Interview

จุมพล สุขสวัสดิ์

จุมพล สุขสวัสดิ์
วิศวกร
PTTOR
“พอใจในสิ่งที่มี ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด”

ชีวิตมาไกล : ผมรู้สึกว่าตัวเองโชคดีมาก ที่สามารถเดินทางมาจนถึงจุดนี้ได้ เพราะพื้นฐานชีวิตมาจากครอบครัวไม่ได้ร่ำรวยอะไร คุณพ่อ คุณแม่ ทำงานอยู่ในโรงพยาบาลนครนายก แล้วคุณพ่อจากไปเมื่อผมอายุได้แค่ 9 ขวบ ต้องอยู่กับแม่คนเดียว ยิ่งตอนสมัยเด็ก มีปัญหาเรื่องการเรียน จนไม่คิดว่าในที่สุดจะสามารถเรียนจนจบปริญญาได้

รักกีฬามากกว่าเรียน : ชอบเล่นกีฬามาก เตะฟุตบอลตั้งแต่ ป. 3 เล่นให้กับ เขตการศึกษา 12 เดินสายแข่งฟุตบอลกันตลอด มีเรื่องชกต่อยกันอยู่เป็นประจำ วัน ๆ สนใจแต่กีฬา ไม่ค่อยเข้าเรียน แต่ไม่ได้เกเรในเรื่องอื่น ทำให้การเรียนค่อนข้างลุ่ม ๆ ดอน ๆ ขนาดเข้าเทคนิคนครนายก ก็ถูกให้ออก, เพื่อนชอบมวย แล้วมาชวนให้ไปซ้อมด้วยกัน สมัยนั้น ค่าย เกียรติสาริกา มีชื่อเสียง และมีนักมวยดัง ๆ ในเขตภาคตะวันออก มาอยู่ใน รพ.นครนายก เราเรียกว่า มวยทหาร ศิษย์หมื่นโส เขาก็มาหัดมวยให้พวกผม ซ้อมที่วัดเจดีย์ทอง ผมก็สนุกไปกับการชกมวย ต่อยตามงานวัด เคยขึ้นชกงานประจำปีที่วัดมณีวงศ์ ค่าตัว 3 – 4 ร้อยบาท ได้มาก็ใช้กินดื่มจนหมด ขึ้นชก 5 ครั้ง ครั้งแรกชนะ แต่รวมแล้ว ชนะ 2 ครั้ง ที่เหลือแพ้ (หัวเราะ)

กรรมกรกลับใจ : ผมใช้ชีวิตไม่เป็นแก่นสารอยู่พักใหญ่ ก็คิดเข้ามากรุงเทพฯ ทำงานก่อสร้าง ใช้แรงงาน แบกหามสารพัด เหนื่อยมาก จนคิดกลับไปเรียนเทคนิคที่สระบุรี แต่ก็แทบแย่ ใช้เวลานานถึง 5 ปี กว่าจะเรียนจบ ปวช. แล้วก็มีครอบครัว ทำให้มีความตั้งใจจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง กลับไปตั้งใจเรียน ปวส. ที่ เทคนิคท่าหลวง สระบุรี จนจบ แล้วเข้าทำงานครั้งแรกที่บริษัทผลิตกระดาษอยู่ได้ราวปีกว่า ก็สอบเข้า ปตท. ด้วยวุฒิ ปวส. ได้ไปอยู่คลังน้ำมัน ก่อนจะย้ายเข้ากรุงเทพฯ มาอยู่ซ่อมบำรุง เพราะผมอยากเป็นช่าง

เพื่อแม่ : วันที่ถูกให้ออกจากเทคนิค ผมไปบอกกับแม่ว่า ‘จะไม่เรียนแล้ว’ พอท่านได้ยิน ถึงกับร้องไห้ออกมาเลย ผมเห็นภาพแม่ในวันนั้นแล้วสะเทือนใจมาก เป็นความฝังใจ ทำเอาผมถึงกับต้องมาทบทวน นั่งคิดถึงอนาคตตัวเองว่า จะปล่อยให้ชีวิตเป็นแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว และผมก็พยายามแก้ไขตัวเอง ตั้งใจทำงาน หาหนทางกลับไปเรียน หวังจะให้แม่ได้เห็นเราได้รับปริญญา เสียดายที่ท่านจากไปเสียก่อน แต่ผมก็สานฝัน พยายามเรียนต่อ จนเมื่อทำงานไปแล้วระยะหนึ่ง ก็สอบเข้า มศว. วิศวกรรมศาสตร์ สาขาไฟฟ้า ระดับปริญญาตรี ภาคสมทบ ทำงานไปด้วย เรียนไปด้วยช่วงวันหยุด ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ตอนเรียนอายุผมน่าจะเยอะเกือบที่สุดให้ห้อง จนอาจารย์ผู้สอนเรียกพี่ (หัวเราะ)

หน้าที่หลากหลาย : ในองค์กรมีขนาดใหญ่ มีหลากหลายหน่วยงานที่ต้องทำงานประสานสอดคล้องกัน ทีมผมก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำงานช่วยกันอยู่ในนั้น ส่วนหนึ่งคือการนำเอาอัตลักษณ์ของท้องถิ่น มาผสมผสานกับการออกแบบให้มีความกลมกลืนไปกับพื้นที่ในสถานีบริการ อย่างเช่นที่ เชียงคาน เราก็ต้องรักษาภาพลักษณ์ต่าง ๆ ของการก่อสร้างในท้องถิ่น หรือที่ สารภี เชียงใหม่ มีการนำ ตุง ศิลปะพื้นบ้าน เข้ามาประดับตกแต่ง และเมื่อแนวคิดในการออกแบบที่ใช้วิธีผสมผสานทางวัฒนธรรมพื้นถิ่นได้ลงตัวแล้ว ก็จะส่งให้กับแผนกก่อสร้างไปดำเนินการต่อ, และหน้าที่หลักอีกอย่างคือ การนำ IOT (internet of things) มาใช้ในสถานีบริการ เป็นงานบริหารจัดการภายใน เพื่อให้ธุรกิจมีประสิทธิภาพมากขึ้น การตรวจมาตรวัดต่าง ๆ ระบบควบคุมวาล์วน้ำอัตโนมัติ ไฟฟ้า ระบบไฟส่องสว่าง โซล่าเซลส์ เป็นลดต้นทุน และลดการปล่อย CO2, การลดเสียงในสถานประกอบการ ที่อาจจะมีผลกับพื้นที่แวดล้อมใกล้เคียง ทั้งนี้ มีแนวคิดหลักอยู่ว่า ในสถานีบริการ มีทุกอย่างครบอยู่ในนั้นแบบ One stop service

Innovention : ทีมของผมยังมีหน้าที่คิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ แล้วนำมาประยุกต์ใช้กับธุรกิจในส่วนต่าง ๆ เราคิดหาวิธี ที่จะผลิตสินค้าให้มีคุณภาพทัดเทียมกับของนำเข้า แต่ราคาถูกลง อย่างเช่น อ่างล้างมือ ทำมาจากวัสดุรีไซเคิล, มีการนำยางพารา มาใช้ทำที่กั้นในช่องจอดรถ โดยเป็นการทำงานร่วมกับหน่วยงานอื่น ๆ เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ ผลิตในประเทศ 100%, เป้าหมายหลักของเราคือ หยุดการนำเข้าวัสดุจากต่างประเทศ อาจจะดูเป็นของชิ้นเล็กชิ้นน้อย แต่เมื่อรวม ๆ กันแล้ว แต่ละปีมีมูลค่าไม่น้อยเช่นกัน เพราะราคาที่ผลิตได้เองนั้น ราคาต่างจากนำเข้ามาก เช่น วัสดุบางชิ้น เคยสั่งในราคาหมื่นกว่าบาท พอผลิตเองเหลือเพียงราวสองพันบาท ช่วยลดต้นทุน สร้างความพึงพอใจให้กับกลุ่มลูกค้าของเรามากขึ้น

พลังงานทดแทน : น้ำมันคือพลังงานฟอสซิล ต้องนำเข้ามาจากต่างประเทศ ถึงจะผลิตเองได้บ้างแต่ปริมาณยังไม่เพียงพอ พลังงานทดแทนจึงเป็นเรื่องสำคัญ ณ เวลานี้ เช่น พลังงานจากแสงอาทิตย์ การหันมาใช้ยานยนต์พลังงานไฟฟ้า และยังเป็นการการลดมลภาวะ CO2 อีกด้วย แนวคิดของผู้บริหารคือ ถ้าเราไม่มีเครื่องชาร์จ แรงจูงใจที่จะทำให้ภาคประชาชน หันเข้ามาใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าคงเป็นไปได้ยาก หน่วยงานต่าง ๆ ของทางภาครัฐ และองค์กรใหญ่ ๆ ต่างก็มีนโยบายสนับสนุนกันอยู่ ปีนี้เรามีแผนติดตั้งอยู่ที่ 450 จุด และในห้าปีต้องได้ EV Station Pluz 1,000 จุด โดยปัจจุบันมีอยู่ราว 120 จุด รวมที่จะดำเนินการตามแผน ตามเส้นทางหลัก หรือหัวเมืองต่าง ๆ มีให้บริการครบ ในปีนี้จะมีให้ใช้ได้ราว 570 จุด โดยระบบชาร์จในบ้านเรา มีสามรูปแบบได้แก่ DC CCS2 ใช้กับ พวกรถยุโรป ซึ่งปัจจุบันได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ และ DC CHAdeMO เป็นมาตรฐานของญี่ปุ่น ที่มาคู่กับ AC Type 2 นั่นคือในสถานีชาร์จมีให้บริการครบครอบคลุมทุกประเภท

งานไม่มีหยุด : ผมมีประชุมแทบทั้งวัน ยิ่งยุคนี้เป็นการทำงานแบบออนไลน์ ยิ่งทำให้มีงานเยอะขึ้นไปอีก แต่ยังต้องเดินทางไปดูงานตามภูมิภาคต่าง ๆ ผมเองชอบขับรถ และมักจะแวะดูสถานีระหว่างทางไปด้วย เป็นการได้ดูหน้างาน หรือได้ตรวจสอบสิ่งที่ได้รับการแจ้งซ่อมบ่อย ๆ เพราะบางครั้งการประหยัดบางสิ่ง แต่อาจจะทำให้เกิดค่าใช้จ่ายในส่วนอื่นมากขึ้น เช่นอายุการใช้งานน้อยลง การซ่อมบำรุงบ่อยขึ้น จนรวมแล้วสิ้นเปลืองกว่า ก็เป็นสิ่งที่ต้องพิจารณาแล้วนำไปปรับปรุงแก้ไข และการขับรถเองยังได้ไปดูความเป็นอยู่ของชาวบ้านในแต่ละท้องถิ่นด้วย

กอล์ฟ : ระหว่างเรียนที่ มศว. มีคอร์สวิชาเลือก พวกเราสนใจอยากจะเรียนกอล์ฟ ครั้งแรกจะไม่เปิดสอน เรามีการรวมตัวกันเพื่อให้ครบจำนวนจนสามารถเปิดหลักสูตรได้ ตอนนั้นสอนโดย อ.ทองสุข สัมปหังสิต ซึ่งอยู่ในช่วงคุมทีมฟุตบอล แข่งซีเกมส์ที่โคราชพอดี เป็นการจุดประกายเรื่องการเล่นกอล์ฟให้กับผม แล้วพวกเราก็เป็นกลุ่มเดียวที่ยังมีความเหนียวแน่น เล่นกันมาตั้งแต่ตอนนั้น ต่อเนื่องกันจนถึงปัจจุบัน

กีฬาเล่นคนเดียว : ชอบกอล์ฟตั้งแต่แรกเลย เพราะผมทำงานสายช่าง ต้องไปต่างจังหวัด ดูแลงานตามเขตต่าง ๆ ก็คิดว่ามีกีฬาอะไร ที่จะเล่นคนเดียวได้บ้าง ถ้าจะให้เดิน วิ่ง อย่างเดียว บางครั้งรู้สึกเบื่อ พอมาเจอกอล์ฟ รู้สึกว่ากีฬานี้ตอบโจทย์ พอไปเรียนก็ยิ่งรู้สึกว่าสนุก เริ่มเล่นตั้งแต่บัดนั้น ความตั้งใจที่จะเล่นกีฬาอะไรสักอย่าง เพื่อเล่นคนเดียวได้ แต่กลายเป็นว่า กอล์ฟ ทำให้ผมได้พบกับเพื่อน ๆ ทุกครั้งที่ออกรอบ ผมไม่เคยเล่นคนเดียวเลย จะมีตีคนเดียวบ้างก็แค่ตอนซ้อมในสนามไดร์ฟเท่านั้น

ใช้ชีวิตให้เป็น : ผมสนุกกับการทำงาน โดยเฉพาะกับงานด้านเทคโนโลยีที่กำลังได้รับความสนใจ เช่น พลังงานทดแทน ทั้งรถยนต์ไฟฟ้า และพลังงานแสงอาทิตย์ เป็นสิ่งที่ทำมาแล้วเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ลดต้นทุนได้จริง ลดค่าไฟฟ้าได้จริง พอเห็นประสิทธิผลออกมาแบบนี้ก็ยิ่งมีความสุข จนบางครั้งทำงานเพลินจนเลยเวลา จึงต้องรู้จักแบ่งเวลาให้เหมาะสม นอกเหนือจากเวลางานแล้ว เวลาที่ให้กับครอบครัวสำคัญที่สุด ถ้าช่วงไหนที่เด็ก ๆ หยุดเรียนกัน ผมก็ต้องพาลูก ๆ ไปเที่ยว ขณะเดียวกัน ผมก็ชอบการสังสรรค์กับเพื่อน ๆ เพราะทำให้ได้สายสัมพันธ์ที่ดี รู้จักกับผู้คนเยอะแยะมากมาย ในเรื่องงานก็ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี อยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข และกีฬา ก็มีส่วนช่วยได้หลายอย่าง โดยเฉพาะกับกอล์ฟ ได้เล่นกับเพื่อน ๆ ทั้งในและนอกองค์กรอยู่เป็นประจำ แล้วผมยังเล่นฟุตบอลทุกสัปดาห์กับหน่วยงานต่าง ๆ ที่ต้องทำงานร่วมกัน เรียกว่า ใช้กีฬามาเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างกันได้เลย

เรื่องมหัศจรรย์ในชีวิต : เหตุการณ์พาไปครับ อะไรที่เกิดขึ้นมาก็ต้องยอมรับในสภาวะนั้น ผมมีลูกแล้วสองคน ขณะที่ภรรยาตั้งครรภ์ลูกสาวฝาแฝด และอยู่ในช่วงใกล้คลอด ปี 2552 ตอนนั้นอายุครรภ์ได้ราว 7 เดือน ยังอยู่กันที่บ้านตามปกติ ช่วงกลางดึกราวตีสอง จู่ ๆ ภรรยาบอกว่าจะคลอดแล้ว พอสำรวจดูก็พบว่า ศีรษะเด็กโผล่ออกมาแล้ว ผมก็ดึงเด็กคนแรกออกมาพร้อมกับถุงน้ำคร่ำที่หุ้ม แต่อีกคนยังไม่ออกมา ตอนนั้นไม่มีใครช่วยเลย โทรหา จส.100 ขอความช่วยเหลือ ได้คุยกับแพทย์เวร ถามขั้นตอนว่าจะต้องอย่างไรบ้าง ตอนนั้นคนแรกออกมาได้ปลอดภัย ส่งเสียงร้องแล้ว หมอก็ให้ผูกสายสะดือ ผมก็ไม่รู้จะหาอะไรมาใช้ได้ เจอสายสิญจน์ก็ใช้ผูกไว้ก่อน ถามหมอไปอีกว่า แล้วอีกคนจะทำอย่างไร หมอก็ให้บีบ ๆ ที่ท้อง จนถุงน้ำคร่ำที่มีเด็กอยู่ข้างในออกมา ก็ถามไปอีกว่า เด็กไม่ร้องจะทำยังไง สักพักถุงน้ำคร่ำก็แตกออก หมอก็บอกวิธีดูดเสมหะ เพื่อให้เด็กหายใจได้ เพื่อนบ้านก็เริ่มเข้ามาช่วย สักพักรถฉุกเฉินของนรินทรก็มาถึง มารับไปโรงพยาบาลภูมิพล ซึ่งทั้งหมดนี้ ผมคุยโทรศัพท์กับสถานีวิทยุและออนแอร์อยู่ตลอดเวลา ตื่นเต้นมากจริง ๆ ที่ผ่านช่วงนั้นมาได้ เด็กต้องอยู่โรงพยาบาลอีกหลายสัปดาห์ เพราะคลอดก่อนกำหนด จนในที่สุดก็แข็งแรงดีเป็นปกติ นั่นเป็นเหตุการณ์ที่สำคัญที่สุดของชีวิตผมเลย

ชีวิตแบบพอเพียง : ผมใช้ชีวิตแบบเดินทางสายกลาง ไม่หวังที่จะสร้างเส้นทางชีวิตแบบเดินทางลัด เพราะกิเลส กับ ความทะเยอทะยาน ที่มากเกินไป ทำให้เกิดความทุกข์ จะทำให้ชีวิตเกิดปัญหาได้ ทุกอย่างไม่มีอะไรยั่งยืน ไม่มีอะไรจีรัง คุณได้ผลประโยชน์จากเขา เขาก็หาผลประโยชน์จากคุณ ก็เท่านั้นเอง, ผลสุดท้าย ไม่ว่าเราจะทำสิ่งใดก็ตาม ทั้งในเรื่องดี หรือไม่ดี เป็นเรื่องของการสะสมบารมี ถึงแม้จะไม่เห็นในทันทีทันใด แต่ในอนาคต ผลของการกระทำเหล่านั้น ย่อมส่งผลย้อนกลับมาถึงเรา อะไรที่ทำเลวร้ายไว้ ภายภาคหน้าก็จะย้อนกลับมาเข้าตัว อะไรที่เป็นความดีที่ทำสะสมกันมา บารมีที่สร้างไว้ ภายภาคหน้าก็จะส่งผลให้ชีวิตดีขึ้น ‘พอใจในสิ่งที่มี ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด’ แค่นี้ชีวิตผมก็มีความสุขที่สุดแล้วครับ