Sport for Life

กีฬาไทยสู่กีฬาโลก

กีฬาไทยสู่กีฬาโลก

“กีฬา กีฬา เป็นยาวิเศษ” หากใครที่อายุเฉียด 40 หรือเลยหลักสี่ไปแล้วเพลงนี้คงร้องกันได้แบบเพลินๆ แถมแปลงเพลงกันให้สบายกันอีกต่างหากในฐานะของคนที่อาศัยทำมาหากินกับกีฬามาแทบจะทั้งชีวิตของการทำงาน เงินทุกบาททุกสตางค์เกือบจะด้วยแรงงานตัวเองทั้งสิ้น ไอ้คนเราเนี่ยนะจะเป็นคนกีฬาข้อแรกคือความท้าทายกับตัวเองแต่เริ่มจำความได้ ก็อย่างที่เคยบอกมาครูไก่เป็นเด็กบ้านนอก เกิดน้ำจืดย้ายมาน้ำเค็มมาโตบางกอกเรียกว่าเป็นมนุษย์สามน้ำกันเลยก็ว่าได้ สมัยเป็นเด็กต้องมีแน่ ยิงนก ตกปลา มีวัวก็ขี่วัว มีควายก็ขี่ควายลงน้ำ มันสนุกจริงๆ ขนาดเคยขี่แล้ววัวมันดื้อสะบัดเราลงไป…ในขณะที่วัวทั้งฝูงอยู่ในน้ำบอกได้เลย “สนุกมาก” นึกย้อนหลังมาหากเราดำน้ำแล้วโดนแข้งวัวกระแทกเข้าหน้าเข้าตาจะทำอย่างไร…นึกไม่ออกครับ….คำเดียวที่นึกออก… “ตาย”

ในความที่ลองทุกอย่างที่อยากทำบางทีรวมสมัครพรรคพวกแล้วเล่นไล่จับกันบนต้นไม้ที่ยื่นลงไปในคลองบอกได้เลย “สนุกสุดๆ” จากที่เคยเป็นเด็กกลับกลายเป็นลิงเป็นค่างไปซะงั้น ทักษะทุกอย่างใช้ได้ขาดแต่ร่างกายที่เป็นคนเท่านั้นเอง บางทีจวนตัวก็โดดลงน้ำ ไอ้คนที่ไล่ก็โดดตาม “กระทืบไปบนหลังไล่” เคล็ดขัดยอกกันไปหรือบางทีก็จัดการกับคันคลองปรับไปเป็น “ทางลาดลงคลอง” มันสนุกดีเหมือนกัน ส่วนวิธีการก็แค่ “ถอนหญ้ากับเศษวัสดุที่ไม่ต้องการออกตามแนวที่กะไว้จากนั้นก็เอาโคลนในคลองมาไล้ให้เต็ม” แค่นี้ก็สนุกหรูแล้วครับ แต่ผลพวงพายหลังวันสองวันคือ “รอยแผลที่ก้นตอนลื่นลงมาเศษเปลือกหอยเปลือกปู” มันคันๆ มันๆ เวลาเกา… แล้วมันจะไม่สนุกเลยถ้าใส่เสื้อผ้าเล่น…ล่อนจ้อนทุกคน

ด้วยความที่ชอบเล่นโลดโผนโจนทะยานเวลาเราเข้ามาอยู่กรุงเทพฯ สมัยนั้นที่บ้านพักมันมีทุ่งนาอยู่ขาดแต่วัว ควายเท่านั้นเอง เวลาฝนตกน้ำท่วมซอยปลาจากท้องนาจะยังน้ำเข้ามาในบ้าน ค่ำคืนดึกดื่นคอยแต่พันปลาในสนามหญ้าหน้าบ้านคืนหนึ่งๆ ได้หลายโลอยู่ทั้งปลาดุก ปลาช่อน สลิด…สรุปว่าจากบ้านที่ “โคกขามมา” เรามาอยู่ในไอของบ้านนอกอยู่ดี…นี่ขนาดปากซอยคือ ร.ร.นานาชาติ The Bangkok Pattana School ที่เก่านะครับซึ่งอยู่แถวถนนเชื้อเพลิงนั่นเอง ดังนั้นการได้เห็นกิจกรรมต่างๆ ที่เด็ก “ฝรั่ง” หัวทองเขาทำกันมันเหลือเชื่อครับคือ เรียนไม่มากแต่เล่นกีฬากันเพียบ…

การที่เราจะให้กีฬาไทยไปสู่กีฬาโลกคนที่กล้าทำกล้าเล่นจะต้องมีที่มาที่ไปของชีวิตกันพอสมควรจะด้วยทางตรงหรือทางอ้อมไม่ทางใดก็ทางหนึ่งนั่นแหละครับ เรื่องแบบนี้ใครเคยเห็นเคยรู้ กิจกรรมเหล่านี้มันไม่ยากที่คิดต่อยอดกันไปอีกขั้นหนึ่ง ครูไก่เองก็อยู่ในคนจำพวกที่ว่านี่แหละครับ คือเคยเห็น เคยเล่น  เคยเป็น ที่เหลือคือต้องมีความกล้าที่จะคิดต่อเนื่องกันไป… ยังมีกีฬาไทยอีกหลายชนิดที่รอจะออกไปเฉิดฉายในต่างแดน เพียงแต่อย่า “ถือดีถือเก่งไว้แต่เพียงผู้เดียว” กฎกติกาอะไรลดลงได้ก็ต้องเอาหน่อย…ขนาดเวทีมาตรฐานของมวยไทยเดี๋ยวนี้สุภาพสตรีจะเฉียดขึ้นไปได้แล้ว ถ้ายังถือดีถือมันอยู่บอกได้คำเดียว “อดตาย” บอกกันตรงๆ แบบนี้อย่าถือโทษโกรธกันนะครับ

ครูไก่