มัตซึยามา ซิวมาสเตอร์ส ที่ ออกัสตา
‘มัตซึยามา’ เฉือน 1 แต้ม ซิวมาสเตอร์ส ที่ ออกัสตา
ฮิเดกิ มัตซึยามา กลายเป็นนักกอล์ฟญี่ปุ่นคนแรกในประวัติศาสตร์ที่คว้าแชมป์เมเจอร์ หลังจบรอบสุดท้าย 1 โอเวอร์พาร์ 73 รวมสี่วัน 10 อันเดอร์พาร์ 278 เฉือนชนะ วิล ซาลาตอริส นักกอล์ฟอเมริกัน 1 สโตรค คว้าแชมป์เดอะ มาสเตอร์ส ครั้งที่ 85 ในการแข่งขันที่ออกัสตา เนชั่นแนล กอล์ฟคลับ ในออกัสตา มลรัฐจอร์เจีย สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 12 เม.ย.ที่ผ่านมา
ฮิเดกิ มัตซึยามา ต้องลงเล่นรอบสุดท้ายโดยแบกความหวังของชาวญี่ปุ่นทั้งประเทศ ก่อนจบรอบด้วยการเก็บเข้ามา 4 เบอร์ดี้ 5 โบกี้ ก่อนคว้าชัยชนะ 1 สโตรค ที่ออกัสตา นชั่นแนล กอล์ฟคลับ
ชัยชนะรายการนี้นอกจากกรีนแจ็คเก็ตสัญลักษณ์แห่งผู้ชนะของ เดอะ มาสเตอร์ส แล้ว มัตซึยามา ยังรับเงินรางวัลไปครองถึง 2.07 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 65 ล้านบาท และว่าที่ตำนานวงการกีฬาของชาวญี่ปุ่น
“ผมมีความสุขมากจริงๆ” มัตซึยามา ให้สัมภาษณ์ผ่านล่าม “ผมหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะได้เป็นผู้บุกเบิกให้กับชาวญี่ปุ่นหลายๆคนได้เดินตามรอยเท้า ผมมีความสุขมากที่ได้เปิดประตูบานใหญ่นี้ออกมาได้และหวังว่าจะมีคนอื่นๆตามออกมา”
หลังจากที่นำการแข่งขัน 7 สโตรคกับการแข่งขันอีก 7 หลุมสุดท้าย แต่ปรากฏว่าตอนที่เหลือเพียง 3 หลุมนั้นสกอร์ที่นำห่างนั้นลดช่องว่าเหลือเพียง 2 แต้มเท่านั้น ก่อนที่ความกดดันจะลดลงเมื่อ ซานเดอร์ ชอฟเฟเล นักกอล์ฟอเมริกันที่กำลังไล่กดดันตีทีช็อตที่หลุม 16 ตกน้ำก่อนจะออกทริปเปิ้ลโบกี้ที่หลุมดังกล่าว
“ผมรู้สึกว่าผมเปิดโอกาสให้เขาสร้างรัน แต่ผมเองก็สามารถสร้างความตื่นเต้นให้กับทัวร์นาเมนต์ได้เป็นอย่างดี จนกระทั่งมาเจอหลุมศพอันเฉอะแฉะ” ชอฟเฟเล “คืนนี้ผมคงจะนอนหลับได้แม้มันอาจจะยากสักหน่อย แต่ผมยังโอเค”
มัตซึยามา นั้นจบหลุม 16 ด้วยโบกี้ ตามด้วยพาร์ที่หลุม 17 และโบกี้ที่หลุม 18 ก่อนทำสกอร์รอบสุดท้ายเกินไป 1 โอเวอร์พาร์ 73 แต่ยังเพียงพอที่จะคว้าแชมป์ที่สกอร์รวม 72 หลุม 10 อันเดอร์พาร์ 278
“ผมไม่ได้มารู้สึกตื่นเต้นเอาในช่วงเก้าหลุมสุดท้ายของการแข่งขัน”มัตซึยามา กล่าว “แต่ผมตื่นเต้นตั้งแต่ช็อตแรกของวันจนกระทั่งพัตต์สุดท้ายของทัวร์นาเมนต์เลยทีเดียว”
วิล ซาลาตอริส นักกอล์ฟอเมริกันที่เพิ่งลงเล่น เดอะ มาสเตอร์ส ครั้งแรกในชีวิตจบกาแข่งขันในอันดับสองด้วยสกอร์ 9 อันเดอร์พาร์ 279 หลังทำสกอร์วันสุดท้ายเข้ามา 2 อันเดอร์พาร์ 70 ขณะที่ จอร์แดน สปีธ แชมป์เมเจอร์ 3 รายการ และ ชอฟเฟเล จบอันดับสามร่วมกันด้วยสกอร์รวม 7 อันเดอร์พาร์ 281
“มันเป็นสัปดาห์ที่สนุกมากสำหรับผม” ซาลาตอริส กล่าว “รายการนี้ทำให้ผมรู้ว่าผมสามารถลงเล่นกับผู้เล่นที่เยี่ยมที่สุดในโลกได้”
ทางด้าน มัตซึยามา นับเป็นนักกอล์ฟชายจากทวีปเอเชียคนที่สองในประวัติศาสตร์ที่ชนะรายการระดับเมเจอร์ แชมเปี้ยนชิพ ต่อจาก แยง ยอง-เอิน จากเกาหลีใต้ ที่เคยคว้าแชมป์พีจีเอ แชมเปี้ยนชิพ เมื่อปี 2009
มัตซึยามา นักกอล์ฟอันดับ 25 ของโลกที่ไม่ชนะมาตั้งแต่คว้าแชมป์เวิลด์กอล์ฟแชมเปี้ยนชิพที่อาครอนเมื่อปี 2017 แต่ 87 รายการหลังจากนั้นเขาก็ทำสถิติเทียบเท่ากับตอนคว้าแชมป์เวิลด์กอล์ฟแชมเปี้ยนชิพที่เซี่ยงไฮ้ เมื่อปี 2016 ด้วยการออกสตาร์ทในฐานะผู้นำเดี่ยวหลังผ่าน 54 หลุมและจบในฐานะแชมป์สำเร็จ
ผลงานในอดีตในรายการระดับเมเจอร์ แชมเปี้ยนชิพ ของนักกอล์ฟจากประเทศญี่ปุ่นที่ดีที่สุดคือ อิซาโอะ อาโอกิ ที่เคยได้รองแชมป์ยูเอส โอเพ่น เมื่อปี 1980 และ มัตซึยามา เองก็เคยได้อันดับสองในยูเอส โอเพ่น เมื่อปี 2017 ส่วนในรายการเดอะ มาสเตอร์ส ไม่เคยมีนักกอล์ฟญี่ปุ่นคนไหนทำอันดับดีกว่าที่สี่
ความสำเร็จในรายการใหญ่ในวงการกอล์ฟที่มาจากผลงานของนักกอล์ฟญี่ปุ่นนั้นมาจากนักกอล์ฟสตรี โดย ชาโกะ ฮิกูชิ เคยคว้าแชมป์แอลพีจีเอ แชมเปี้ยนชิพ เมื่อปี 1977 และ ฮินาโกะ ชิบูโนะ ที่ชนะวีเมนส์ บริติช โอเพ่น เมื่อปี 2019
ความตึงเครียดของ มัตซึยามา เกิดขึ้นตั้งแต่ช็อตแรกของการแข่งขันรอบสุดท้ายที่เขาทีช็อตลูกหลุดออกไปทางด้านขวาเข้าไปในกลุ่มต้นไม้และออกโบกี้ในที่สุด แต่ก็มาแก้ตัวที่หลุม 2 พาร์ 5 ที่ระเบิดทรายข้างกรีนและเข้ามาแท็ปอินเบอร์ดี้ลงไป
มัตซึยามา เซฟพาร์ที่หลุม 5 ด้วยการลากพัตต์ระยะ 20 ฟุต ก่อนจะโชว์ทักษะการเล่นเหล็กสั้นด้วยช็อตแอพโพรชที่ช่วยให้ขึ้นไปเก็บเบอร์ดี้ที่หลุม 8 พาร์ 5 และหลุม 9 พาร์ 4
นักกอล์ฟจากญี่ปุ่นไปพลาดออกโบกี้อีกที่หลุม 12 พาร์ 3 ตามด้วยทีช็อตที่หลุม 13 พาร์ 5 ไปชนต้นไม้ แต่ยังแก้ไขขึ้นมาทำเบอร์ดี้สำเร็จ ในขณะที่ ชอฟเฟเล เองก็เริ่มขยับ
ซานเดอร์ ชอฟเฟเล นั้นหลังจากเสีย 3 โอเวอร์พาร์ในการเล่น 5 หลุม แต่ก็กลับมาสู่เกมได้ด้วยเบอร์ดี้ที่หลุม 7 และหลุม 8 ตามด้วยการเก็บ 4 เบอร์ดี้ติดต่อกันเริ่มที่หลุม 12
“ผมต้องพยายามสู้อย่างหนัก เนื่องจากผมออกสตาร์ทได้ไม่ดีเลย” ชอฟเฟเล กล่าว “ส่วน ฮิเดกิ นั้นเขาเล่นเหมือนอย่างกับเป็นหุ่นยนต์มา 13 หลุม”
ความกดดันของ มัตซึยามา เริ่มมากขึ้นอีกครั้งหลังตีตกน้ำที่หลุม 15 พาร์ 5 และออกโบกี้ ขณะที่ ชอฟเฟเล ขึ้นไปแท็ปอินเบอร์ดี้ ทำให้สกอร์รวมตามหลังเพียง 2 สโตรค กับ 3 หลุมสุดท้ายของการแข่งขัน
“ฮิเดกิ สร้างความหวังให้กับผมเล็กๆที่หลุม 15” ชอฟเฟเล กล่าว
อย่างไรก็ตาม ทีช็อตที่หลุม 16 พาร์ 3 ของ ชอฟเฟเล ตกน้ำ และกลายเป็นหายนะเมื่อออกทริปเปิ้ลโบกี้ นับเป็นทริปเปิ้ลโบกี้แรกในรายการระดับเมเจอร์ของเขาจากการลงเล่นมา 1,041 หลุม
“ตอนนั้นผมกำลังฟอร์มร้อนแรงเลย” ชอฟเฟเล “ที่หลุม 16 ผมเลยตีจี้ธงมากจนเกินเหตุ”
มัตซึยามา นักกอล์ฟวัย 29 ปีจากญี่ปุ่น ซึ่งจบทัวร์นาเมนต์ด้วยการเสีย 3 โบกี้ในการเล่น 4 หลุมสุดท้าย แต่การระเบิดทรายที่หลุม 18 ขึ้นมาออนระยะ 6 ฟุต และสองสองพัตต์ออกโบกี้ก็ยังเพียงพอที่จะคว้าชัยชนะรายการนี้ไปครอง
มัตซึยามา บอกว่าเขาคิดถึงครอบครัวของเขาที่ประเทศญี่ปุ่นตลอด ซึ่งเจ้าตัวเผยว่า “การแข่งขันในรอบสุดท้ายนั้นผมคิดถึงพวกเขาตลอดเวลา มันเหมือนกับผมเล่นอย่างเต็มที่เพื่อพวกเขาทุกคน”
“ผมไม่สามารถบอกได้ว่าผมเยี่ยมที่สุด แต่ผมสามารถบอกได้ว่าผมเป็นชาวญี่ปุ่นคนแรกที่ชนะรายการเมเจอร์” มัตซึยามา กล่าว “ถ้าหากนี่เป็นบาร์ ผมก็เป็นคนยกระดับบาร์นี้ขึ้นมาอีกระดับหนึ่งแล้ว”
ทางด้าน ซาลาตอริส ซึ่งกำลังลุ้นจะเป็นผู้เล่นคนแรกที่ชนะ เดอะ มาสเตอร์ส ในการลงเล่นเป็นครั้งแรกในชีวิต นับตั้งแต่ ฟัซซี โซลเลอร์ เคยทำได้เมื่อปี 1979 ซึ่ง ซาลาตอริส กำลังได้ลุ้นกระทั่งมาพลาดออกโบกี้ที่หลุม 10 และ 12 ก่อนจบการแข่งขันในอันดับสอง
สรุปผลเดอะ มาสเตอร์ส ครั้งที่ 85 (สนามพาร์ 72)
278 ฮิเดกิ มัตซึยามา (ญี่ปุ่น) 69-71-65-73
279 วิล ซาลาตอริส (สหรัฐฯ) 70-68-71-70
281 จอร์แดน สปีธ (สหรัฐฯ) 71-68-72-70
281 ซานเดอร์ ชออฟเฟเล (สหรัฐฯ) 72-69-68-72
282 จอน ราห์ม (สเปน) 72-72-72-66
282 มาร์ค ลีชแมน (ออสเตรเลีย) 72-67-70-73
283 จัสติน โรส (อังกฤษ) 65-72-72-74
284 แพทริก รีด (สหรัฐฯ) 70-75-70-69
284 คอรีย์ คอนเนอร์ส (แคนาดา) 73-69-68-74
285 คาเมรอน สมิธ (ออสเตรเลีย) 74-68-73-70
285 โทนี ฟิเนา (สหรัฐฯ) 74-66-73-72
286 เว็บบ์ ซิมป์สัน (สหรัฐฯ) 70-76-70-70
286 สจ๊วต ซิงค์ (สหรัฐฯ) 74-69-72-71
286 เควิน นา (สหรัฐฯ) 75-70-70-71
286 คิม ซิ-วู (เกาหลีใต้) 71-69-74-72
286 โรเบิร์ต แม็คอินไทร์ (สกอตแลนด์) 74-70-70-72
286 ไบรอัน ฮาร์แมน (สหรัฐฯ) 69-69-74-74