ศุภชัย พิรัฐโยธิน
ศุภชัย พิรัฐโยธิน
อดีตนักฟุตบอลทีมชาติไทย
สโมสรการท่าเรือ, สโมสรโอสถสภา
กรรมการสมาคมกีฬาฟุตบอลอาวุโสไทย
“ทาน ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือการให้อภัย”
ผู้รักษาประตู : สมัยวัยรุ่น ยังไม่ได้เล่นกีฬา เป็นเด็กใหม่ ม.ศ.1 ที่โรงเรียนดอนบอสโก ไปยืนอยู่ข้างสนามฟุตบอล มีอยู่จังหวะนึงเขาเตะมาแรงมาก จะโดนตัว ผมก็รับไว้โดยสัญชาติญาณ อาจารย์ที่คุมทีมเห็นเหตุการณ์พอดี เห็นแววก็ชวนไปเล่นฟุตบอล ผมก็เล่นเป็นผู้รักษาประตูตั้งแต่วันนั้น และไม่เคยคิดที่จะเปลี่ยนตำแหน่งเลย เพราะเราชอบ ขวัญใจสองคนในสมัยก่อนก็คือ เลฟ ยาชิน ของรัสเซีย, กอร์ดอน แบงค์ ของอังกฤษ คือจุดเริ่มต้นของการชอบการเป็นผู้รักษาประตู รูปร่างก็เอื้ออำนวย สูง ผอม ถ้าวันนั้นไม่ได้เล่นเป็นผู้รักษาประตู ก็อาจจะไม่ได้เล่นฟุตบอลเลย
พ่อสั่งห้าม : ผมเรียนต่อที่พาณิชยการสันติราษฎร์ นั่นเป็นจุดเริ่มของการเล่นฟุตบอลอย่างจริงจัง แต่คุณพ่อไม่ยอมให้เล่น พอผมเอารองเท้าฟุตบอลเข้าบ้าน พ่อเก็บไปทิ้งหมดเลย ต้องการให้เรียนหนังสืออย่างเดียว ผมแอบ บอกแม่ว่า ยังไงก็ต้องเล่นฟุตบอล เอารองเท้าไปฝากบ้านเพื่อน บอกว่าจะออกไปวิ่งเล่น แต่จริง ๆ ไปซ้อมบอล พอเรียนจบสันติราษฎร์ ก็ได้เล่นฟุตบอลให้กับอีกหลายทีม
สโมสรการท่าเรือ : จนกระทั่งมาเล่น ถ้วยพระราชทาน ข. ให้กับ จุฬาฯ เข้าไปถึงรอบชิงฯ แล้วแพ้นาทีสุดท้ายให้กับทีมท่าเรือ ซึ่งกลายมาเป็นจุดที่ได้ก้าวเข้าไปสู่สโมสรการท่าเรือ เพราะการท่าเรือ จะส่งทีมเยาวชน ชิงแชมป์ประเทศไทยครั้งแรก มีการประกาศรับสมัคร ผมก็ไปคัดตัว พวกพี่ ๆ เคยเล่นสันติราษฎร์ด้วยกันก็บอกว่า เขาตามหาตัวผมอยู่ โค้ชก็บอกว่ารออยู่ไม่ต้องมาคัดตัวหรอก แต่ผมก็ขอทำตามขั้นตอน ลงไปคัดตัว แล้วติดอยู่ในทีม แล้วย้ายมาเป็นลูกจ้างชั่วคราวที่การท่าเรือ พร้อมกับเล่นฟุตบอลไปด้วย ตั้งแต่แรงงานขั้นต่ำ 23 บาท ต่อวัน เบี้ยเลี้ยงซ้อม 15 บาท สมัยนั้นก็ถือว่าอยู่ได้แล้ว
ติดทีมชาติ : ปีแรกเข้าชิงกับราชวิถี ได้รองแชมป์ และถูกเชิญให้ไปคัดตัวทีมชาติ ชุดไปญี่ปุ่น ติด 1 ใน 20 จาก 956 คน ทั่วประเทศไทย ถือเป็นความภาคภูมิใจที่ได้ติดธงไตรรงค์ที่หน้าอกบนเสื้อ แล้วก็ได้ทุนให้เข้าไปเรียนที่ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ คณะนิเทศศาสตร์ ผมติดตัวไปเล่นในนามทีมชาติเยอะ แต่ก็สละสิทธิ์เยอะด้วยเหมือนกัน เพราะบางครั้งมีการแข่งขันที่ตรงกัน ต้องเลือกว่าจะเล่นรายการไหน อย่างไปทีมชาติอาจจะตกรอบแรก กลับมาโดนตำหนิ แต่ถ้าอยู่แข่งสโมสรก็อาจจะได้แชมป์
น้ำตาพ่อ : พ่อไม่พูดอะไรกับผมสักคำในเรื่องฟุตบอล จนเมื่อถึงวันที่ผมจบรับปริญญา คณาจารย์ปรบมือให้ใหญ่เลยว่าจบได้ซะที ผมก็เพิ่งเคยได้เห็นน้ำตาพ่อเป็นครั้งแรก ท่านบอกว่า ดีใจที่เห็นผมจบปริญญาตรี โดยที่ท่านไม่ได้ส่งเสียอะไรผมเลย เพราะมหาวิทยาลัยเอกชนค่าเรียนมันสูง ผมได้ดีเพราะฟุตบอล ค่าเล่าเรียน ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ก็ไม่เคยขอจากพ่อแม่ ซื้อรถคันแรกก็ยังหาเองเลย
แฟนพันธ์แท้ : วันที่แข่งรอบชิงของเยาวชนสโมสรการท่าเรือ พ่อไปดูด้วย แล้วเห็นผมโดนเตะจนนิ่งไป ท่านบอกว่าถ้าผมเป็นอะไรไป จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด แต่ผมก็ลุกขึ้น กลับมาเล่นต่อได้ และหลังจากนั้น จากที่พ่อเคยห้ามเล่นฟุตบอล ก็กลายเป็นว่า ไม่ว่าผมจะเล่นถ้วยไหน สโมสรไหน สถาบันการศึกษาไหน พ่อทำงานอยู่ที่เขาใหญ่ จะมีตารางการแข่ง ถามผมไว้เลยว่าแข่งที่ไหน วันไหนบ้าง จะลงปฏิทิน ไว้เลยว่า นี่คือวันหยุดของพ่อ แล้วก็ตามมาเชียร์ทุกนัด จนผมต้องทำบัตรวีไอพีของสมาคมฯ ไว้ให้เลย พ่อคือแฟนบอลขาประจำ ที่คอยตามไปเชียร์ไม่เคยขาดเลยสักนัด
แมทช์ประทับใจ : ผมมีโอกาสได้ลงเล่น ฟุตบอลการกุศลระหว่าง การท่าเรือ กับ ยันมาร์ดีเซล ซึ่งเป็นทีมรวมดาราระดับโลกและเอเชีย มีทั้ง ไข่มุกดำ เปเล่, สปีเกล ของอิสราเอล, คามาโมโต้ ของญี่ปุ่น ฯลฯ ถือว่าเป็นเกียรติประวัติสูงสุดของผมในการเล่นฟุตบอล และมีอยู่ลูกหนึ่งที่ ซานโต้ส ของบราซิล ยิงจะเสียบสามเหลี่ยมอยู่แล้ว ผมพุ่งปัดออกไปได้ เป็นซูเปอร์เซฟ พอแข่งเสร็จ โค้ชบอกเลยว่า แมทช์หน้าผมได้ลงเป็นตัวจริง แล้วก็ติดทีมชาติไปเมอร์เดก้า คัพ ประจวบกับ ฟุตบอลอุดมศึกษา มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ต้องเล่นรอบน็อคเอ้าท์ ผมก็ขอถอนตัวจากทีมชาติ และเล่นให้กับมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นแชมป์สามสมัยติดต่อกัน กว่าจะได้แชมป์ก็นับว่ายากมากแล้ว แต่การรักษาแชมป์นั้นยากยิ่งกว่า ซึ่งเราก็สามารถทำได้ถึงสามปีติดต่อกัน เป็นสถิติที่ยากจะมีใครทำได้ ทำให้เราภาคภูมิใจกันมาก เคยมีปีนึงที่ทีมเรายิงได้มากถึง 54 ประตู โดยเสียแค่เพียง 4 ประตู เป็นความภาคภูมิใจในชีวิตนักฟุตบอล
สโมสรโอสถสภา : อยู่ท่าเรือประมาณสิบปี ได้แชมป์ถ้วยพระราชทาน ข. ก็คิดว่าจะหยุดเล่น พอแล้ว อยากจะมุ่งมั่นในการทำงาน จู่ ๆ วันหนึ่งเพื่อนก็โทรมาหา บอกว่าโอสถสภาจะตั้งทีมฟุตบอล อยากให้ไปช่วย เพื่อส่งทีมเข้าไปเล่นในระดับ ถ้วยพระราชทาน ข. ซึ่ง ตามเงื่อนไขคือ ต้องได้แชมป์, รองแชมป์ จากถ้วย ค. หรือ ในทีม ต้องมีอดีตผู้เล่นที่เคยเล่นทีมชาติ ถ้วย ก. ถ้วย ข. อย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 9 คน โดยในทีมเรามีผู้ผ่านเงื่อนไขนี้ถึง 14 คนด้วยกัน ทำให้สามารถส่งทีมเข้าแข่งขันได้ เป็นคนร่วมก่อตั้งสโมสรโอสถสภาอย่างเป็นทางการ เมื่อปี 2521 โดยผมย้ายมาทำงานเป็นฝ่ายบุคคล ดูแลทางด้านนี้โดยตรง เงื่อนไขที่คุยกันไว้ก็คือ ไม่ตกรอบแรก ได้เข้าสี่ทีมสุดท้าย เราก็พยายามผลักดัน จนได้เข้าไปถึงสี่ทีมสุดท้าย และยังเกินความคาดหมาย ได้เข้ารอบตัดเชือกกับทีมการท่าเรือ ซึ่งเป็นทีมเก่า ที่เรารู้จักผู้เล่นทุกคน เสมอในเวลา จนต้องยิงจุดโทษ ผมเชฟได้สองลูก จนได้เข้าไปชิงกับ ธนาคารกรุงเทพ เราได้รองแชมป์, ได้ส่งทีมแข่งควีนส์คัพ เล่นในถ้วย ก. จนผมได้ขยับขึ้นมาเป็นผู้ช่วยโค้ชและยังเป็นผู้เล่นด้วย
นักการตลาด : ในสมัยก่อนนั้น เมื่ออายุเกิน 30 ไปแล้ว การเล่นฟุตบอลก็จะทำได้ไม่เต็มที่ ต้องเลือกเส้นทางสายการทำงานจะดีกว่า พอเลิกเล่นฟุตบอล ก็มุ่งหน้าทำงานด้านการตลาดอย่างเดียวเลย หน้าที่การงานก็ก้าวหน้าขึ้นเรื่อย ๆ มีโอกาสได้ร่วมงานกับบริษัทใหญ่ ๆ อีกหลายแห่ง ได้ร่วมพลิกวิกฤติจากขาดทุนมาเป็นทำกำไร ได้ทำงานวงการบันเทิง มีเดีย ผลิตสื่อ ค่ายเพลง ไอที ฯลฯ จนกระทั่งหยุดพักไป และได้มาเป็นที่ปรึกษา บริษัท ทูน ประกันภัย จำกัด (มหาชน)
ทำงานเพื่อสังคม : ระหว่างทำงานประจำ ผมก็มีกิจกรรมเพื่อสังคมควบคู่ไปด้วย ทำมาแล้วหลากหลายหน้าที่ เช่น เป็นนายกสมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยกรุงเทพ 2 สมัย, เลขาธิการ สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย ที่ตอนนั้นผมอายุน้อยที่สุดที่ได้รับตำแหน่ง ได้รับมอบหมาย ให้จัดงาน ฮอลออฟเฟรม นักการตลาดดีเด่น, เป็นสมาชิกก่อตั้งและนายกสมาคมโรตารีวังทองหลาง 2 สมัย, นายกสโมสรโรตารีดุสิต 3 สมัย, ได้ทำงานให้กับโรตารีสากล ฯลฯ และอื่น ๆ อีกหลายแห่ง
ชีวิตนี้ไม่มีเกษียณ : ผมไม่เคยคิดเรื่องเกษียณจากการทำงานเลย อยากทำไปเรื่อย ๆ แต่คนก็มักจะคิดกันว่า เมื่ออายุมากขึ้น ศักยภาพในการทำงานจะลดน้อยลง ซึ่งมันไม่จริงเสมอไป เพราะสิ่งที่เราปฏิบัติมาตลอด นั่นคือการออกกำลังกาย และการรักษาสุขภาพตัวเราเอง เคยดื่มเหล้า แต่ก็หยุดได้ดื้อ ๆ เพราะอยากเล่นกีฬา อย่างเช่น กอล์ฟ
กอล์ฟ : เคยเกลียดมากถึงมากที่สุด ตอนนั้นผมทำงานด้านไอที ได้ไปคุยงานกันที่สนามกอล์ฟ มีคนมาชวนให้ไปเล่น ผมก็ว่าพวกนี้บ้า วันหยุด แทนที่จะอยู่กับครอบครัว ดันมาเดินตากแดด ทั้งร้อน ทั้งดำ ยังไงก็ไม่เล่น แต่พอได้ไปสนามกอล์ฟหลาย ๆ ครั้ง เขาก็ให้ลองเล่น พอได้ตี 4 – 5 ครั้ง พอรู้ได้ความรู้สึกว่ากีฬานี้เป็นยังไง ก็ตัดสินใจเล่นทันที โทรหารุ่นพี่ บอกว่าอยากเล่นกอล์ฟ เขาก็ช่วยจัดหาไม้มาให้ แล้วผมจึงเริ่มมาเรียนกับโปร ตอนนั้นอายุเยอะแล้ว ซ้อมอยู่ 7 วัน ก็ไปออกรอบที่ แหลมฉบัง วันแรก ตีออกมา 52 – 52 กำลังใจมาทันที กลับมาบ้านนั่งดูสกอร์การ์ด วิเคราะห์ว่าในแต่ละหลุม ถ้าตัดช็อตที่เล่นเสียมาก ๆ ออกไป คะแนนคงจะดีขึ้นกว่านี้มาก ก็เริ่มซ้อมเยอะขึ้น อาจเพราะเราเป็นนักกีฬาด้วย ทำให้รู้ว่าอยากเล่นดีต้องซ้อม ไม่มีทางลัด จากนั้นคะแนนก็ลดลงมาเรื่อย ๆ จนถึงระดับที่ตัวเองพอใจ บางวันมีเลข 3 หรือ สี่สิบต้น ๆ ชีวิตก็มีความสุขแล้ว เสาร์ อาทิตย์ ขนาดไม่มีเพื่อนออกรอบ ตื่นขึ้นมา ขับรถออกไปสนาม คนเดียวก็ตี เล่นกับใครก็ได้ บางทีเลิกงานตอนเย็น ก็เข้าสนามนางเลิ้ง เล่นกอล์ฟ 9 หลุม ช่วงค่ำ จะเรียกว่าบ้ากอล์ฟก็ได้
ชีวิตเปลี่ยน : กอล์ฟต่างไปจากฟุตบอล หรือกีฬาอื่นที่มีคู่ต่อสู้ เราไม่ได้ไปแข่งกับใคร เป็นเกมส์กีฬา ที่ต้องเอาชนะตัวเองให้ได้ สอนคนที่มีอารมณ์มุทะลุดุดัน ให้ต้องปรับเปลี่ยนไปโดยปริยาย เป็นเกมส์ของสุภาพชน กอล์ฟเปลี่ยนผมไปเยอะ จากเป็นคนขี้หงุดหงิด อารมณ์ฉุนเฉียว ซึ่งทำให้เล่นไม่ได้ จนมีผู้ใหญ่ที่เป็นมือซิงเกิ้ล มาสอนเทคนิค แนะนำวิธีการเล่นให้ เช่น เมื่อเราเล่นลูกสั้นดี ก็ไม่จำเป็นต้องสู้เพื่อลุ้นทำสองออนจากระยะไกล ๆ แล้วอาจจะพลาดออกดับเบิ้ล ขณะที่ถ้าเราวางตัว ยอมทำสามออนในระยะที่ถนัด ก็อาจจะได้ทำพาร์หรือเก็บโบกี้ได้ง่าย ๆ แต่พาร์ 3 ยังไงก็ต้องวันออนให้ได้ ทำให้ผมเปลี่ยนวิธีการเล่นตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ซ้อมมากขึ้น คะแนนก็ดีขึ้น ศึกษากอล์ฟมาก อ่านตำรา ว่างก็เป็นเดินดูร้านอุปกรณ์กอล์ฟ กีฬาอื่นไม่ได้เล่นเลย
สมาคมกีฬาฟุตบอลอาวุโสไทย : ผมไปเล่นกอล์ฟ แล้วเจอกับคุณตุ่ม (เทพพิทักษ์ จันทร์สุเทพ) นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลอาวุโสไทย ซึ่งในอดีตเป็นนักกีฬาฟุตบอล ในตำแหน่งผู้รักษาประตูเหมือนกัน สมัยที่ยังเล่นก็เจอกันมาตลอด ชักชวนให้มาเล่นฟุตบอลทีมชาติอาวุโส ในรุ่น 70 ปีขึ้นไป หรือเรียกว่ารุ่น Legend ผมก็มาซ้อมด้วย พอเจอกับรุ่นน้องก็โดนทักว่า ‘หมดสภาพ’ ซึ่งผมก็ยอมรับ (หัวเราะ) แต่บอกไว้ว่า ขอเวลาสามเดือน เพื่อฟื้นฟูร่างกาย แล้วมาเจอกัน ระหว่างนั้นผมก็ตั้งใจ ดูแลตัวเองจนสุขภาพกลับคืนมาได้ พร้อมลงสนาม จนน้อง ๆ แซวกันว่า ยิงผ่านยากกว่าสมัยก่อนอีก เพราะฟิตและเก๋ากว่าเดิม (หัวเราะ)
อยากแบ่งปัน : เรามีประสบการณ์ผู้รักษาประตูที่สะสมมาทั้งชีวิต อยากถ่ายทอดให้กับคนที่อยากได้จริง ๆ ทุกวันนี้ยังได้สอนให้กับเด็ก ๆ สอนให้กับคนที่รักฟุตบอลในทุกวัย โดยเฉพาะตำแหน่งผู้รักษาประตู
กระโถนท้องพระโรง : แข่งฟุตบอล เวลาชนะไม่มีใครบอกว่าประตูเก่ง แต่ถ้าแพ้ โดนทันที โดยไม่ได้มองกันว่า สาเหตุที่แท้จริงที่ประตูรับไม่ได้นั้น มาจากอะไรบ้าง กองหลัง กองหน้า เล่นกันยังไง นี่คือสภาพที่ต้องรับให้ได้ ยอมรับในสิ่งที่เป็นอยู่ แต่ผมก็ไม่เคยรู้สึก น้อยใจ หรือเสียใจในการเล่นตำแหน่งนี้เลย รู้สึกภาคภูมิใจมาโดยตลอด ว่า เราคือ คนสำคัญของทีม เพราะเป็นคนสุดท้าย เห็นหมดทั้งสนาม สามารถบอกเพื่อน ๆ ได้ว่า จะเล่นกันยังไง เล่นดีก็เสมอตัว แพ้มาก็รับไปเต็ม ๆ แต่ก็เป็นชีวิตที่เราเลือกแล้ว ก็ต้องสนุกไปกับมัน ไม่ต่างอะไรไปจากชีวิตส่วนตัว อะไรที่ทำ เราว่าดีแล้ว แต่ถ้าเขามองว่าไม่ดี ก็ไม่ว่าอะไร เหมือนกับเกมกีฬา ต่างคนต่างมุมมอง ความคิดของแต่ละคนย่อมไม่เหมือนกัน การทำงานก็เหมือนกัน เมื่อทำงานแล้วมีปัญหา ก็จะถูกไล่เรียงไปตามลำดับขั้นตอน เราอยู่ตรงกลาง ถ้าข้างล่างไม่ดี ข้างบนก็ว่าเรา
กิจกรรมเพื่อสังคม : ผมเป็นกรรมการสมาคมกีฬาฟุตบอลอาวุโสไทย ยังทำงานอยู่ในแวดวงกีฬา ช่วยเป็นโค้ชผู้ฝึกสอนผู้รักษาประตูอาวุโส คุมทีม ได้ทำงานตามที่ นายกสมาคมฯ มอบหมาย เช่น จัดกอล์ฟการกุศล เพื่อหาทุน, จัดงาน เตรียมงาน Senior World On Tour ไปต่างจังหวัด นำนักฟุตบอลสูงอายุไปแข่งต่างจังหวัด เวลาออกไปเดินสายแข่งต่างจังหวัด เราจะมีกิจกรรม Football For Kids สอนเด็ก ๆ เวลาไปเล่นกับทีมต่าง ๆ พวกเราเป็นเหมือนครอบครัว ใครเดือดร้อน ก็จะรวมตัวไปช่วยกัน และยังมีการจัดกรรมการกุศลเพื่อช่วยเหลือซึ่งกันและกันอยู่เสมออย่างต่อเนื่อง
เอาชนะตัวร้าย : เคยเป็นคนโมโหร้าย แต่ก็ขึ้นเร็วลงเร็ว ถ้าไม่สุด ๆ จริง ๆ ก็ไม่เป็น บางครั้งคนรอบข้างก็มีส่วนที่ทำให้ต้องมีอาการเหล่านี้ สิ่งแวดล้อมอาจจะทำให้พฤติกรรมของคนเปลี่ยนแปลงได้ ทั้ง ๆ ที่นิสัยส่วนตัวจริง ๆ อาจจะไม่ได้เป็นเช่นนั้น ผมใช้วิธี นิ่ง เงียบ แสร้งทำอะไรอย่างอื่น หลีกออกจากตรงนั้นไปก่อน แค่ลุกเดินไปเข้าห้องน้ำ หลบไปตั้งสติ เบี่ยงเบนให้ตัวเองหลุดไปจากตรงนั้นก่อน ไม่ใช่ว่าเรายอมแพ้ แต่เราต้องการเอาชนะตัวเราเอง เพราะถ้าคุมสติตัวเองไม่ได้ หรือไม่ดีพอ ก็ไม่รู้ว่าจะส่งผลเสียให้ชีวิตเราอีกมากมายแค่ไหน
ต้องงดและต้องทำ : เครื่องดื่ม อาหาร ที่ทำลายสุขภาพ เช่น แอลกอฮอล์ เป็นอุปสรรคการเล่นกีฬาทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นฟุตบอล หรือ กอล์ฟ การออกกำลังกายสม่ำเสมอของคนสูงอายุ อย่างน้อยต้องมีสักครึ่งชั่วโมง เคยมีบางวัน อยากนั่งพัก ไม่ออกกำลัง ผลลัพธ์คือ นอนไม่ได้หลับ แต่ถ้าวันไหน ได้เหงื่อออก ก็จะหลับสบาย ยิ่งช่วงเช้า ๆ ได้ทำงานอยู่กลางแจ้งบ้าง ยิ่งทำให้ร่างกายแข็งแรง บ่าย ๆ ได้พักผ่อน ได้งีบสักครู่ ตื่นมาก็จะสดชื่น ตอนเย็นได้ซ้อมฟุตบอลยาวจนถึงค่ำ แต่ถ้าไม่ทำเป็นกิจวัตร เรี่ยวแรงจะไม่มี นอนไม่ได้ บอกไม่ถูกเหมือนกัน อย่าให้อายุมาเป็นข้อจำกัดในการออกกำลังกาย ตราบใดที่คุณยังมีลมหายใจและยังมีแรงอยู่ ทำไปเถอะครับ แค่หากิจกรรมที่เหมาะสมกับสภาพร่างกาย เดินในสนามหญ้า อย่าไปเดินบนพื้นปูน ทำให้ปอด หัวใจ ระบบหมุนเวียนของเลือด ได้ทำงานตามปกติ ส่วนอาหารก็ต้องรู้จักเลือก ไม่ตามใจปาก ไม่ทานรสจัด มันจัด ทุกอย่างต้องพอดี ๆ ใช้ชีวิตตามอัตภาพ : ไม่ยึดติดกับอะไร ชีวิตเมื่อมันตกลงแล้ว ก็ต้องสู้ ถึงแม้จะไม่เหมือนเดิม แต่ก็ทำให้เรามีชีวิตที่จะดำเนินต่อไป ยิ่งช่วงที่ชีวิตตกต่ำ ยิ่งจะทำให้เราได้รู้ว่า ใครเป็นมิตรแท้ ใครที่คบกับเราโดยไม่นึกถึงเรื่องผลประโยชน์ ถ้าตัดใจให้ได้ ทำใจให้สบาย เวลาเข้านอนก็จะหลับสนิท โดยไม่ต้องไปคิดเรื่องราวอะไรให้รกสมอง มีความสุขกับทุกวันที่ตื่นขึ้นมา เราไม่ได้รวยทรัพย์ แต่มีน้ำใจที่จะหยิบยื่นให้กันได้ ขอให้เป็นคนดี มีความซื่อสัตย์ มีความเห็นอกเห็นใจคน ต้องไม่ดูถูกคนคนที่ต่ำต้อยกว่า ทานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือการให้อภัย เราสบายใจ ไม่เคยถือโทษโกรธแค้นใคร ตอนเราเกิดมา ก็มาตัวเปล่า โตมาก็สร้างตัวเราเองให้เกิด ไก่งามเพราะขน คนงานเพราะแต่ง อยู่ในสังคมก็ต้องเรียนรู้มารยาทสังคม ถึงจะอยู่กับเขาได้ แต่ถึงจุด ๆ หนึ่ง ก็ย่อมรู้ว่า สิ่งเหล่านี้ มันไม่ใช่ของคุณ ตายไปก็เอาไปไม่ได้ จะเกิด จะตาย ไม่มีใครรู้ แค่ได้ตื่นขึ้นมาเช้าอีกวัน มีสุขภาพดี มีลมหายใจ ได้ดูโลก ได้เห็นนก ได้ยินเสียงธรรมชาติ ชีวิตมีความสุขแล้วครับ.