เขียน..เมื่อมีลมหายใจ

เกาะชายผ้าเหลือง

เขียน…เมื่อมีลมหายใจ
เกาะชายผ้าเหลือง

ก่อนการเดินทางไปต่างประเทศในยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงทุกอย่างบนโลกใบนี้ เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ไม่ง่ายเลยทีเดียวเพราะต้องเตรียมความพร้อมเรื่องเอกสารหลายๆ อย่าง และที่สำคัญสุขภาพร่างกายต้องแข็งแรงสมบูรณ์ ซึ่งฉันห่างจากการเดินทางไปต่างประเทศมากว่า2ปีแล้ว ที่เกิดโควิด-19 แต่ฉันยังโชคดีที่ฉันมีลูกๆ ช่วยกันทำหน้าที่เป็นธุระจัดการให้ทุกอย่างจนสำเร็จเป็นที่เรียบร้อย ตั้งแต่จองตั๋วเครื่องบิน, พาไปตรวจ PCR, ทำ Thailand Pass ,กระทั่งก่อนจะเดินทางกลับก็ต้องไปตรวจ PCR อีกครั้งจากต่างประเทศ เมื่อถึงประเทศไทยก็ต้องไปตรวจ PCR อีกเป็นครั้งที่ 3 ก่อนเข้าพักโรงแรมที่จองไว้อีก 1 คืน เพื่อรอผลตรวจซึ่งต้องเป็น Negative ถึงจะกลับบ้านได้ หลังจากนั้นอีก 5 วัน ต้องส่งผลตรวจ ATK ไปยังหมอชนะอีกครั้งถึงจะสมบูรณ์ ทุกขบวนการ

คงเป็นธรรมะจัดสรรที่มีเหตุทำให้ฉันต้องเปิดกระเป๋าเอกสารใบใหญ่ซึ่งเป็นที่เก็บเอกสารสำคัญเพื่อหาเอกสารบางอย่างที่หาไม่เจอก่อนการเดินทางไปต่างประเทศ ซึ่งกระเป๋าใบนี้ไม่ได้เปิดมานานมากแล้ว ทำให้ฉันได้เจอภาพซึ่งเป็นภาพเมื่อครั้งน้ำท่วมตลาดน้ำสี่ภาคพัทยา ที่ผ่านมาหลายปีในซองจดหมายสีขาว ที่เขียนหน้าซองว่า ตลาดน้ำสี่ภาคพัทยา ฉันมองที่ภาพทำให้ฉันนึกถึงเรื่องราวของเธอเมื่อครั้งที่เธออยู่ตลาดน้ำสี่ภาคพัทยา แต่ยังหาคำตอบไม่ได้ ว่าเธอไปอยู่วัดใหญ่คลายคีรี ได้อย่างไร ?ทำให้ฉันได้รับคำตอบที่ยังหาคำตอบไม่ได้ แจ่มชัดขึ้นมาทันที ไม่มีอะไรเป็นเหตุบังเอิญนอกจากธรรมะจัดสรร เธอเกาะชายผ้าเหลือง ของพ่อเจี๊ยบไปเมื่อครั้งที่ท่านมาโปรดร้านพระนางที่ตลาดน้ำสี่ภาคของฉันในวันนั้นนั่นเอง

และในสัปดาห์ก่อนการเดินทางอีกเช่นกัน น้องสาว หลานสาว น้องสาวคนสนิทอีกคนของฉันได้เดินทางกันไปปฏิบัติธรรมที่ วัดใหญ่คลายคีรี ซึ่งฉันไม่มีโอกาสไปด้วยเพราะใกล้กับการเดินทางไปต่างประเทศแล้ว ฉันจึงบอกน้องๆ ว่า ขอเกาะบุญไปกับการปฏิบัติธรรม และการนำดอกบัวสีเหลืองไปปลูกในครั้งนั้นด้วย พร้อมกับเน้นย้ำว่าอย่าลืมทำหน้าที่กรวดน้ำ แผ่เมตตาให้เธอแทนฉันด้วย ที่ศาลาหลังน้อย ริมสระบัว ของเธอ หลังจากพ่อเจี๊ยบบวชให้น้องๆแล้ว น้องๆ ก็ได้ส่งภาพการทำหน้าที่ที่ศาลาหลังน้อยริมสระบัว แทนฉันอย่างงดงามสมบูรณ์ในวันแรกของการปฏิบัติธรรม อย่างเหลือเชื่อในวันต่อมากลับเป็นภาพน้ำเจิ่งนองทั่วบริเวณสวนป่าที่เป็นทางเดินเชื่อมโยงไปยังศาลาหลังน้อยริมสระบัวของเธอ ใต้ภาพอธิบายว่าฝนตกกระหน่ำทั้ง 2 วัน ไม่ได้ไป ศาลาหลังน้อยริมสระบัว อีกเลย ฉันมองภาพน้ำเจิ่งนองบริเวณสวนป่าเป็นสีเดียวกับแม่น้ำโขงด้วยความแช่มชื่นและยิ้มกับตัวเอง “นี่เธอคงแหวกว่ายสนุกสนานเลยนะเนี่ยะ” บริเวณนั้นเลยกลายเป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ให้เธอเล่นน้ำ…

ย้อนกลับไปในวันที่ฉันเดินทางไปต่างประเทศ ด้วยสายการบิน JAL 708 ในวันนั้น ฉันนั่งอยู่ริมหน้าต่าง และมองผ่านกระจก ซึ่งพระอาทิตย์สาดส่องพาดผ่านทะลุบรรยากาศงดงามตามธรรมชาติเป็นภาพอัศจรรย์ยิ่ง แสงพระอาทิตย์กระทบกับปีกเครื่องบินที่ฉันนั่งตำแหน่งตรงนั้นพอดี ฉันจึงหยิบมือถือออกมาเพื่อบันทึกภาพเก็บความงามเอาไว้ ในใจของฉันเริ่มคิดถึงเธออย่างบอกไม่ถูก…จึงได้เอ่ยขอกระดาษจากแอร์โฮสเตสที่เดินผ่านมาพอดีก่อนที่จะเสริ์ฟอาหารกลางวัน ซึ่งปกติฉันจะต้องมีสมุดบันทึกติดตัวมาเสมอไม่ว่าจะไปในที่แห่งหนใดก็ตาม แต่ครั้งนี้ฉันบอกกับเธอไว้แล้วว่าฉันไปทำหน้าที่เราต้องห่างกันสักระยะ คงจะไม่มีเวลาและโอกาสจะบันทึกเรื่องราวของเธอ แต่ฉันไม่ลืมที่จะนำ แหวนแทนความรัก ของเธอกับเขาติดตัวฉันไปด้วย บรรยากาศที่เครื่องบินบินอยู่เหนือฟ้า…ปุยเมฆสีขาวทอดยาวราวกับท้องทะเลกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตาทำให้ฉันอยากจะบอกอะไรบางอย่างกับเธอ …กำไลเกี้ยวนพเกล้า ที่ทำด้วยมือจากสุโขทัย อันเป็นสัญลักษณ์ของเธอกับเขา ที่พ่อใหญ่ให้ฉันทำกว่า 10 ปี แล้วเมื่อครั้งเขามากับน้องที่หนองคาย ฉันยังเก็บรักษาไว้อยู่

ในเซฟของฉัน และอยากจะบอกในสิ่งที่ฉันกำลังอธิษฐาน ขณะที่เครื่องบินทยานข้ามประเทศไทยให้เธอกับเขาได้เปลี่ยนภพภูมิไปพร้อมๆ กันกับฉัน แต่ไม่น่าเชื่อ ที่ฉันเขียนได้เพียงแค่ 2 บรรทัด….ปากกาไม่ไหลลื่นอย่างเช่นคืนนี้

ฉันนอนไม่หลับ เพราะเวลามันยังสลับตรงกันข้าม ฉันพยายามจะปรับเวลาซึ่งมันต่างกัน 12 ชั่วโมง เพื่อให้เป็นปกติของเวลาในประเทศไทย …ล้มตัวลงนอนตั้งแต่สวดมนต์ ทำวัตรเย็น แผ่เมตตากรวดน้ำเสร็จ หลับตา ท่อง พุทโธ พุทโธๆ แต่ทำยังไงๆ ก็ไม่ยอมหลับ จึงต้องลุกขึ้นมาจับปากกาในเวลาตี 3 แล้วมันก็ไหลลื่น

เธอบอกกับฉันว่า…เธอพยายามซ่อนตัวอยู่ ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับโลกภายนอก เพียงเพื่อฟังเสียงหัวใจของตัวเธอเอง เธอได้พยายามแล้วที่จะลืมเขาในทุกๆ วัน แต่เธอก็ทำไม่ได้ ใครต่อใครต่างบอกกับเธอว่า บนโลกใบนี้ไม่มีคำว่านิรันดร์ แต่เธอกลับบอกกับฉันว่า เธอไม่เชื่อในคำบอกกล่าวเหล่านั้น เพราะความรักของเธอที่มีให้กับเขาเป็นรักนิรันดร์ และไม่เคยจากตัวเธอไปไหน ยังอยู่คู่กับเธอตรงนี้ที่นี่เวลานี้ เธอขอเพียงว่า…ให้เธอยังอยู่ในใจของเขา ในจิตวิญญาณของเขา และอยากให้เขามองผ่านพระจันทร์ ผ่านท้องฟ้าสีครามสดใส และให้เขาได้โปรดเป็นดาวนำทางให้กับเธอดังเดิม …เพราะเธอไม่เคยลืมสัญญาในประโยคที่ว่า “รักเราเป็นนิรันดร์”

สุชาภา ผลชีวิน