ไม่ให้เรียนจบปริญญาตรี ก่อนเล่นกอล์ฟอาชีพ ?
ทำไมไม่ให้เด็กเรียนหนังสือให้จบปริญญาตรี ก่อนเล่นกอล์ฟอาชีพ
หลังจากที่เคยเขียนถึงเรื่องของอาโป (ชลชีวา วงษรัศม์) นักกีฬาที่อยู่ในการดูแลของมูลนิธิกอล์ฟไทยสู่กอล์ฟโลก และโรงเรียนสอนกอล์ฟเชาวรัตน์ไปครั้งหนึ่ง ที่พูดถึงจะไม่ให้เรียนต่อในระบบ ไม่ให้ไปรับทุนเรียนต่อต่างประเทศไปนั้น มีคำถามจากผู้ปกครองหลายๆคนมามากพอสมควร จึงขอขยายให้ทราบแนวคิดอย่างละเอียดมากขึ้น
คำถามเชิงเป็นห่วง สรูปได้ดังนี้ “ มันจะดีหรือครับโปรที่จะไม่ให้เด็กเรียนหนังสือในระบบ มันจำเป็นต้องรีบทำอาชีพเร็วขนาดนั้นเลยหรือ อายุ 22 หรือ 23 มันยังไม่สายไม่ใช่หรือ เรียนจบกลับมาค่อยเล่นอาชีพก็ได้ นักกอล์ฟอาชีพหญิงดังๆ หลายๆคนก็จบมหาวิทยาลัยก่อน แล้วก็กลับมาเล่นอาชีพ ประสบความสำเร็จเป็นแชมป์ตั้งหลายคน การไปเรียนต่อเด็กจะได้ทั้งประสบการณ์ ได้ทั้งภาษา และหากเกิดว่าถ้าเขาไม่ประสบความสำเร็จกับกีฬากอล์ฟ เขายังทำอย่างอื่นได้ตามที่เขาเรียนมา ถ้าเขาไม่เรียนแล้วเขาจะมีความรู้หรือ เขาจะไปทำอะไร ถ้าไม่ประสบความสำเร็จ”
ก่อนอ่านคำตอบแนวคิดของผม ท่านลองถามตัวเองดูก่อนว่าเห็นด้วยตามคำถามหรือข้อเสนอแนะเหล่านี้หรือไม่ คงมีหลายท่านจำนวนมากเห็นด้วย แต่คงมีบางท่านไม่เห็นด้วย…ไม่เห็นด้วยอย่างไร ลองอ่านดูว่าจะเป็นไปในทิศทางของผมหรือไม่
ก่อนอื่น ขอบอกก่อนว่า แนวคิดของผมผ่านการปรึกษากันมาแล้วระหว่าง พ่อแม่และตัวอาโปเองไม่ใช่ผมไปบังคับ ซึ่งทุกคนเห็นชอบด้วย…และไม่ใช่ไม่ให้เรียนนะครับ ยังให้เรียนอยู่ แต่เป็นการเรียนนอกระบบโรงเรียน หลังจากจบ ม.3 (ตอนนี้อยู่ ม.2 ) อาจจะเป็นศึกษาทางไกลหรือ กศน. หรืออาจจะเป็นHome School ให้จบวุฒิ ม.6 หลังจากนั้นให้ไปสมัครเรียนในสาขาที่คิดว่าเรียนได้ ในมหาวิทยาลัยเปิดเช่นรามคำแหง หรือสุโขทัยธรรมาธิราช ซึ่งไม่ต้องเข้าเรียน ไม่ต้องรีบจบ 3 ปี 4 ปี
เป้าหมายของการเรียนเอาแค่ทำให้มีอะไรทำในช่วงเวลาว่างจากการฝึกซ้อม จากการแข่ง ให้ได้ค้นคว้า ได้อ่านหนังสือ แต่ไม่ได้หวังว่าจะเอาวุฒิปริญญาไปสมัครงานเป็นราชการ หรือกินเงินเดือนใครเรามุ่งมั่นกับการเล่นอาชีพ หรือถ้าไม่ประสบความสำเร็จกับการเล่นอาชีพ ก็ทำงานในสนามกอล์ฟ หรือเป็นครูสอนกอล์ฟได้ หรือค้าขาย มีรายได้พอเลี้ยงครอบครัว ถึงแม้จะไม่มีรายได้มาก หรือทำให้รวยได้แต่ก็เป็นอาชีพอิสระ ทำแล้วมีความสุข
ส่วนเรื่องการเร่งเป็นอาชีพ หรือการสร้างรายได้ ต้องดูปัจจัยต่างๆ ว่า ปัจจุบันอายุ 14 นี้ มีความสามารถแค่ไหนถ้าเทียบกับนักกีฬากอล์ฟอาชีพสตรี ตีอันเดอร์ได้ไหม มีวินัยหรือไม่ มุ่งมั่นหรือไม่ ดูแล้วเทียบได้เราก็ไม่มีเหตุจำเป็นอะไรที่ต้องรอ เพราะถ้าเรียนไปอีก 6-7 ปี ในสภาพเป็นนักกอล์ฟสมัครเล่นต้องเรียนมหาวิทยาลัยที่ต้องเรียน ต้องซ้อม มันเหนื่อยเกินไป ซึ่งหลายๆคนฝีมือดี แต่พอเรียนมหาวิทยาลัยฝีมือตกลง จนต้องเลิกเล่นเพราะพัฒนาสู้คนอื่นไม่ได้ เขาซ้อมวันละ 7-8 ชม. แต่คนเรียนต้องไปนั่งเรียน ซ้อมได้แค่วันละ 1-2 ชม. เสาร์-อาทิตย์ก็ต้องทำงานส่ง ชีวิตต้องเหนื่อยวันละ 10 กว่าชม. ไม่ใช่ว่าต้องอดทนแต่ มันจะไม่ได้ดีสักอย่าง และยังถูกครูบาอาจารย์ กดดันอีกเมื่อเรียนไม่ดี เมื่อลาโรงเรียนเพื่อไปแข่ง หรือพ่อแม่กดดันเมื่อไปเล่นแล้วผลงานไม่ดี
มีความเป็นจริงที่ควรจะเป็นอีกเรื่องหนึ่งของชีวิต คือ ความจำเป็นที่ต้องมีครอบครัวซึ่งควรอยู่ในช่วงระหว่าง 35 ไม่ควรเกิน 40 และเมื่อมีครอบครัวแล้วก็ต้องมีลูก เมื่อมีครอบครัวควรจะต้องเป็นแม่บ้าน มีลูกก็ควรเลี้ยงลูกด้วยตัวเองให้ดี ถ้ามีแล้วเลี้ยงไม่ได้ เลี้ยงไม่มีคุณภาพ ไม่มีเวลาให้เขา ต้องไปให้ปู่ย่า ตายายเลี้ยงอย่ามีดีกว่า ผมเน้นนะครับ อยากให้ลูกได้ดังใจ พ่อแม่ต้องเป็นคนเลี้ยงเอง ต้องมีเวลาให้เขาอย่าอ้างว่ามีความจำเป็น ต้องทำงาน
ถ้าเล่นกอล์ฟอาชีพเมื่อตอนอายุ 22 ปี แต่งงานเมื่ออายุ 35 มีเวลาเล่นกอล์ฟเพียงแค่ 13 ปี แต่ถ้ายืดเวลาขึ้นมาเล่นอาชีพตั้งแต่อายุ 17 ก็จะมีเวลาอีก 18 ปี เพิ่มเวลาเพิ่มมากขึ้น
สิ่งที่ผมพบเห็นอีกประการหนึ่งก็คือ เมื่อนักกีฬาผู้หญิงของเราไปเรียนต่อเมืองนอกแล้วมีไม่น้อยเลยที่เสียดุล (แต่งงานกับชาวต่างชาติ ทำงานต่างประเทศ) ในเวลาหลังเรียนจบ ซึ่งไม่ใช่ไม่ดี ชีวิตเขาละดีแต่เป้าหมายที่จะเล่นกอล์ฟอาชีพมันไม่มีทางได้ดี หรือไม่มีทางเป็นไปได้เลย
มีปัจจัยอยู่ข้อหนึ่ง ที่จะเป็นตัวตัดสินใจได้ว่า เล่นอาชีพจะประสบความสำเร็จหรือไม่ นั่นคือ นักกีฬาคนนั้นมีวินัย มีความมุ่งมั่นหรือไม่ คนที่รู้ดี คือ พ่อแม่ รู้ว่าลูกของตัวเองทำอะไรจริงจัง มุ่งมั่น หรือเหยาะแหยะ มีข้ออ้างต่างๆ ซึ่งคนเหล่านี้ มักจะเรียนดีด้วย เล่นกอล์ฟก็ดี ไม่ใช่ขี้เกียจเรียนแต่บอกว่าจะตั้งใจเล่นกอล์ฟ
ผมจึงมีข้อแนะนำให้กับเด็กๆ และผู้ปกครองว่าจะไปทางไหน ให้ดูผลการเล่น ถ้าอายุ 13-15 ทำสกอร์ได้เบียดกับพวกนักกอล์ฟอาชีพ ทำอันเดอร์ได้ เขาน่าจะไปทางอาชีพได้เร็ว แต่ถ้าอายุวัยนี้ ทำสกอร์ยังอยู่แถว 70 ปลายๆ 80 ต้น หรือกลางๆ ให้ตั้งเป้าหาทุนเรียนต่อต่างประเทศดีกว่า ตัดเรื่องอาชีพทิ้งไปก่อน ไปเรียนต่อแล้วผลงานดีขึ้นจบมาแล้วค่อยว่ากัน
เรื่องของภาษา ผมให้ความสำคัญมากอยู่แล้วว่า ภาษาอังกฤษต้องดี ไม่ว่าจะจบการศึกษาระดับไหนต้องสื่อได้ทั้งพูด อ่าน เขียน เพื่อติดตามข่าวสาร และศึกษาสิ่งใหม่ๆจากโซเชียลที่มีมากมาย เข้าถึงได้โดยง่าย ด้วยระบบของการเรียนสมัยใหม่ที่มีภาษาอังกฤษเป็นทางเลือก และด้วยระบบการมีช่องทางการเรียนรู้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งไม่ใช่จำเป็นว่าจากโรงเรียนเท่านั้น
และสิ่งสุดท้าย เป็นเรื่องของวิสัยทัศน์ และความเชื่อว่า การจะมีอาชีพที่มั่นคง มีอิสระภาพทางการเงิน ควรได้ท่องเที่ยวเรียนรู้ดูโลก ควรทำตั้งแต่อายุน้อยๆ การจะทำอย่างนั้นได้ถ้ามีแนวคิดว่าจะรับราชการ จะกินเงินเดือนไม่สามารถทำได้เลย จะต้องค้าขายเป็น จะต้องสร้างรายได้ให้มากๆตั้งแต่อายุยังน้อย ไม่ใช่มีโอกาสเที่ยวต้องอายุมาก ไปเปิดหูเปิดตาต่างประเทศ กลับมาก็หมดไฟที่จะทำอะไรแล้ว
ชีวิต มีเส้นทางประสบความสำเร็จมากมาย การศึกษาในระบบไม่ใช่ทำให้ประสบความสำเร็จเสมอและคนที่ศึกษา มีความชำนาญในสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่ทำก็อาจจะทำให้ประสบความสำเร็จได้ เลือกเอาตามปัจจัยที่เป็นอยู่ครับ ช่องทางไม่หนีไปจากที่ผมกล่าวมาแน่นอน
โปรเชาวรัตน์ เขมรัตน์