Interview

รชต สุทธิกรคัมภีร์

รชต สุทธิกรคัมภีร์
SUNNY VALVES & INTERTRADE CORP., LTD.
“ซื่อสัตย์ จริงใจ เป็นมืออาชีพ”

ปิดเทอม : ด้วยความเป็นลูกชาย คุณแม่ไม่ต้องห่วงอะไรมาก ทุกครั้งที่ปิดเทอม ก็จะส่งให้ผมไปอยู่กับญาติ ๆ โดยวนไปเรื่อย ๆ ทำให้ผมได้เรียนรู้วิถีชีวิตที่แตกต่างจากลูกพี่ลูกน้องในแต่ละบ้าน บ้านไหนเรียนหนังสือเก่ง อยู่กับพี่ที่เป็นหนอนหนังสือ ผมก็ต้องอ่านหนังสือตามไปด้วย พอปิดเทอมหน้าไปอยู่กับอีกบ้าน พี่เป็นเด็กสวน มียิงนกตกปลา ก็แบกปืน พกหนังสะติ๊ก ไปกับเขา ทำให้มีพี่ ๆ หลายคน หลากหลายสไตล์

เรียนหนังสือ : ตอนเด็กผมเรียนที่ โรงเรียนเผยอิง เป็นหลักสูตรสอนทั้งภาษาไทยและภาษาจีน ยังไม่ได้เรียน ภาษาอังกฤษ แต่คุณแม่ก็เตรียมการไว้แล้ว โดยให้ครูมาสอนภาษาอังกฤษที่บ้าน เตรียมเรียนไว้ล่วงหน้าเลย พร้อมกับเปิดรับเด็ก ๆ วัยใกล้ ๆ กันมาเรียนด้วย คล้ายกับโรงเรียนกวดวิชา ทำให้เรามีพื้นฐานภาษาอังกฤษเพิ่มขึ้น พอจบ ป.4 ก็มาเรียนต่อที่ โรงเรียนสยามวิทยา จนถึง มศ.3 ซึ่งเป็นโรงเรียนที่มีครูและหลักสูตรคล้ายคลึงกับ อัสสัมชัญ ซึ่งเป็นโรงเรียนที่มีชื่อเสียง เน้นการเรียนภาษาอังกฤษ ได้รับความนิยมมากในสมัยนั้น

กิตติพาณิชย์ : คุณแม่ย้ายบ้านมาอยู่ เซ็นต์หลุยส์ ซอย 3 ซึ่งมี โรงเรียน อัสสัมพาณิชย์ กับ กิตติพาณิชย์ อยู่ใกล้ ๆ บ้าน ผมก็สอบทั้งสองแห่ง และตัดสินใจเรียนที่ โรงเรียนกิตติพาณิชยการและธุรกิจ หลักสูตร ม.ศ.4 – ม.ศ.6 ถ้าหลักสูตรสามัญทั่วไปจะมีแค่ ม.ศ.5 แต่เมื่อจบ ม.ศ.6 จากที่นี่ จะได้วุฒิ ปวช. พร้อมกับได้เรียนรักษาดินแดนอีกด้วย, พอเรียนจบ ก็สมัครหางานทำเลย เคยไปลงเรียนปริญญาตรีที่ ม.รามฯ แต่รู้สึกว่าการเรียนต่อเนื่อง 4 ปี ไม่ใช่หนทางของเรา จึงเลือกไปลงเรียนเป็นหลักสูตรระยะสั้นต่าง ๆ เช่น ภาษาญี่ปุ่น ภาษาอังกฤษ ไปสอบโทเฟลวัดความรู้ ยิ่งพอมาทำงานเห็นหัวหน้ามีใบประกาศหลักสูตรต่าง ๆ มากมาย ก็เลยคิดว่า เราเรียนแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน

พนักงานขาย : ผมสมัครงานแห่งเดียวแล้วได้งานเลย ที่บริษัทอุตสาหกรรมพรมไทย หรือคุ้นกันในชื่อ พรมไทปิง ทำหน้าที่เป็นพนักงานขาย ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยคิดว่าจะทำงานแบบนี้ได้ เพราะตอนเด็ก ๆ พูดไม่เก่ง ตอนนั้นไฟแรง ขับมอเตอร์ไซด์เข้าไปหาลูกค้าตามบ้าน ทำงานไปได้สักพัก เพื่อนก็ชวนกันเปิดบริษัทตกแต่งภายใน แล้วต่อมาเพื่อนก็ชักชวนให้ไปทำงานต่างประเทศอีก บางคนไปอเมริกา อยู่กันแบบโรบินฮู้ด ทำงานเก็บเงิน ส่วนอีกสายเขาไปซาอุฯ ทำงานอย่างถูกกฎหมาย

ไปซาอุฯ : ตอนไปสมัครก็ยังลังเล เพราะคนอื่นเขาเรียนมาทางก่อสร้าง แต่ผมจบพาณิชย์ ตอนไปสอบถามก็พบว่าเป็นงานเกี่ยวกับตกแต่ง มีวอล์เปเปอร์ ทำพรม ตกแต่งผนัง งานก่อสร้าง ฝ้า ปูกระเบื้อง เป็นบริษัทคนไทย ที่รับช่วงงานต่อจากบริษัทฝรั่งเศสมาอีกที ซึ่งงานเหล่านี้คุ้นเคยอยู่แล้ว ผมไปในตำแหน่งหัวหน้างาน ทำบัญชี และประสานงานกับหัวหน้าต่างชาติ ได้ใช้ภาษาในการติดต่อสื่อสาร

ประสบการณ์ล้ำค่า : ผมต้องการไปทำงานอย่างถูกต้อง ไม่ต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ ซึ่งเป็นความภูมิใจอย่างหนึ่ง ไปถึงก็เจอกับเจ้านายเป็นคนฝรั่งเศส เขาไม่พูดภาษาอังกฤษ ต้องเปิดดิกชันนารีคุยกัน แล้วก็ได้เพื่อนต่างชาติต่างภาษา เป็นงานที่สนุก ชอบมาก เป็นประสบการณ์ที่ดี ผมไปทำงานด้านตกแต่ง เรารู้วิธีการทำงานทั้งหมด และได้เป็นคนลงมือทำเองด้วย เป็นงานในอาคารของหน่วยงานราชการ โดยรวมสำหรับผมถือว่าสบาย ๆ ได้ทำงานในอาคารที่ติดแอร์ เพราะเป็นงานตกแต่งที่มาทำในช่วงท้าย ๆ ของโครงการ ทุกอย่างเกือบเสร็จหมดแล้ว พอเสร็จจากที่นี่ก็ย้ายไปทำที่อื่นต่อ เป็นงานก่อสร้างบางอย่าง ผมก็ขอลองลงมือทำด้วย อยากหาประสบการณ์ ช่วยลูกน้องด้วย ทั้งผสมปูน โม่ปูน ฉาบ ก่ออิฐ ฯลฯ ทำทุกอย่างที่เขาทำกัน จากที่เคยคุม 3 คน ก็เพิ่มเป็น 20 คน มีโรงครัวของตัวเอง และอาศัยที่ผมพูดภาษาอังกฤษได้ มีการติดต่อกับชาติต่าง ๆ จนกลายเป็นเพื่อนกัน รวมถึงการได้ทำใบขับขี่รถยนต์ของที่โน่น ซึ่งเป็นเรื่องยากมาก ๆ แต่ก็ทำให้ชีวิตสะดวกสบายขึ้นได้บ้างในหลาย ๆ ด้าน และยังได้มีโอกาสช่วยเหลือคนไทยหลายครั้ง ถึงจะไปอยู่แค่ปีเดียว แต่ได้ประสบการณ์ที่หลากหลายมาก

ทำงานบริหาร : กลับมาจากซาอุฯ ก็ได้พบกับลูกพี่ลูกน้องที่เคยยิงนกตกปลากันมาตั้งแต่ตอนเด็ก เขามีบริษัทเกี่ยวกับการนำเข้าเครื่องจักรที่ใช้กับอุตสาหกรรมประเภทต่าง ๆ จากต่างประเทศ และในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับไม้ยังมีตำแหน่งว่างอยู่ก็ชวนผมไปทำด้วย แต่อยู่ได้แค่เดือนเดียว ลูกพี่เก่ารู้ว่าผมกลับมา ก็ดึงตัวให้ไปกลับไปช่วยงานเป็นผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายขาย เจ้านายช่วยสอนงาน ทำให้รู้เรื่องเกี่ยวกับงานบริหาร พาเข้าประชุมฝ่าย ต้องไปประชุมที่โรงงาน ฝ่ายโรงงาน ฝ่ายการเงิน ฝ่ายบริหาร ฝ่ายขาย ฝ่ายต่างประเทศ ต้องนั่งร่วมประชุมกัน ผมก็เก็บสาระต่าง ๆ เหล่านี้ จึงเป็นแหล่งความรู้ที่ผมสะสมมาตลอด

สร้างธุรกิจ : เดิมทีเป็นของครอบครัวภรรยา (บริษัท ล.อนันต์พานิช (1975) จำกัด) เป็นบริษัทที่ก่อตั้งมานานแล้ว จำหน่ายสินค้าพวกฮาร์ดแวร์ วาวล์ เป็นตัวแทนยี่ห้อ Kitz ปัจจุบันก็เป็น Auma, ช่วงนั้นบริษัทญี่ปุ่นได้บอกกับภรรยาผมว่า ในอนาคตจะมีการเติบโตของระบบวาวล์อัตโนมัติ ที่ใช้พลังลม หรือใช้มอเตอร์ ขอให้ช่วยดูตลาดให้ด้วย ซึ่งเธอก็ได้นำเรื่องนี้ไปปรึกษากับครอบครัว แต่ยังไม่มีใครสนใจ เพราะสัดส่วนทางการตลาดตอนนั้นยังมีน้อยมาก พอได้มีโอกาสคุยกับผม ก็เลยเกิดความคิดทำธุรกิจของตัวเองขึ้นมา

SUNNY VALVES : ผมเขียนแผนธุรกิจให้ เพราะถ้าเราไม่สนใจในสิ่งที่ญี่ปุ่นเขาเสนอมา ก็เท่ากับว่าเราทิ้งโอกาสครั้งสำคัญไป ถึงจะโตช้าแต่นั่นก็ต้องเริ่มต้นให้ได้ก่อน เราจึงขอเปิดบริษัทใหม่ เป็น SUNNY VALVES เพราะภรรยาผมชื่อสุนีย์ ตอนเรียนที่อเมริกาเพื่อน ๆ เรียกเธอว่า ซันนี่ ก็ใช้ชื่อนี้ ตอนเริ่มแรกเราเป็นตัวแทนให้กับบริษัท ล.อนันต์ฯ โดยเราสั่งสต๊อกสินค้าตามที่เรามีความต้องการ ผ่าน บริษัท ล.อนันต์ฯ, เราเป็นบริษัทเล็ก ๆ ก่อตั้งขึ้นมาโดยมีแค่ ผู้จัดการฝ่ายขาย กับพนักงานขาย ส่วนผมตอนนั้นยังทำงานประจำอยู่ ก็ได้เซ็ตระบบไว้ให้ โดยในปีแรกเป็นการแนะนำตัว วางแผนการออกงานแสดงสินค้า มีออร์เดอร์เข้ามาบ้างนิดหน่อย เราทุ่มเทให้กับงานเหล่านี้มาก จนภรรยาบอกว่า ผมต้องมาช่วยเต็มตัวแล้ว เพราะนี่คือบริษัทของเราเอง

สินค้าสำคัญ : หลักๆ ของเราคือ หัวขับวาล์ว ยี่ห้อ Auma จากประเทศเยอรมัน เป็นวาล์วที่ใช้ในระบบออโตเมชั่น ยกตัวอย่างอุตสาหกรรมที่ใช้ก็เช่น โรงย้อม ที่มีการผสมสี ด้วยส่วนผสมอัตราส่วนต่าง ๆ เช่น ผงสี น้ำ เมื่อก่อนใช้วิธีตวง ตักส่วนผสมด้วยแรงงาน ทำให้ผมคิดถึงบริษัทพรมที่เคยทำงานมาตลอด พอไปดูก็พบว่ายังใช้ระบบควบคุมด้วยแรงงานคน อาศัยการดูอุณหภูมิ จับเวลา แต่พอใช้ระบบ PLC (Programmable logic Control) เป็นออโตเมชั่น ทุกอย่างทำงานด้วยระบบอัตโนมัติ ทำให้ควบคุมคุณภาพได้แม่นยำขึ้น สินค้าและบริการของเราคือ ลูกค้ากลุ่มกลาง ๆ มีหลากหลาย เช่น โรงย้อม อุตสาหกรรมอาหาร เครื่องดื่ม ส่วนใหญ่เป็นโรงงานของญี่ปุ่น ซึ่งมีระบบการผลิตและสินค้าที่ใช้ ที่เป็นญี่ปุ่นอยู่แล้ว ทำให้มีความต่อเนื่องในการขายและบริการ

หาความรู้เพิ่มเติม : ผมจบพาณิชย์ ขาดพื้นฐานทางด้านวิศวกรรม ก็ไปลงเรียนที่ วิศวกรรมอุตสาหการ จุฬาฯ เป็นหลักสูตรเข้มข้น เรียนหนักมาก กลุ่มคนที่ไปเรียนก็จะคล้าย ๆ กัน คือเป็นทายาทเถ้าแก่ที่จบพาณิชย์ มาเรียนเพื่อหาความรู้เพิ่มเติม ในเรื่องการบริหารจัดการ อุตสาหการ ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับเครื่องมือวัด ความปลอดภัย กฎหมายแรงงาน กฎหมายอุตสาหกรรม และศิษย์เก่าตั้งแต่รุ่น 1 ถึง รุ่น 9 ก็ได้ร่วมกันต่อตั้ง ชมรมนักธุรกิจอุตสาหการ มีศิษย์เก่าประมาณสาม – สี่ร้อยคน ก็นับว่าเยอะพอสมควร โดยผมเป็นนักเรียนรุ่น 7

กีฬากอล์ฟ : สมัยก่อนเราติดต่อธุรกิจกับคนญี่ปุ่น ซึ่งเป็นชาติที่คลั่งไคล้กอล์ฟกันมาก เวลามาประชุม เลิกงาน และวันหยุดเมื่อไหร่ก็จะขอไปเล่นกอล์ฟ เราก็ยินดีจัดการให้ แต่ตอนนั้นยังเล่นไม่เป็น จึงไม่ได้ไปเล่นด้วย เขาเองก็รู้สึกว่าอาจจะเหงาไปบ้างถ้าต้องเล่นคนเดียว ผมกับภรรยาจำเป็นต้องเริ่มหัด เริ่มไปเรียนกอล์ฟที่สนามไดร์ฟทุ่งมหาเมฆ จนสามารถไปเล่นกับญี่ปุ่นได้ แต่ผมเป็นคนใจร้อน จับไม้แล้วอยากตีเลย ท่าทางพอได้ ตีลูกไป แต่ก็ยังควบคุมทิศทางไม่ค่อยได้ ผมใช้ไดร์ฟเวอร์แค่ตอนทีออฟ ที่เหลือจะใช้แต่เหล็ก เคยใช้พวกหัวไม้บ้างเหมือนกัน แต่ไม่ถนัดเท่ากับเหล็ก แล้วยังเคยเห็นเพื่อนชาวญี่ปุ่นเขาใช้ชุดฮาร์ฟเซ็ต แล้ววางระยะด้วยเหล็กได้แม่นมาก เลยจำวิธีนี้มาใช้บ้าง กลับมาก็ยกหัวไม้ออกจากถุงใช้แต่เหล็ก แต่เรื่องการพัตต์สำหรับผมยังไม่ค่อยดี ยังต้องค้นหาอุปกรณ์ที่ถูกใจ และฝึกซ้อมอีกเยอะมาก

บิ้กไบค์ : เมื่อก่อนเพื่อนมีร้านขายบิ้กไบค์ ผมก็ไปหาที่ร้าน เดินดูรถอยู่บ่อย ๆ ตอนนั้นก็มีความคิดที่จะขับเหมือนกัน แต่ก็ยังไม่ได้ซื้อซะที จนกระทั่งเมื่อภรรยาจากไป ผมรู้สึกว่าการขี่รถใหญ่อาจจะเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะได้ผ่อนคลาย รู้สึกถึงความเป็นอิสระ จึงเริ่มหันมาขับบิ้กไบค์อย่างจริงจัง เริ่มขี่มา 6 – 7 ปีแล้ว ได้ออกทริปท่องเที่ยวกับกลุ่มที่ชื่นชอบรถขนาดใหญ่ ระยะเวลาสั้นบ้างยาวบ้าง ทั้งในและต่างประเทศ ออกทริปกลับมาทีไร น้ำหนักก็จะหายไป 2-3 กิโล ส่วนระยะทาง ถ้าวันเดียวก็ 5-6 ร้อยกิโลเมตร สองวันก็ 6-7 ร้อยกิโลเมตร แต่การจะขี่รถพวกนี้ได้ ต้องไปเรียนหาทักษะเพิ่ม ร่างกายจะต้องแข็งแรงสมบูรณ์ เพราะรถหนักสองร้อยกว่ากิโล เราต้องประคองรถให้ได้ หากทำรถล้มแล้วยกไม่ขึ้นจะรู้สึกเสียหน้ามาก ทำให้เราต้องฝึกร่างกายให้พร้อมก่อนเป็นอันดับแรก

ยิงปืน : ผมยิงปืนแบบรณยุทธ เริ่มมาเมื่อยี่สิบกว่าปีแล้ว เป็นกีฬาที่ชอบมาก เพราะสนุก ท้าทาย รูปแบบสนาม ไม่เคยซ้ำกัน เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ เล่นมาจนถึงปัจจุบัน ทำให้มีถ้วยรางวัลเยอะ เคยแข่งในรายการระดับโลก ที่เข้ามาจัดในประเทศไทย เพราะผมเคยคิดจะไปร่วมแข่งที่ต่างประเทศ แต่การเดินทางต้องใช้เวลามาก ภาระหน้าที่เรามีเยอะ ทำให้เลือกเล่นเฉพาะรายการที่แข่งในประเทศไทย, การเล่นอาวุธปืน หลายคนคิดไปเองว่า เราเป็นนักกีฬาสะพายเป้ คงต้องพกอาวุธปืนที่บรรจุกระสุนอยู่ด้วยตลอด แต่ในความเป็นจริงแล้ว เราต้องรู้จักกาลเทศะในการใช้ปืน หลังฝึกซ้อมหรือแข่ง ต้องแยกปืนกับแม็กกาซีนออกจากกัน เก็บไว้ที่ฝากระโปรงท้ายตามกติกาทุกประการ เพื่อตัดปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น

อารมณ์ : ในอดีตผมเป็นคนใจร้อน อะไรไม่ถูกใจ ก็จะระเบิดออกมาทันที แต่จบแล้วจบเลย จนกระทั่งเมื่อภรรยาป่วย ต้องรักษาด้วยวิธีต่าง ๆ รวมถึงการใช้วิธีทางธรรมในการสงบจิตใจ และเมื่อสอบถามกับเพื่อนนักเรียน ที่มีคุณแม่ (คุณแม่ประพิณ) อยู่ที่เชียงใหม่ ว่าถ้าอยากนั่งสมาธิปรับจิตใจบ้างจะทำยังไงดี ท่านก็แนะนำว่า ให้ไปพบ หลวงปู่ทอง ที่วัดพระธาตุศรีจอมทอง อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ ท่านเป็นครูใหญ่สอนวิปัสสนาทางภาคเหนือ

ปฏิบัติธรรม : ผมกับภรรยา ได้อาศัยอยู่ในบ้านของคนมีฐานะ ใจดี ที่สร้างขึ้นมาสำหรับการฝึกปฏิบัติวิปัสสนาโดยเฉพาะ หลังจากรับขันธ์ แต่งชุดขาวแล้ว ก็ได้ปฏิบัติตามคำสั่งของหลวงปู่ ที่มีรายละเอียดมาให้ เช่นการนั่งสมาธิ การเดินจงกลม โดยมีแม่ชีเป็นผู้คอยสอน หรือจะไปปฏิบัติที่ศาลาก็ได้ ผมตั้งใจไปแค่ 7 วัน แต่พอครบ แม่ชีก็พูดว่า จิตเราเหมือนน้ำที่ขุ่นอยู่ ตะกอนเพิ่งเริ่มนอนก้น จะกลับแล้วหรือ, ผมก็ต้องอยู่ต่ออีก 7 วัน พอถึงวันที่ 14 แม่ชีก็ถามอีกว่า ทำไมไม่อยู่ให้จบคอร์ส ทั้งหมด 21 วัน, สรุปก็คือ ผมได้อยู่จนครบหลักสูตร แล้วยังต้องสอบอารมณ์ให้ผ่านอีก โดยเฉพาะ 3 วันหลัง เข้มข้นมาก ไม่ต้องนอน ไม่ต้องออกมากินข้าว มีคนไปส่งถึงหน้าห้อง จนกระทั่งถึงวันสอบ ภรรยาผมสอบผ่าน แต่ผมไม่ผ่าน ต้องอยู่สอบซ่อมต่ออีก ก่อนจะได้กลับบ้าน ซึ่งวัตถุประสงค์หลักก็คือ ผมต้องการให้ภรรยาให้ปฏิบัติจนสอบผ่านเรื่องอารมณ์ ส่วนของผมได้แค่ไหนก็นับว่าเป็นกำไรแล้ว หลังจากนั้นเราก็แนะนำให้คนอื่น ๆ ได้ไปปฏิบัติธรรมแบบนี้กันบ้าง จนปัจจุบันกลายเป็นสายธรรม แล้วยังได้เรียนได้อ่านบทคำสอนต่าง ๆ ที่เป็นสัจธรรม ถึงแม้ว่าบางช่วงอาจจะต้องใช้ชีวิตในทางโลกสลับกันไปมา แต่ก็ช่วยทำให้จิตใจสงบ มีสติ

เย็นลง : จากเคยมีอารมณ์โกรธมาก ก็ลดน้อยลง เพราะสิ่งเหล่านี้มันทำร้ายตัวเองทั้งนั้น อารมณ์อาจจะมีขึ้น ๆ ลง ๆ บ้าง แต่ก็เป็นแนวเส้นตรงมากขึ้น ขณะที่เมื่อก่อน อะไรนิดเดียวก็ไม่ได้ เจ้าระเบียบมาก ใครขับรถเฉี่ยวชนมา ถ้ารู้ จะบ่นไม่หยุด แต่เดี๋ยวนี้ ลูกขับรถไปเฉี่ยวมา ก็บอกว่าไม่เป็นไร ของมันนอกกาย ซ่อมแล้วก็หาย หรือเมื่อก่อนรถติดก็เครียด เป็นทุกข์ใจ กังวลว่าจะไปธุระไม่ทัน หงุดหงิดมาก แต่ถ้าเราทำใจได้ จะติดกี่ชั่วโมง เราก็นั่งหลังพวงมาลัย เปิดแอร์เย็น ๆ ฟังเพลงเพราะ ๆ ไป อย่าไปเครียดกับสิ่งที่เราแก้ไขไม่ได้ เพราะทุกคนก็เสียเวลาเหมือนกับเราทั้งนั้น

หลักการบริหาร : ความซื่อสัตย์ ความจริงใจ และความเป็นมืออาชีพ คือสิ่งที่ผมยึดถือมาตลอด เราต้องยืนหยัดกับชื่อเสียงที่สั่งสมมา และความจริงใจก็ทำให้ลูกค้าไว้เนื้อเชื่อใจเรา ทำอะไรตรงไปตรงมาดีที่สุด ถ้าหากเราขายสินค้าที่ไม่มีคุณภาพ หรือทำให้ลูกค้าสับสน อาจจะขายได้แค่ครั้งเดียว ส่งผลเสียให้กับตัวเอง ห้ามทำแบบนี้เด็ดขาด และความเป็นมืออาชีพ ต้องรู้จริงในสิ่งที่ทำ ปัญหาอะไรที่เกิดขึ้นก็ต้องพร้อมแก้ไขอย่างถูกวิธี การทำแบบนี้จะช่วยให้ธุรกิจมีความมั่นคง และยั่งยืนครับ.