Interview

Timothy James Cormier

Timothy James Cormier
Vice President
Success at RealPage, Inc.
“The sun will rise again tomorrow”

คุณค่าแห่งการช่วยเหลือ : ครอบครัวของผมปลูกฝังให้เห็นคุณค่าของการช่วยเหลือผู้อื่น ดังนั้นผมจึงพัฒนาความชอบในการบริการ และอาชีพในการบริการ ช่วยเหลือผู้อื่นในเบื้องต้น โดยไม่แสวงหาผลกำไร

ช่วงเวลานั้นเอง ก็ได้พัฒนาความชื่นชอบ ความเอาใจใส่ในโลกใบนี้ และรักในการช่วยเหลือผู้อื่นอย่างจริงจัง และมีโอกาสร่วมงานกับ Peace Corps หลังจากเรียนจบ โดยได้ไปทำงานในประเทศแซมเบีย ราวสองปีครึ่ง ในการช่วยชุมชนในชนบท สร้างวิทยุทางด้านการให้ความรู้ ให้การศึกษาในโรงเรียน และช่วยเหลือผู้ติดเชื้อ HIV AIDS และนั่นเป็นเหตุผลสำคัญว่าทำไม ผมถึงได้มาอยู่ ณ จุดนี้ ในวันนี้, ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ผมมีโอกาสสำรวจโลกเพิ่มเติม เดินทางไปอาศัยอยู่ตามสถานที่ต่าง ๆ เช่น ออสเตรเลีย สิงคโปร์ และปารีส ในที่สุดก็โชคดีที่ได้พบกับ ‘โปรโค้ช’ อมลกานต์ ผลชีวิน ภรรยาของผม ซึ่งอาศัยอยู่ที่กรุงเทพฯ ในเวลานั้น เราได้พบกันอีกที่สหรัฐอเมริกา จนในที่สุดเราได้แต่งงานกัน เมื่อเดือนสิงหาคม 2019 ที่กรุงเทพฯ และตอนนี้เรามีน้อง ‘ไอริส’ ลูกสาวอายุ 8 เดือน สมาชิกใหม่ในครอบครัวของเรา นั่นคือหัวใจของการเดินทางสิ่งที่ทำให้เรามาที่นี่ในวันนี้

สังคมกีฬา : ผมเกิดและโตที่สหรัฐอเมริกา รัฐนิวแฮมป์เชียร์ คุณพ่อ คุณแม่ ทำธุรกิจอยู่ที่นั่น และมีพี่ชายที่อายุห่างจากผมสามปีครึ่ง หลังจากวัยเด็ก ผมเข้าเรียนที่ Boston College มหาวิทยาลัยชั้นนำในย่านบอสตัน และในแถบย่านนิวอิงแลนด์ ซึ่งเป็นกลุ่มรัฐทางตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐอเมริกา ทราบกันดีว่า กีฬาเป็นสิ่งที่ผู้คนให้ความสำคัญมาก เป็นทั้งความเชื่อและความศรัทธาก็ว่าได้, บอสตันเป็นหนึ่งในเมืองกีฬาที่ดีที่สุดในโลกที่มีทีมแชมป์จากกีฬาอาชีพ เรามีความหลงใหลในบาสเก็ตบอล อเมริกันฟุตบอล เบสบอลเป็นอย่างมาก ผมเองโตมากับการเล่นเทนนิส กอล์ฟ วิ่ง และฟุตบอล พูดได้ว่า ทั้งเล่นและคอยติดตามกีฬาอยู่ตลอดไม่เคยห่างหาย กีฬายังเป็นส่วนสำคัญของมิตรภาพ และเวลาที่ดีของครอบครัวเสมอ ความรักในกีฬาของผม ทำให้ได้เดินทางไปในสถานที่ดี ๆ เสมอ เช่น แอฟริกา พวกเขามีความรักในฟุตบอล และแม้แต่ในประเทศไทย ซึ่งผู้คนรักกอล์ฟจริง ๆ เช่นเดียวกับฟุตบอลด้วย กีฬาดีต่อหัวใจ ดีต่อจิตวิญญาณ และดีต่อจิตใจ

กีฬา : ความหลงใหลกีฬาในโรงเรียนของผมคือแนวคิดเกี่ยวกับทีม เพื่อนทุกคนจะมาเล่นกีฬากันในช่วงที่เรามีเวลาว่างจากการเรียน ผมได้เป็นส่วนหนึ่งของทีมฟุตบอล แต่กว่าจะเข้าร่วมทีมได้ก็ต้องแข่งขันกันเป็นอย่างมาก เพื่อจะได้อยู่ในทีมอันยอดเยี่ยม และสร้างผลงาน คว้าชัยชนะไปด้วยกัน ตอนเรียนมัธยมปีสุดท้าย ผมมีความสุขมาก เพราะได้ไปชิงแชมป์ฟุตบอลระดับรัฐ ถึงแม้จะแพ้ไป 1 – 0 เป็นเรื่องเศร้าในตอนนั้น แต่ผมก็ได้รับประสบการณ์มากมายจากการเป็นส่วนหนึ่งของทีม และประสบความสำเร็จในการเพิ่มพูนความสัมพันธ์ที่ทำให้เราโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้น เหตุการณ์ในครั้งนั้น ยังเป็นเรื่องที่ทำให้ผมถูกถากถางเมื่อเข้าเรียนมหาวิทยาลัย (หัวเราะ)

มาราธอน : ผมเปลี่ยนจากการเล่นกีฬาประเภททีม หันมาเริ่มเล่นกีฬาบุคคลประเภทวิ่ง และนั่นคือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เพราะไม่ต้องพึ่งพาเพื่อนร่วมทีมอีกต่อไป ผมมุ่งมั่นอยู่กับการพัฒนาตัวเองและจัดการอารมณ์ที่มีทั้งขึ้นและลงในการวิ่งระยะไกล เป็นความพยายามที่สำคัญมาก ทำให้ผมแข็งแกร่งขึ้น จากนั้นก็มีประสบการณ์ที่นับว่ายอดเยี่ยมที่สุดในการเล่นกีฬา นั่นคือ ผมวิ่งมาราธอนจบเป็นครั้งแรก, คุณแม่ของผมเคยเข้าร่วม บอสตัน มาราธอน ในปี 1987 ซึ่งเป็นการวิ่งมาราธอนที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก ดังนั้นตอนที่ผมอยู่มัธยมปลาย จึงเริ่มฝึกซ้อมสำหรับฤดูกาลฟุตบอลด้วยการวิ่ง และเมื่อย้ายไปมหาวิทยาลัยที่ บอสตัน ก็คิดว่าบางทีผมอาจจะวิ่งในรายการ บอสตัน มาราธอน ตั้งแต่ปีแรกของการเรียนมหาวิทยาลัย จึงตั้งเป้าหมายว่าจะฝึกฝนและเข้าแข่งขัน จนสามารถจบ บอสตัน มาราธอน ซึ่งเป็นมาราธอนครั้งแรกและเร็วที่สุดของผม ภายใน 3 ชั่วโมง 39 นาที แล้วยังเป็นช่วงเวลาสำคัญที่สร้างความประทับใจในชีวิตอีกด้วย เพราะทั้งผม คุณแม่ พร้อมทั้งเพื่อนสนิท สามารถเข้าเส้นชัยกันได้ทุกคน และผมเข้าร่วมแข่งวิ่งมาราธอน จบมาแล้ว 6 ครั้งทั่วโลก เช่น บอสตัน นิวยอร์ก ปารีส, กีฬาทุกชนิดช่วยให้ผมแข็งแรงและมีความสุข ดังนั้นผมจึงเต็มใจที่จะทุ่มเทให้กับกีฬาต่อไป และหวังว่าครอบครัวของเราจะยังคงสนุกกับการเล่นกีฬาด้วยกัน เช่นเดียวกับครอบครัวในวัยเด็กของผม

งานอดิเรก : ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับกีฬา ผมติดตามเชียร์ทีม บอสตัน เซลติค, นิวอิงแลนด์ แพทริออท, บอสตัน เรดซอก พวกเราดูทุกเกมและดูไฮไลท์หลังเกม เป็นส่วนสำคัญของครอบครัว ช่วยสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างผมกับคุณพ่อ พี่ชาย และเพื่อน ๆ กีฬาจึงเป็นส่วนสำคัญของงานอดิเรกอย่างหนึ่ง นอกจากนี้ผมเริ่มสนุกกับการเดินทาง เราจะเดินทางไปฟลอริดาเพื่อท่องเที่ยวสักหนึ่งหรือสองสัปดาห์ ถ้ามีโอกาสก็เดินทางไปจาเมกา วอชิงตัน ดี.ซี. นิวยอร์คซิตี้ และแม้ว่าทริปเหล่านี้จะเป็นทริปที่ค่อนข้างสั้น แต่ผมก็สนุกกับการค้นพบสถานที่ใหม่ ๆ ดังนั้นการเดินทางจึงกลายเป็นงานอดิเรกของผมในตอนนั้นด้วย

งานแรก : เป็นการทำงานให้กับเมืองท้องถิ่นในนิวแฮมป์เชียร์ โดยผมรับผิดชอบทาสีหัวดับเพลิง ใช้สำหรับส่งน้ำไปยังหัวจ่ายน้ำดับเพลิง ซึ่งติดตั้งอยู่ตามที่ต่าง ๆ รอบตัวเมือง ในกรณีฉุกเฉินหน่วยดับเพลิงจำเป็นต้องเข้าถึงหัวจ่ายน้ำด้วยสายยางเพื่อให้สามารถดับไฟได้ จึงเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างพื้นฐานของเมือง ถึงแม้เป็นงานระดับล่าง เพราะได้ค่าแรงน้อย แต่เป็นงานที่ผมภูมิใจและให้คุณค่าของงานนี้มาก ผมมั่นใจมากว่าทาสีหัวดับเพลิงไว้เป็นอย่างดี ทุกครั้งที่ขับรถผ่านเมืองก็จะเห็นหัวดับเพลิงเหล่านั้น ถึงบางครั้งอาจจะไม่ได้สนใจมันมากนัก แต่ก็เห็นว่าพวกมันดูดีแค่ไหนและช่วยรักษาเมืองให้คงอยู่ได้ มีส่วนช่วยเหลือความเป็นอยู่ที่ดีของชุมชนอย่างไร ทำให้รู้สึกภาคภูมิใจ เพราะนั่นสอนให้ผมรู้จักคำว่า อ่อนน้อมถ่อมตนและตั้งใจทำงานให้ดี ไม่ว่างานที่คุณทำอยู่จะเป็นงานอะไรก็ตาม หรือคุณจะอยู่ในตำแหน่งหน้าที่ใหญ่หรือเล็กแค่ไหน ทุกคนล้วนมีความสำคัญทั้งนั้น นั่นคืองานแรกของผมเมื่ออายุ 17 ปี

ทำงาน : ผมทำงานด้านเทคโนโลยีแพลทฟอร์ม จัดการทรัพย์สินต่าง ๆ ซึ่งเติบโตอย่างรวดเร็ว ผมสามารถก้าวไปสู่ระดับผู้บริหาร ไม่เพียงแค่ให้บริการลูกค้าด้วยผลิตภัณฑ์ของเรา แต่ยังให้บริการดูแลทีมที่รับผิดชอบอยู่ ช่วยให้ผู้คนได้เติบโตในอาชีพ ช่วยให้ผู้คนค้นพบความหมายในงานของพวกเขา ช่วยให้ผู้คนมีชีวิตที่ดีขึ้นอย่างถูกต้อง และนั่นคือความสุขที่แท้จริง ไม่ใช่แค่เรื่องผลตอบแทน ซึ่งแนวคิดทั้งหมดนี้ เริ่มต้นด้วยการปลูกฝังจากพ่อแม่มาโดยตลอด ปัจจุบันผมดูแลทีมงาน 60 คน เพื่อช่วยเหลือลูกค้าในผลิตภัณฑ์ที่เป็นซอฟต์แวร์การจัดการทรัพย์สินต่าง ๆ  สำหรับผู้จัดการทรัพย์สิน ที่อยู่อาศัย ฯลฯ เช่น ติดต่อสื่อสาร บัญชี การจัดการ สำหรับการจัดการทรัพย์สินกับผู้เช่าและที่อยู่อาศัย ซึ่งซอฟต์แวร์ทำให้ชีวิตของพวกเขาง่ายขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการทำงานในระบบดิจิทัล ผมจึงมีความยินดีที่ได้ช่วยเหลือลูกค้าใหม่ ๆ ผ่านทีมงานของเรา ในการเริ่มต้นใช้งานซอฟต์แวร์ และค้นหาความสำเร็จในการใช้งานนี้ต่อไป

อารมณ์ : อาจเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของชีวิต บางคนสามารถจัดการได้ง่ายกว่าคนอื่น ขณะบางคนจัดการอารมณ์ได้ยากกว่า ผมคิดว่าการทำสมาธิ เป็นการปฏิบัติที่สำคัญมากอย่างหนึ่งที่ได้สัมผัส ผ่านการเรียนรู้เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา เป็นสิ่งที่ได้หลอมรวมเข้ากับชีวิตประจำวันของผมจริง ๆ ซึ่งเป็นประโยชน์มาก คำแนะนำส่วนหนึ่งสำหรับผมก็คือ ‘เดี๋ยวมันก็ผ่านไป’ ดังนั้นหากกำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยความโกรธ หงุดหงิด หรือยากลำบาก ให้คิดซะว่า ‘พระอาทิตย์จะขึ้นอีกครั้งในวันพรุ่งนี้’ เราจะได้เริ่มต้นวันใหม่กันอีกครั้ง แล้วเมื่อเวลาผ่านไป ความรู้สึกใหม่ ๆ ก็จะมาถึง อารมณ์คือความรู้สึกชั่วขณะ มันไม่แน่นอน นั่นคือสิ่งสำคัญที่ต้องจดจำไว้เสมอ การต่อสู้กับอารมณ์ ก็เหมือนกับกีฬาสำหรับทุกคน ต้องยอมรับกับสถานการณ์ต่าง ๆ เช่นเดียวกับอารมณ์หลากหลาย ที่ต้องเจอทั้งความโกรธ ความเศร้า หรือความสุข ซึ่งก็ไม่เป็นไรที่จะรู้สึกถึงอารมณ์เหล่านั้น และเผชิญกับมัน แล้วปล่อยให้มันผ่านไป ก่อนอีกอารมณ์หนึ่งที่จะตามมา ซึ่งเราอาจจะไม่สามารถควบคุมได้ในตอนนี้ และอาจจะเจออีกเมื่อไหร่ก็ได้ในอนาคต

ภาพสะท้อน : กีฬาบอกได้ว่าคุณเป็นใคร ช่วยให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ นวัตกรรม และการแสดงออก ดังนั้นสิ่งสำคัญคือต้องหากีฬาที่นำความสุขมาให้คุณ และช่วยให้คุณเป็นตัวของตัวเองได้ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นบาสเก็ตบอล กอล์ฟ รถแข่ง ฯลฯ อาจเป็นกีฬาอะไรก็ได้ ที่ทำให้คุณประสบความสำเร็จ มีความสุข เข้าใจระเบียบวินัย กฎ กติกา อย่างถูกต้อง และดื่มด่ำกับกีฬานั้นจริง ๆ ‘อย่าปล่อยให้วันที่เล่นกีฬาแล้วไม่สมหวัง ไม่ได้ดั่งใจ มาเป็นวันที่เลวร้าย ทำลายความหลงใหลในการไล่ตามความสุขจากกีฬา’ ดังนั้น คุณต้องสม่ำเสมอ พยายามสนุกกับคนอื่น ๆ แม้ว่ากอล์ฟจะเป็นเรื่องปัจเจกบุคคลในแง่ของการตีลูกคนเดียว แต่คุณมีโอกาสที่จะเล่นกับครอบครัวหรือกับเพื่อน ๆ และยังเป็นการดีที่จะได้มาร่วมเล่นด้วยกัน

กอล์ฟ : ไม่ใช่กีฬาที่ผมได้รับการฝึกฝนมากนัก ตอนเด็ก ๆ ผมเล่นกอล์ฟกับพี่ชาย เพื่อนๆ และลูกพี่ลูกน้อง เราพบไม้กอล์ฟในโรงรถ แล้วไปที่สนามท้องถิ่นหัดเล่นกันเอง เมื่อเวลาผ่านไป ผมเริ่มคิดว่ากอล์ฟจะเป็นเกมที่สามารถเล่นต่อไปได้ตลอดชีวิต และเป็นเรื่องดีที่ผมได้เห็นพ่อแม่เริ่มเล่นกอล์ฟหลังเกษียณ มีโอกาสใช้เวลาได้เล่นอย่างสม่ำเสมอมากขึ้น โดยเฉพาะคุณแม่ท่านชอบกอล์ฟมาก ๆ

แรงบันดาลใจ : ภรรยาสนับสนุนผมในเรื่องกอล์ฟเป็นอย่างมาก เมื่อย้ายเราไปอเมริกา เธอจะคอยให้กำลังใจและผลักดันให้ผมตื่นตั้งแต่ยังมืดก่อนพระอาทิตย์ขึ้น แล้วออกไปเล่นกอล์ฟคนเดียว ตั้งใจอยู่กับเกมของตัวเอง สนุกกับมันก่อนจะไปทำงาน… เช้าวันหนึ่งยังไม่สว่างนัก มองเห็นได้ยากมาก เพราะดวงอาทิตย์เพิ่งจะโผล่ขึ้นมาที่หลุมแรก ผมอยู่คนเดียวในสนาม เป็นคนแรกที่ตีไปถึงขอบกรีน ระยะราว 25 ฟุตจากหลุม แล้วเล่นช็อตนั้นด้วยเวดจ์ พยายามนึกถึงคำแนะนำที่ภรรยาเคยบอก ผมชิพลูกเข้าไป ดูลูกวิ่งตรงไปลงที่หลุม ทำให้รู้สึกตื่นเต้นและดีใจมาก เพราะในฐานะนักกอล์ฟสมัครเล่น ผมไม่ได้เล่นลูกให้ลงหลุมไปเลยแบบนั้นบ่อยนัก ถึงแม้จะเล่นคนเดียว ไม่มีใครรู้เห็น แต่มันพิเศษมาก และเป็นช่วงเวลาที่ดีที่จะนำความสุขเรื่องนี้ไปเล่าแบ่งปันกับภรรยา เมื่อผมกลับถึงบ้านในภายหลัง

เวลาแห่งความทรงจำ : ผมมีช่วงเวลาที่สนุกสนานกับกอล์ฟมากมาย แต่ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในกอล์ฟของผมคือ ได้สิทธิพิเศษ เป็นแคดดี้ให้ ‘โปรโค้ช อมลกานต์’ ในระหว่างการแข่งขันในเดือนมีนาคม 2018 ที่ ริเวียร่า กอล์ฟคลับ นอกกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ และการได้แบกถุงกอล์ฟเพื่อคนรักในชีวิตนั้น สนุกและท้าทายมาก ซึ่งผมไม่จำเป็นต้องให้คำแนะนำอะไรมากมาย แค่แบกถุงและจับคันธงบนกรีน นั่นเป็นความทรงจำที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ และเราผ่านมาได้ทั้งสามรอบ นั่นหมายถึง เราผ่านความยากลำบากมาด้วยกัน และหวังที่จะใช้ชีวิตร่วมกันในฐานะคู่ชีวิตกันได้

เป้าหมาย : สิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของผม คือการเป็นคนที่ดีที่สุด ที่สามารถจะเป็นได้ ด้วยการช่วยเหลือผู้อื่นและให้ผู้อื่นและช่วยให้ผู้คนรอบตัวผมมีความสุข หวังว่าผมจะทำสิ่งนั้นได้, ในบั้นปลายของชีวิต ก็ตั้งใจว่าจะได้สร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับผู้คนที่ทำงานด้วยกัน อาศัยอยู่ด้วยกันเป็นครอบครัว, เป้าหมายส่วนตัวคือการมีความสุขจริง ๆ ไปกับการเดินทางของชีวิต ไม่ได้โฟกัสไปที่เป้าหมายใหญ่ที่ต้องไปให้ถึง หรือจุดหมายปลายทางที่ต้องไปให้ถึงเสมอไป แต่มุ่งเน้นไปที่ การเดินทางที่มีความท้าทาย เพราะชีวิตย่อมมีขึ้นมีลง ได้ดูแลครอบครัวในฐานะคุณพ่อที่คิดบวก และตั้งใจเป็นคู่ชีวิตที่ดีให้กับภรรยาครับ