ขึ้นสังเวียนแล้วต้องมีคู่ต่อสู้

ขึ้นสังเวียนแล้วต้องมีคู่ต่อสู้

ในยามที่เม็ดเงินนั้นหายากยิ่ง โดยเฉพาะประเทศเล็กๆ อย่างไทยเรา เมื่ออดีตเราอาจมีเงินคงคลังอยู่จำนวนหนึ่งแบบไม่อายใครในภูมิภาคนี้ แต่เข้าสู่ยุคปัจจุบันไทยเราที่ว่าแจ๋วกลับต้องใช้จ่ายแบบเขียมชนิดชักหน้าแทบไม่ถึงหลังในแต่ละไตรมาสที่ผ่านไป เราโดนพิษของโควิดเล่นงานอยู่เกือบ 3 ปี เงินที่เคยเก็บสะสมอยู่เหลือเพียงพอแต่สิ่งซึ่งมีความจำเป็นเท่านั้นเอง เรื่องของโควิด-19 เนี่ยมันก็ไม่ได้เกิดเพียงชาติเราชาติเดียวทั่วทั้งโลกโดนกันถ้วนหน้า บ้านเมืองไหนที่มีความพร้อมก่อนในการเปิดประเทศเขาก็ทำกันไปก่อนหน้า ส่วนเราเปิดประเทศมาได้ช่วงหนึ่งกระแสตอบรับจากผู้คนทั่วโลกเขาก็ให้การยอมรับในคำว่า “Thailand of Smile” นี่นับเป็นต้นทุนที่มีค่าเกินกว่าใครจะเข้าใจได้ว่าทำไมประโยคนี้ถึงได้เหมาะสมกับบ้านเมืองของเรา…

กลับเข้าสู่วงการอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวนับเป็นงานที่เราถนัดโดยเฉพาะต้นทุนที่เรามีมาช้านาน คนไทยเราจะสุขจะทุกข์ระทมเพียงใดเราจะยิ้มสู้ไว้ก่อนส่วนจะเป็นหรือตายค่อยว่ากันอีกที ด้วยนโยบายของชีวิตแบบนี้นี่แหละทำให้ชาติไทยเราเป็นที่อิจฉาตาร้อนในแวดวงของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นอันมาก ลองคิดย้อนหลังไปราว 6-7 ปีก่อนเคยมีนักข่าวชาวจีนที่ออกข่าวครึกโครมว่าโดนคนขับรถตุ๊กตุ๊กพาไปรุมโทรมเล่นเอาผู้ที่เกี่ยวข้องในเวลานั้นเต้นผางร้อนไปทั้งกระบวนการที่จะหาคนทำผิดมาลงโทษ ขนาดเรียกได้ว่างานนี้ “ตายทั้งกรม” คือตายตั้งแต่อธิบดียันภารโรง ทั้งตำรวจ ประชาชน และอะไรต่อมิอะไรอีกมากมายช่วยกันคนละไม้ละมือควานหาความจริงเพื่อมาตีแผ่…สรุปลงที่เป็น “โอละพ่อ” นักข่าวสาวชาวจีนเป็นตัว “สตรอว์เบอร์รี” สร้างเรื่องและจำนนด้วยหลักฐานที่เป็นกล้องวงจรปิดซึ่งในสมัยนั้นมีจำนวนน้อยมาก แต่ที่น่าสงสารคือ “สิงห์สามล้อ” เราโดนเรียกมาสอบสวนทวนความ เล่นเอาสติตกไปตามๆ กันในเวลานั้น พอนางต้องจำนนด้วยหลักฐานที่มัดตัวแน่นว่า “นางแต่งเรื่อง” ขึ้นเพื่อที่จะหวังผลอะไรสักอย่าง แล้วก็กว่าจะรู้สึกตัวก่อนสำนึกผิดนางก็เข้าไปเสวยตะรางซะหลายปีในฐานะของ “มนุษย์ตอแหล” ไม่เข้าเรื่อง นี่เห็นว่าเพิ่งพ้นโทษไปเมื่อไม่นานด้วยความที่มีการลดลงของจำนวนเวลาบวกกับการพระราชทานอภัยโทษต่อผู้ต้องขังในทุกๆ ปี นั่นเอง

นี่ก็เรื่องเข้าทำนองเดิมที่นักท่องเที่ยวกล่าวหาตำรวจว่ารีดไถเธอเป็นจำนวนเงินถึง “27,000” บาท ในข้อหาอะไรสักอย่าง เห็นว่าขณะนี้ตำรวจกำลังหาเบาะแสและหลักฐานอันเป็นกล้องวงจรปิดในแถบนั้นอยู่ จากข้อมูลที่เธอกล่าวหา “ตำรวจ” มันหนักหนาอยู่นะครับ แต่จากการสอบสวนทวนความกันอยู่ขณะนี้ตำรวจที่เป็นต้นเรื่องจริงคงยืนกรานว่าไม่ได้ทำอย่างที่เป็นข่าว แล้วจากการสืบค้นจากกล้องวงจรปิดที่มีอยู่ข้อมูลที่เธอให้มันเริ่มมีความขัดแย้งกันเอง…เรื่องแบบนี้หากเป็นตัว “ตอแหล” ขึ้นมาอีกคนละก็งามหน้าแน่นอน เห็นหรือเปล่าครับตอนนี้เราต้องขึ้นสังเวียนชกแล้วนะครับ ศัตรูมีอยู่รอบด้าน คู่ต่อสู้มีอยู่ทุกหัวระแหงข่าวแบบนี้มันไม่ส่งผลดีต่อชาติและระบบอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของเราเลยนะครับ…เรื่องแบบนี้ติดตามให้ติดแล้วคิดให้เป็น…

ครูไก่