Sport for Life

เรื่องของ มวยไทย VS กุน ขแมร์

เรื่องของ มวยไทย VS กุน ขแมร์

ความวุ่นวายกับเรื่องศิลปะการต่อสู้ที่ภูมิภาคนี้พยายามที่จะแจ้งต่อชาวโลกว่า “ข้าฯ นี่แหละคือต้นตำรับ”  ขนานแท้หากจะพูดกันไปความจริงในภูมิภาคนี้ที่มีอยู่ไม่กี่ประเทศที่มีต้นตอมากจากเทือกเถาเหล่ากอเดียวกัน เราตัดจีนกับเวียดนามออกไปก่อน มันก็จะเหลือ สปป.ลาว เมียนมาร์ กัมพูชา ไทย ดูทรงแล้วก็มีอยู่แค่นี้แหละที่พอจะเข้าตากรรมการให้เข้าร่วมเสนอหน้าว่า “ข้าฯ คือเจ้าของตัวจริง” จากอดีตแถบนี้สมัยที่ยังใช้ช้าง ม้า วัว ควายที่มีอยู่เป็นกำลังเสริมในการเคลื่อนทัพเพื่อต่อสู้เพื่อป้องกันดินแดน หรือบางทีก็เพื่อการแย่งชิงดินแดนมาเป็นของตน ผู้คนแถบนี้มันก็เลยผสมข้ามเผ่าข้ามพันธุ์ผสมผสานปนเปกันกลายเป็นมนุษย์แถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เรารู้จักกันดี…

ดังนั้นการข้ามสายข้ามพันธุ์บรรดาศิลปะการต่อสู้จากอดีตถึงปัจจุบันมันก็บังเกิดมาแต่บัดนั้น แต่ที่ “มวยไทย” ที่เรามีทำไมมันถึงได้ทะลุฟ้าทะลุโลกเพราะเรามีสนามมวยที่เป็นหนึ่งของภูมิภาคนี้มานานทั้งราชดำเนินและลุมพินี ทั้งสองสนามล้วนมีการสืบค้นกันไม่ยากเย็นว่าเกิดและมีการเปลี่ยนแปลงมากันอย่างไร เมื่อมีสนามก็ต้องมีนักมวยที่จะขึ้นมาประฝีมือกัน จากจำนวนนักมวยทั้งหมดจากอดีตถึงปัจจุบันเราไม่เคยเห็น กุน ขแมร์ มวยพม่า หรือมวยลาวมาเป็นแชมป์กับเขาบ้างเลย ดังนั้นเราจึงเคลมว่าศิลปะการต่อสู้แบบนี้แหละเป็นของเราเอง…ถ้าเราเป็นคนไทยคงยิ้มได้เพราะเรามีที่มาที่ไปที่สืบค้นได้ชัดเจน…

กลับไปที่ประเทศรอบบ้านรอบเมืองเราทำไมไม่มีเงาหรือชื่อปรากฏให้เรารู้จักกันว่า “ข้าฯ ก็มีเช่นกัน” ไล่เรียงไปเมื่อราว 70-80 ปีก่อน ประเทศเหล่านั้นเขารบฆ่าฟันแทบจะล้างเลือดกันไม่หมดไปทั้งประเทศกว่าเขาจะโงหัวขึ้นมาได้ก็เมื่อไม่กี่มากน้อยนี้เอง ดังนั้นการสืบทอดศิลปะการต่อสู้ที่มีรากเหง้าเดียวกันก็ขาดตอน มีแต่เราที่พัฒนาและเริ่มเป็นที่รู้จักแทบจะทั้งโลกไปแล้ว ส่วนของเราเองธุรกิจของวงการมวยมันก็เจริญรุดหน้าไปมากมายและพัฒนากฎกติกาให้เหมาะสมและคู่ควรกันกับคนที่เขาอยากเข้ามาเล่นและลอง ยิ่งตอนนี้เกิดมีมวยไทย 3 ยก ที่สามารถทำเงินทำทองได้เป็นสิบเป็นร้อยล้านในแต่ละครั้งที่มีโปรแกรม

แบบนี้มันก็ไม่ใช่ของแปลกจากประเทศที่เคยรบพุ่งกันแทบจะจบชาติหมดพันธุ์ พอเขายืนได้ด้วยขาของตัวเองเขาก็คงอยากได้อยากมีส่วนแบ่งเหล่านี้บ้างนี่แหละคือที่มาของคำว่า “ กุน ขแมร์” ที่เกิดขึ้นมา ส่วนการแข่งขันในซีเกมส์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่เดือนหน้านี้ผมเองไม่ให้ค่าของเกมนี้มานานแล้ว การจะใช้ชื่ออะไรว่าทำการแข่งขันมันก็มาจากศิลปะการต่อสู้แบบเดียวกัน แทนที่เราจะปิดกันเราควรให้ความรู้และความเข้าใจกับคนทั้งโลกนี้ต่อศิลปะการต่อสู้แขนงนี้ไปด้วยกัน ภูมิภาคแถบนี้มันจะได้เจริญกับเขาเสียทีขืนเป็นแบบนี้ต่อไปมันจะเข้าทำนอง “ศึกในยังไม่จบดันมาพบกับศึกนอกอีก” หนทางที่จะแก้มันมีแน่นอนขึ้นอยู่กับว่า “เราจะกล้าทำกันหรือเปล่า” ก็ลองดูว่า “กุน ขแมร์” ที่ว่าเขาดีแค่ไหนเอามวยไทยไปชกดู ถ้าเราดีจริงมันต้องทองยกแผง ส่วนเรื่องของ “ซีเกมส์” บอกตรงๆ เลยนะไม่อยากติดตามให้เปลืองไฟเลยจริงๆ ลองไปคิดกันดูนะครับ

ครูไก่