Interview

ซื่อสัตย์ และ รัก ในสิ่งที่ทำ – นนท์ธวัช ศรีทองอินทร์

นนท์ธวัช ศรีทองอินทร์
ALEXANDRE
ซื่อสัตย์ และ รัก ในสิ่งที่ทำ

ครอบครัวเราตั้งใจว่าผมต้องมาเกิดที่เมืองไทย จากนั้นไปอยู่ที่สวิสเซอร์แลนด์ระยะหนึ่ง แล้วมาเรียนหนังสือที่ปารีส ประเทศฝรั่งเศส ข้อดีคือทำให้ผมรู้สึกได้เปรียบ คุยได้หลายภาษา คุณพ่อคุณแม่เลี้ยงดูอบรมสั่งสอน กริยา มารยาท ให้ไม่ลืมว่าเราเป็นคนไทยไม่ใช่ฝรั่ง พูดไทยได้นิดหน่อยก็จริงแต่ฟังรู้เรื่อง เข้าใจมากกว่าพูด แต่สิ่งสำคัญคือวัฒนธรรมแบบไทยๆ คุณแม่ปลูกฝังให้เต็มร้อย ไม่ให้เราลืมว่าเป็นใครมาจากไหน

เราหน้าตาไม่เหมือนฝรั่ง จะให้เกิดการยอมรับได้ก็ต้องเก่ง ต้องแกร่งกว่าเขา เพราะมีคนจ้องมาหาเรื่องบ้าง เหยียดผิวบ้าง ลองของกันอยู่เรื่อย แล้วถ้าใครมารังแกเราก็ไม่เคยยอม อยู่ใหม่ๆ มีเรื่องชกต่อยกันเกือบทุกวัน แต่พอผ่านช่วงนี้ไปได้ ก็รู้กันว่าเราไม่เคยยอมใคร จนตอนหลังก็กลายมาเป็นเพื่อนๆ กัน

การจะทำตัวให้เก่งกว่านั้น ต้องพยายามทำในทุกๆ เรื่อง ทั้งเรียน ทั้งกีฬา เรื่องเรียนก็เอาตัวรอดไปได้ ผมถนัดเรื่องกีฬาก็ไปเน้นทางนั้นเต็มที่ ฟุตบอล เทนนิส สกี อะไรที่เป็นกีฬาก็เล่นหมด ผมเล่นฟุตบอลตั้งแต่อายุ 6 ขวบ พอโตขึ้นรู้สึกว่ามีแววจะเล่นได้ดีก็ไปคัดตัวจนติดอยู่กับทีมใหญ่ๆ จนได้เล่นระดับสโมสรอาชีพ เพราะที่ฝรั่งเศสตามโรงเรียนไม่มีสนามฟุตบอลเหมือนประเทศไทย ทำให้เวลาจะเล่นฟุตบอลต้องไปตามสโมสรต่างๆ ผมได้เข้าไปเล่นที่ สตาดคอแซ ตั้งแต่อายุแค่ 6 ขวบ พอเล่นไปพักใหญ่ๆ อายุราว 16 เรซิ่ง คลับ ปารีส เห็นว่าฝีเท้าพอใช้ได้ก็ซื้อตัวไปเป็นนักกีฬาอาชีพ มีเงินเดือนให้ ได้ไปโรงเรียนด้วยเล่นฟุตบอลไปด้วย จนถึงเรียนระดับอนุปริญญา จนก่อนเลิกเตะก็อยู่กับสโมสร เรด สตาร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในสโมสรเก่าแก่ของฝรั่งเศสมีประวัติยาวนานร้อยกว่าปี เมื่อผมอายุได้ราวยี่สิบกว่าๆ

ข้อเสียอย่างหนึ่งในการเล่นกีฬาระดับอาชีพตั้งแต่เด็กก็คือ ไม่ได้อยู่กับครอบครัว เราต้องไปอยู่กับสโมสรแบบประจำเลย เช้าไปโรงเรียนบ่ายกลับมาซ้อม กินอยู่กับเขา แทบไม่ได้กลับบ้าน นานๆ ถึงจะได้กลับสักที ใครที่ชอบอยู่กับครอบครัว หรือทนความเหงาไม่ไหว ก็คงอยู่ไม่ได้ ชีวิตลำบาก เพราะเราต้องทำทุกอย่างเองตั้งแต่เด็ก ข้อดีคือ ได้ฝึกดูแลตัวเอง จิตใจแข็งแกร่ง สอนให้เราเป็นผู้ใหญ่เร็วขึ้น

ผมตั้งใจจะเป็นนักฟุตบอลอาชีพ รายได้จากการเล่นฟุตบอลก็เลี้ยงตัวได้อย่างสบายๆ ช่วงนั้นเล่นตำแหน่งกองหน้ามีผลงานพอสมควร อาศัยที่มีความเร็วและทักษะเทคนิคการเล่น แต่พอประสบอุบัติเหตุมีอาการบาดเจ็บ ทำให้ต้องพักรักษาตัว อีกทั้งสโมสรก็เริ่มมีปัญหาเรื่องขาดผู้สนับสนุน เพื่อนๆ ที่จะเล่นฟุตบอลต่อก็ไปคัดตัวกับสโมสรอื่น ขณะที่ผมทำไม่ได้เพราะยังบาดเจ็บอยู่ จึงตัดสินใจเลิกเล่นไปเลยเมื่อตอนยังอยู่กับสโมสร เรด สตาร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในสโมสรเก่าแก่ของฝรั่งเศส

หลังจากหยุดเล่นฟุตบอล ใจก็อยากจะไป เรียนต่อด้านภาษาและด้านสถาปัตย์ตกแต่งภายใน ที่อเมริกา ซึ่งตลอดมานั้นผมมุ่งทางฟุตบอลมากกว่าเรียน พอเลิกเล่นก็หันมามุ่งทางด้านเรียนมากขึ้น จนจบทางด้านสถาปัตย์ที่ฝรั่งเศส ปีสุดท้ายก่อนจบบริษัทที่ไปฝึกงานก็รับให้เข้าทำงาน ช่วงก่อนจะเริ่มงานผมมีโอกาสได้มาเที่ยวประเทศไทย กับ เพ็ญพัฒน์ วงษ์สวรรค์ นักฟุตบอลชาวกัมพูชา ซึ่งเป็นนักเตะในทีมสโมสรราชประชา แล้วก็ชวนให้ผมมาเตะฟุตบอลกันแบบเล่นๆ แต่ “หม่อมเจตน์” (พล.ต.ต.ม.ร.ว. เจตจันทร์ ประวิตร) รู้ว่าผมจะมา ก็ขอให้เล่นให้กับสโมสรฯ ระดับถ้วย ก. ผมก็เรียนท่านไปว่า เล่นไม่ไหว เลิกมาตั้งนานแล้ว อายุก็เยอะ แต่ท่านก็บอกให้มาลองดู ช่วยๆ กัน เล่นครึ่งนึงก็ได้ จำได้ว่าวันนั้นผมลงไปเล่น วิ่งแทบไม่ไหว เหนื่อยมาก รู้สึกว่าตัวเองเล่นได้แค่สามสิบเปอร์เซ็นต์จากที่เคยทำได้เท่านั้นเอง แต่ท่านก็บอกว่า เห็นแล้วชอบในทักษะฟุตบอล ผมยังเล่นได้สบายมาก ให้มาอยู่ทีมราชประชาด้วยกัน แล้วผมก็เล่นให้ทีมพักนึง ประมาณแค่ฤดูกาลเดียว ก็หยุดเล่น

การได้มาเที่ยวเมืองไทย เป็นความตั้งใจแค่จะมาเที่ยวก่อนกลับไปทำงาน แต่ประเทศไทยก็ ทำให้ผมรู้สึกรัก จนอยากอยู่ต่ออีกสัก 2-3 เดือน พอหลังจากนั้น ก็ไม่กลับคิดไปฝรั่งเศสอีก ตั้งใจย้ายมาอยู่ถาวรที่นี่เลย งานที่โน่นก็แจ้งยกเลิกไป ฟุตบอล จึงเป็นสื่อที่มหัศจรรย์มาก ในการดึงดูดให้ผมกลับมาเป็นคนไทยเต็มตัว พ่อแม่ก็ยินดี เต็มใจสนับสนุนเต็มที่ เพราะแผนที่วางกันไว้ก็คือ ยังไงก็ต้องกลับมาประเทศไทย ผมกลับมาก่อนก็ยิ่งดี

พอไม่ได้เล่นฟุตบอลผมก็ต้องหางานทำ วันหนึ่งไปส่งพี่สาวที่สนามบิน ระหว่างรอคิวก็พูดคุยกับพี่สาวตามปกติ พอดีพนักงานบริษัทคนนึง ซึ่งเป็นหัวหน้าสถานีได้ยินว่าเราพูดได้หลายภาษา ก็ได้มาแนะนำตัวเสนองานให้ บอกว่าพรุ่งนี้มาเริ่มงานได้เลย เป็นงานทางด้านสายการบิน ทำหน้าที่ติดต่อประสานงาน คอยดูแลให้ทุกเที่ยวบินราบรื่น โชคดีที่สมัยเรียนหนังสือผมเคยทำงานพิเศษในสนามบินระหว่างช่วงปิดเทอม เลยรู้สึกคุ้นเคยได้ง่าย

ทำงานสายการบินได้ราวปีกว่าๆ มีวันหนึ่งตื่นขึ้นมา ก็รู้สึกว่าเริ่มเบื่อ แล้วอยากจะทำอะไรที่แปลกออกไปบ้าง อยากทำงาน เป็นนักออกแบบตกแต่งภายในที่ถนัดกว่า ตัวเองก็พร้อมแล้ว จึงเปิด น.ส.พ. เพื่อหางาน มีอยู่แห่งหนึ่งให้ไปเริ่มงานได้เลย งานของผมนั้นจะมีเอกลักษณ์ตรงที่ ดูเรียบง่าย มีสไตล์ จดจำได้ โดยผมจะใส่ความหลากหลายเข้าไปในงาน มีหลายสไตล์มารวมกัน ไม่มีข้อจำกัดในการออกแบบ อาจจะจับของใหม่มาผสมผสานกับของใหม่ให้ดูสวยงาม

ผมไม่ค่อยอยู่ที่ไหนนานๆ พอทำได้ราว 3 ปี ซึ่งถือว่านานมากพอสมควร จนทุกอย่างพร้อมก็คิดออกมาทำงานเองบ้าง แล้วสิ่งที่ทำก็คุ้นเคยอยู่แล้ว ช่วงนั้นงานเยอะมาก ลูกค้ามีกำลังจ่ายเต็มที่ บางรายต้องพากันบินไปอิตาลี่เพื่อเลือกวัสดุตกแต่ง จนกระทั่งถึงช่วงเกิดวิกฤติเศรษฐกิจครั้งใหญ่ หลังจากนั้นก็ยุ่งเลย ธุรกิจเราได้รับผลกระทบเต็มๆ จนต้องหันไปทำอย่างอื่น

ธุรกิจที่เริ่มทำหลังจากนั้นคือ นำเข้าของจากฝรั่งเศสมาขายไทย และส่งของไทยไปขายฝรั่งเศส สินค้าจากไทยส่วนใหญ่เป็นไม้แกะสลัก เฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่งที่มีรูปแบบโดยเฉพาะ ผลิตตามความต้องการ เนื่องจากที่ฝรั่งเศสมีราคาแพงมาก ส่วนที่นำเข้ามาก็เป็นสินค้าพวกตกแต่งสไตล์ฝรั่งเศสซึ่งคนไทยก็ชอบด้วยเช่นกัน

หลังจากวิกฤติเศรษฐกิจผมก็ทำหลายอย่าง อย่างหนึ่งก็คือเป็นโปรกอล์ฟ ที่ได้เริ่มหัดเล่นก็เพราะน้องชาย อัลเฟรด (เนติพงษ์ ศรีทองอินทร์) เขาเล่นกอล์ฟก่อน แล้วชวนให้ผมมาลองบ้าง ครั้งแรกก็ไปเล่นแบบงั้นๆ ยังคิดในใจว่าไม่น่าจะสนุกเลย แต่พอเล่นแล้วตีโดนลูกเต็มๆ ไปช็อตนึง มันเป็นความรู้สึกที่ดีมาก เลยชอบ และศึกษาจริงจัง ซ้อมทุกวัน จนวันนึงได้ไปออกรอบกับโปร แล้วเห็นว่าโปรไม่ต้องจ่ายค่ากรีนฟี รู้สึกแปลกใจว่าทำแบบนี้ได้ด้วยหรือ ตัดสินใจว่าจะไปสอบโปรบ้าง พอเล่นไปราวปีนึงก็สอบเป็นทัวร์ริ่งโปร

ช่วงที่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจผมก็ยังคิดว่ากีฬาไม่เคยเกิดวิกฤติ จึงมุ่งมั่นวางเป้าไว้ว่าจะลองแข่งสักปี ถ้าไม่ได้เรื่องค่อยคิดหาอะไรอย่างอื่นทำ แต่พอแข่งไปได้สักพักก็มีคนมาชวนให้ไปสอนกอล์ฟที่โรงเรียนฮาร์ทแลนด์ บอกว่าสามารถทำงานไปด้วยแข่งไปด้วยได้ ก็สอนอยู่ที่นั่นหลายปี ส่วนผลงานทางแข่งกอล์ฟก็เคยติดอยู่ในยี่สิบอันดับแรกเมื่อตอนเริ่มแข่งไปได้ไม่นาน แต่หลังจากนั้นพอสอนมากขึ้นไม่มีเวลาฝึกซ้อมให้กับตัวเอง เลยตัดสินใจเลิกแข่ง หันมาสอนอย่างเดียว

สิ่งหนึ่งที่ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงคือ ผมไม่ชอบทำอะไรซ้ำซากแบบเดิมๆ แล้วงานที่ทำก็รู้สึกว่าผมจะทำเมื่ออายุเยอะๆ ก็ได้ อยากจะหางานที่ท้าทายหรือทำในสิ่งที่ถนัด ก็กลับไปทำงานทางด้านออกแบบอีกครั้ง ก่อนจะเข้ามาช่วยคุณแม่ทำงานด้านจิวเวลรี่อย่างเต็มตัว ซึ่งที่ผ่านมาผมก็ช่วยออกแบบให้อยู่แล้ว ยิ่งเมื่อมาทำเต็มตัวก็ยิ่งใส่ใจมากขึ้น ธุรกิจทางด้านจิวเวอรี่ผมเริ่มได้ก็เพราะคุณแม่ชอบ ท่านมีสะสมไว้เยอะ แต่ผมก็เห็นว่าบางครั้งมันดูแล้วไม่ปลอดภัย จึงบอกว่าถ้าชอบก็เปิดร้านไปเลย ผมจะมาช่วยทำ ที่นี่ก็เปิดมาได้ 3 ปีแล้ว ตั้งใจจะทำให้สินค้าของเรา มีคุณภาพมาตรฐานฝรั่งเศส ในราคามิตรภาพแบบไทยๆ

อีกธุรกิจที่ผมใฝ่ฝันไว้คือ ร้านอาหาร ผมชอบกินมากๆ ชอบคิดค้นเมนูแปลกๆ โดยเฉพาะของอร่อยๆ เรื่องนี้มันอยู่ในหัวตลอด แล้วผมก็ยังอยากจะผสมผสานสิ่งที่ทำกับสิ่งที่ชอบทั้งหมดไว้ด้วยกัน อย่างการเปิดร้านอาหารที่มีร้านจิวเวลรี่รวมอยู่ในนั้น

ผมใช้ชีวิตอยู่ที่ฝรั่งเศสจนถึงอายุ 22 ปี หลังจากนั้นก็ย้ายมาอยู่ที่ประเทศไทย การได้อยู่อาศัยทั้ง 2 ประเทศ ทำให้ได้เห็นความแตกต่างในหลายๆ แง่มุมอย่างชัดเจน สามารถดึงสิ่งที่ดีๆ ของแต่ละประเทศมาใช้ในชีวิตประจำวัน ใช้ในงานออกแบบ อย่างเช่น ที่ประเทศฝรั่งเศสจะเน้นในเรื่องวินัย ทั้งการอยู่การกิน การทำงาน มีความเป็นระเบียบมาก ตรงไปตรงมา เราก็ได้รับเรื่องนี้มาเต็มๆ ส่วนความเป็นไทยของเราก็มีเอกลักษณ์ไปอีกแบบ อยู่แล้วมีความสบายใจกว่า เมื่อนำมาผสมกันก็มีความลงตัวพอดีๆ

กีฬากับชีวิตผมไม่เคยห่างกันเลย ระหว่างทำงานก็ยังคงให้ความสำคัญกับการออกกำลังกายอยู่เสมอ ช่วงทำงานออกแบบตกแต่ง ก็เริ่มเข้าฟิตเนส รู้สึกว่าอยากได้รูปร่างที่ดีกลับคืนมา เพราะนักกีฬาทุกคนถ้าหยุดเล่นเมื่อไหร่ แต่ยังกินเหมือนเดิม ถ้าไม่ออกกำลังกายก็จะอ้วนทันที มองตัวเองในกระจกแล้วรู้สึกว่ารับไม่ได้ พอไปฟิตเนสแล้วรูปร่างก็ดีขึ้น

ถ้าถามว่าผมชอบฟิตเนสหรือไม่ ตอบได้เลยว่า ไม่ค่อยชอบ มันเหนื่อย มันใช้เวลา เหมือนเป็นภาระที่ต้องทำ แต่การเรียนรู้อย่างหนึ่งที่ฝรั่งเศสได้สอนว่า อะไรที่ต้องทำ และน่าเบื่อ พยายามให้ทำก่อนเป็นเรื่องแรก จะได้จบๆ กับสิ่งนั้นซะ ในเมื่อเราอยากได้รูปร่างดี สุขภาพดี คนเห็นแล้วรู้สึกน่าเชื่อถือ การออกกำลังกายจึงเป็นสิ่งจำเป็น แต่เราเองก็ไม่อยากทำ ดังนั้นอะไรที่รบกวนเรา ต้องรีบทำก่อน ผมจึงนอนเร็ว ตื่นเช้า แล้วรีบไปออกกำลังกายให้เสร็จๆ จากนั้นค่อยออกไปปฏิบัติภาระกิจต่างๆ

การจะฟิตเนสให้เห็นผลนั้น จะต้องมีวินัยทั้งในเรื่องการออกกำลังกายและอาหารการกิน รู้จักขั้นตอนและวิธีในการเล่นให้ถูกต้อง ควบคุมอาหารให้เหมาะสม ผมยังทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาเรื่องฟิตเนส วางโปรแกรมให้ ทั้งการออกกำลังกายและอาหาร การที่ทำเช่นนี้ได้ก็เพราะ ช่วงที่เป็นนักฟุตบอลที่ฝรั่งเศส เขาจะมีคอร์สต่างๆ ที่เกี่ยวกับสุขภาพให้เรียน เช่นการนวด สรีระศาสต์ ไบโอแมคคานิค โภชนาการ ผมชอบหมดก็เลือกเรียนหมดเลย ทำให้มีความรู้หลายๆ อย่าง แล้วช่วงนั้นก็ยังรับสอนเป็นผู้ให้คำแนะนำ เป็นที่ปรึกษา ซึ่งปัจจุบันนี้ก็ยังทำอยู่ โดยเล่นทุกวันช่วงเช้าที่ สปอร์ตซิตี้ ประชาชื่น

หลายๆ คนมักจะมีข้ออ้างในการออกกำลังกายว่า ไม่มีเวลา แต่ถ้าเราจัดว่าการออกกำลังกายนั้นคือสิ่งจำเป็นที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่นเดียวกับการกิน การนอน เราก็จะทำได้เอง ผมไม่เคยตื่นสาย บังคับให้ตัวเองนอนเร็วขึ้นอีกนิด เพื่อจะได้ตื่นเช้าๆ ไปออกกำลังกาย ทุกวันนี้ก็ยอมรับว่าเบื่อยิ่งกว่าเดิมอีก แต่นั่นคือสิ่งจำเป็นที่ต้องทำ ก็จัดลำดับทำให้จบเป็นอย่างแรก เพราะถ้าสุขภาพไม่ดี เราก็ทำอะไรไม่ได้ ทำงานไม่ได้ก็เลี้ยงตัวเอง เลี้ยงครอบครัวไม่ได้ เพราะฉะนั้นอยากให้ทุกคนสำนึกว่า สุขภาพดีเป็นส่ิงสำคัญที่สุด อย่าข้ามเรื่องนี้ไปอย่างเด็ดขาด แล้วที่มาของสุขภาพดีเกิดจากอะไร 1. คืออาหารการกิน 2. การออกกำลังกาย อย่าอ้างว่าไม่มีเวลา คุณไปสังสรรค์ได้ ก็ต้องออกกำลังกายได้
ผมเป็นคนโมโหง่าย แต่ประสบการณ์ก็สอนให้รู้ว่า ทุกอย่างที่โมโหงานจะพัง ถ้าปล่อยให้อารมณ์เป็นนาย เราก็จะกลายเป็นทาส ถ้าควบคุมได้ งานและโอกาสก็ไม่เสีย ผมได้รับบทเรียนราคาแพงจากเรื่องการควบคุมอารมณ์มาเยอะ แทนที่จะขายได้ก็ขายไม่ได้ถ้าเราโมโห ทางแก้ไขง่ายๆ ก็แค่สงบปากสงบคำ แล้วคิดซะว่า ทั้งเขาและเราก็มีความรู้สึกเหมือนกัน ถ้าเขาคิดว่าเหนือกว่าเรา ก็ปล่อยให้คิดไป เพราะการกระทำและเวลาต่างหากที่จะพิสูจน์ความจริงนั้นว่า ใครเหนือกว่าใคร หรือใครเป็นนายใคร
ไม่ว่าจะทำอะไรก็แล้วแต่ ความซื่อสัตย์กับความรัก ในสิ่งที่เราทำ จะช่วยให้งานทุกอย่างประสบความสำเร็จและออกมาดีทุกครั้ง ไม่ใช่ทำเพราะสิ่งตอบแทน หรือทำแล้วได้กำไรมหาศาล ขอแค่ทำงานของเราให้ดีก่อน แล้วสิ่งตอบแทนจะออกมาดีเอง ซึ่งก่อนหน้านั้นผมก็ไม่เคยคิดแบบนี้ เพราะตัวเองทำงานได้หลากหลาย อะไรที่ทำแล้วมีรายได้ก็จะทำหมด พอเบื่ออย่างหนึ่งก็หันไปทำอีกอย่างหนึ่ง โดยไม่คำนึงถึงว่าเรารักเราชอบสิ่งที่ทำหรือไม่ ประสบการณ์สอนให้ผมรู้แล้วว่า ทำอะไรที่เราชอบ และซื่อสัตย์ต่อสิ่งนั้น ซื่อสัตย์กับลูกค้า ซื่อสัตย์กับตัวเราเอง ตั้งใจกับทุกคนที่เราทำให้ แล้วเราจะประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน ไม่ต้องหวังสิ่งตอบแทนว่าจะต้องได้เดี๋ยวนั้น แล้วเวลาจะนำทุกสิ่งทุกอย่างมาให้เราเอง ทั้งทรัพย์สินเงินทองและความสุขครับ

1015-int-exc-2

1015-int-exc-3