จะฟาดงวงฟาดงาไปทำไมครับท่าน
จะฟาดงวงฟาดงาไปทำไมครับท่าน
จากความสำเร็จของสาวๆ นักวอลเล่ย์บอลไทยออกไปโชว์ฟอร์มในศึกชิงแชมป์โลกคราวนี้ได้แบบสนุกสนานถึงแม้ในรอบต่อมาเราเองโดนเขาทุบเอาๆ ซึ่งบางทีเราก็มีเถียงมีโต้แต่ก็อย่างว่าด้วยการวางแผนของหลายทีมโดยเฉพาะทีมในยุโรปและอเมริกาที่มีการทำการบ้านมาดีกันทุกทีมทั้งทีมอินทรีย์เหล็กที่เราเคยปราบมาในกาลก่อนหรือทีมแคนาดาเราเคยกำชัยมาได้ แต่กับลุงแซมทีดูว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ เรากับเขาก็เจียนไปเจียนอยู่จะออกแดงหรือน้ำเงินได้หมดสุดท้ายก็เป็นเขาที่เอาชนะไปในยกที่ 5 แค่ 2 แต้มเอง… เอาละจะชนะแค่จมูกหรือเส้นผมเขาก็ดีพอที่จะเดินต่อในรอบแปดทีมสุดท้ายอันเป็นเส้นทางที่จะสู่โอลิมปิกแบบสบายมือไม่ต้องคัดเลือกกันอีกให้เมื่อยตุ้ม ส่วนสาวไทยก็จบงานกลับบ้านแยกย้ายกันไป “บ้านใครบ้านมัน” เหลือเพียงความทรงจำที่ดีๆ ในการไปลุยกันมาครั้งนี้… แต่จะอะไรก็ช่างบรรดานักวอลเล่ย์บอลสาวไทยหลายคนอาจถูกจับจ้องจากแมวมองที่จะดึงไปเล่นในลีกอาชีพบ้านเขา ซึ่งแน่นอนกับฤดูกาลในการทำเงินทำทองถึงแล้วครับหรือใครที่ไม่มีทีมใดในต่างแดนสนใจก็ยังมีการแข่งขันอาชีพของบ้านเราที่ดังไม่แพ้ในต่างแดนเหมือนกัน เพียงแต่ต้องเลือกเวลาแข่งขันกับการเล่าเรื่องให้เหมาะสมกับเวลาเท่านั้นเองเองแหละครับ สำหรับทั้งสองประเทศที่ได้รับสิทธิ์ในการจัดครั้งนี้ทุกอย่างแทบไม่มีอะไรน่าตำหนิเลยก็ว่าได้มีอย่างเดียวเท่านั้นคือ “จำนวนผู้ชม” จากภาพที่เราเห็นทุกซอกมุมของบรรดานักกีฬาที่แข่งขันเราอาจได้เห็นมากกว่าคนในสนามเสียอีกแต่ทำไมจำนวนผู้ชมถึงได้น้อยนิดเมื่อเทียบกับคำว่า “ชิงแชมป์โลก” ถ้าลองคิดดูแบบเพลินๆ ว่า “การแข่งขันมาจัดที่บ้านเราอะไรจะเกิดขึ้น” อาจต้องเช่าสนามฟุตบอลเพื่อจัดแข่งกันมั่งครับ หรือจัดในช่วงหน้าหนาวของเราก็ยังได้นิ…คนดูที่อยากมีส่วนร่วมคงมีเรือนหมื่นหรือมากกว่านั้นแน่นอน…จะอย่างไรก็ช่างงานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรานะครับที่เหลือก็ปล่อยให้พวกเธอไปรับใช้สโมสรในสายอาชีพกันต่อไป…กับความคิดที่ว่าจะแข่งในสนามฟุตบอลมันจะได้เรื่องได้ราวแค่ไหนก็ลองคิดดูเอาเองว่า “ถ้าเรามีเทคโนโลยีที่ดี ณ ปัจจุบัน “การขึ้นจอให้เห็นกันจะๆ ในสนามมันก็ไม่น่ายากอะไร…ว่ามะ…

เสร็จเรื่องของสาวๆ ที่ทำให้คนไทยเกิดสุขในการชมทุกครั้งที่พวกเธอลงแข่ง…แต่กับแข้งทีมชาติไทยที่เล่นอย่างไรก็มีแต่ “เปลืองไฟ” อยู่ร่ำไปนับแต่ที่เรามีนายกสมาคมฯคนนี้ขึ้นมาผมว่าเรายิ่ง “เป๋” เข้าไปทุกทีใครจะว่าอย่างไรก็ช่างผมเองบอกได้คำเดียวว่า “เซ็ง” กับผลงานที่ผ่านมาเหลือเกิน ขนาดท่านรองนายกรัฐมนตรีออกมาขู่จะลงดาบหากไม่ได้ “แชมป์” ในซีเกมส์นี่จะสรุปกันได้หรือไม่ว่า “กีฬาจะต้องปลอดจากการเมือง” ในข้อนี้คงจะคิดได้ว่าการลงดาบครานี้ท่านควรมาในฐานะ “ประธานโอลิมปิกสากล” หรืออะไรสักอย่างไม่ได้มาในฐานะนักการเมือง แต่จะอะไรก็ช่างหน่วยงานในทางการกีฬาอยู่มากมาย แต่กลับมาตายน้ำตื้นเสียเองคือเราไม่สามารถพัฒนาฟุตบอลไปไหนได้ไกลกว่า “อาเซียน” หากคิดได้แค่นี้มันก็จบแล้วครับท่าน ทำไมเราไม่ปักธงไปที่ “เอเชี่ยนเกมส์” ไม่ใช่ “ซีเกมส์” เพราะการมองไกลเช่นที่ว่าเนี่ยโจทย์จะยากมากกว่าและถ้าเราทำไม่ได้ตามเป้าก็ไม่ว่ากันส่วน “แชมป์” ไม่ต้องคิดลืมไปเลยครับ และ “ซีเกมส์” เป็นเพียงงาน OT (โอที) ของทีมไทย ท่านครับจะลงดาบทั้งทีลงแค่เนี้ยเอง…จับตาให้ดีที่ “เขมร” คราวนี้ทีมไทยจะเหนื่อยกว่าที่เป็นมามากมาย…
ครูไก่