ่น ส่วนจัสติน โธมัส จบอันดับ 60 ร่วม ด้านแพทริก แคนเลย์, ซานเดอร์ ชาฟเฟเล่, โทนี่ ฟิเนา และจอร์แดน สปีธ ไม่อยู่ใน 15 อันดับแรก แต่เชฟเฟลอร์ไม่ได้รู้สึกประหลาดใจอะไร
“ผมรู้สึกดีกับเกมการเล่นของตัวเอง ผมตีดีขึ้นเรื่อยๆ และเรียนรู้มากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณมีโอกาสลุ้นแชมป์และอยู่ในช่วงเวลาแห่งการลุ้นแชมป์” เชฟฟ์เลอร์ กล่าว โดยเขารั้งอันดับ 2 และตามหลังผู้นําเพียง 2 แต้มหลังจากประเดิม 68-69 ในสองวันแรก
เชฟเฟลอร์ ขยับแซงขึ้นนำ 2 ช็อตหลังตี 65 ในรอบที่สาม และเบียดลุ้นกับ ลี มิน วู ในช่วงต้นของวันสุดท้าย ก่อนเริ่มติดเครื่องด้วยการชิพอินเบอร์ดี้ที่หลุม 8 พาร์ 3 แม้เป็นช็อตที่ยาก เจ้าตัวเล่าย้อนถึงหลุมเปลี่ยนเกมสู่การคว้าแชมป์ว่า “ผมไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่จะชิพได้ง่ายในหลุมนั้น โชคดีที่ผมสามารถเก็บเบอร์ดี้ได้สำเร็จ”
โดยหลังจากชิพอินเบอร์ดี้ที่หลุม 8 เชฟเฟลอร์บวกเพิ่มอีก 4 เบอร์ดี้รวดที่หลุม 9 พาร์ 5, หลุม 10 พาร์ 4, หลุม 11 พาร์ 5 และหลุม 12 พาร์ 4 ซึ่งสปีธ บอกว่า “มันไม่ใช่ความโชคดี เขาเป็นนักกอล์ฟฝีมือยอดเยี่ยม เล่นได้ครบเครื่องทุกช็อต”
ทุกครั้งที่เก็บเบอร์ดี้ได้ เชฟเฟลอร์จะไดรฟ์ได้ระยะไกลกว่าเดิมและเล่นด้วยความมั่นใจมากขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่ลี มิน วู ตีออกทะเล ส่วนแฮตตั้น เล่นจบไปก่อนสกอร์รวม 12 อันเดอร์พาร์ จึงขยับเพิ่มไม่ได้ เหลือนักกอล์ฟ 6 คนที่ตามหลังเชฟเฟลอร์อยู่ 5 สโตรก ก็เริ่มเป๋ และปิดฉากด้วยสกอร์รวมกัน 19 โอเวอร์พาร์ ในการแข่งขันรอบสุดท้าย จึงไม่มีใครไล่ตามเชฟเฟลอร์ได้ทันแน่นอน
อย่างไรก็ตาม เชฟเฟลอร์ บอกว่าไม่คิดจะเพลย์เซฟตีประครองตัว เพื่อการันตีเงินรางวัล 4.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ในฐานะแชมป์แต่อย่างใด
ผมบอกกับ เท็ด สก็อตต์ แคดดี้ของผมขณะที่เดินขึ้นกรีนหลุมที่ 11 ว่า “เราแค่เล่นกอล์ฟตามสไตล์ที่เราเคยทํามาตลอด” และสก็อตต์ ตอบกลับไปว่า “แน่นอนอยู่แล้ว จะเปลี่ยนทำไม”
สกอตต์กลายมาแคดดี้คู่ใจเชฟเฟลอร์ โดยก่อนหน้านี้เขาเคยคว้าแชมป์มาสเตอร์ส กับบับบา บัตสัน สองครั้ง และมาเพิ่มสถิติเป็นสามครั้งกับเชฟเฟลอร์ เมื่อปีที่แล้ว จึงไม่มีเหตุผลที่เชฟเฟลอร์ต้องเปลี่ยนแปลงสไตล์การเล่นที่ช่วยให้เขาชนะอย่างต่อเนื่องในช่วง 13 เดือนที่ผ่านมา
ดังนั้น เชฟเฟลอร์ จึงไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร ยังคงเล่นอย่างดุดันบุกในทุกโอกาส และเขาก็คว้าชัยชนะสำเร็จอีกครั้ง และเชื่อว่าจะมีมาอย่างต่อเนื่องแน่นอน